ฉินหนานเซิงโมโหไม่เบาเลย ได้ออกคำสั่งให้ไป๋เฉิงไปตรวจสอบทันที
ซูสือเยว่เห็นสถานการณ์แล้ว ได้ฝากซิงหยุนกับซิงกวงไว้ให้กับเขา ส่วนตัวเองได้จูงมือซิงเฉินลงไปหาลั่วเยียนที่ห้องผู้ป่วยชั้นล่าง
ตอนที่พวกเธอมาถึง ลั่วเยียนกำลังคุยกับหมอด้วยตาแดงก่ำอยู่
เห็นซูสือเยว่ยังได้ประหลาดใจมาก:“สือเยว่ เธอมาได้ยังไง?”
“ฉันได้ยินว่าเธออยู่นี่ เลยมาเยี่ยมเธอสักหน่อย”
ลั่วเยียนอำลากับคุณหมอ แล้วเดินมาพูดคุยกับซูสือเยว่
“เธอมีใจแล้ว”
“น้าลั่วเยียนไม่ต้องเสียใจนะครับ”
“ลูกอมอันนี้ให้คุณน้าครับ หม่ามี๊ของคุณน้าจะต้องดีขึ้นแน่นอนครับ”
ซิงเฉินเอาอมยิ้มออกมาจากกระเป๋า พอยื่นให้กับลั่วเยียนแล้วยังคอยพูดจาปากหวาน
ที่ซูสือเยว่พาซิงเฉินมา ก็เพราะรู้สึกว่าเจ้าตัวแสบคนนี้สร้างรอยยิ้มให้คนรอบข้างเก่งมาก
ความจริงพิสูจน์ว่าเธอทำถูกแล้ว
ลั่วเยียนรับลูกอมที่ซิงเฉินให้เธอ ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ผ่อนคลายออกมา:“ขอบคุณซิงเฉินนะ เดี๋ยวรอให้หม่ามี๊ของน้าหายดีแล้ว น้าเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่ผมนะครับ”
ซิงเฉินรีบพยักหน้า “งั้นหผมจะกินปิ้งย่างนะครับ”
ลั่วเยียนยิ้มอีก:“โอเคครับ”
พูดคุยกับซิงเฉินเสร็จ ลั่วเยียนได้มองมาที่ซูสือเยว่อีก
“คุณหมอว่าไงบ้าง อาการของคุณป้าเป็นยังไงบ้าง?”
“ก่อนหน้านี้อาการหนักนิดหน่อย ดีที่มีคนใจดีบริจาคไตให้ อีกทั้งยังตรวจจับคู่สำเร็จกับแม่ฉัน คุณหมอบอกถึงแม้ผ่าตัดมีความเสี่ยงอยู่ แต่เปอร์เซ็นต์ที่จะสำเร็จก็สูงมากเช่นกัน”
“จะเข้ารับการผ่าตัดวันไหน?”
“อีกสามวันข้างหน้า”
ซูสือเยว่ตบไหล่ของเธอ “หลายวันนี้เธอต้องลำบากหน่อยนะ แต่ตอนที่ดูแลคุณป้า ก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะ รู้ยัง?”
ลั่วเยียนได้ยินแล้วยิ้ม:“ฉันรู้แล้ว”
“อย่ามัวแต่ยืนคุยอยู่ข้างนอกเลย เข้าไปนั่งข้างในกันเถอะ”
“ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้เยี่ยมคุณป้าด้วย”
ทั้งสามคนเข้าไปในห้องผู้ป่วยด้วยกัน ซูสือเยว่แว๊บแรกก็สังเกตเห็นผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงขอบเตียงและกำลังพูดคุยกับคุณแม่ลั่ว
เธอประหลาดใจเล็กน้อย จึงได้หันหน้าไปถามลั่วเยียน:“นี่คือ……”
ลั่วเยียนรีบแนะนำให้เธอทันที:“อ๋อ นี่คือหรงหลิน เพื่อนร่วมงานที่ท่านเวินแนะนำให้ฉัน”
“หรงหลิน นี่คือซูสือเยว่ เธอเป็นเพื่อนสนิทของฉันค่ะ”
หรงหลินได้ยินแล้วลุกขึ้นเดินมาที่ข้างกายของซูสือเยว่ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มที่ใสสะอาด
“คุณนายฉิน ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของคุณมานานมากแล้วครับ”
ซูสือเยว่ยักคิ้ว:“คุณเคยได้ยินชื่อของฉัน?”
“คุณนายฉินที่โด่งดังไปทั่วเมืองหรง ฟันฝ่าจากแสตนอินมาตลอดทาง จนตอนนี้กลายเป็นดาราที่มีชื่อเสียงมาก ใบหน้าของคุณก็เหมือนโลโก้ตัวเป็นๆ ผมไม่อยากรู้จักก็ยังยากเลยครับ”
ซูสือเยว่ฟังแล้วยิ้ม เธอรู้สึกได้ถึงความรู้สึกเป็นศัตรูที่แพร่มาจากบนตัวหรงหลินได้อย่างประหลาดใจ
“ถ้าคุณหรงรู้จักฉันผ่านการข่าวและคำค้นหายอดฮิต งั้นคงไม่ค่อยประทับใจฉันเท่าไหร่สินะคะ?”
“ทำไมคุณนายฉินถึงพูดแบบนี้ล่ะครับ?”
“ข่าวที่เกี่ยวข้องกับฉันในช่วงนี้ เหมือนล้วนไม่ใช่ข่าวดีอะไรเลย”
“หมายถึงเรื่องที่คุณแปลงร่างเป็นสวี่หรงเปิดสถานฝึกศิลปะป้องกันตัว เก็บค่าเล่าเรียนแค่หนึ่งหยวนสอนเด็กผู้หญิงเหรอครับ?”
ซูสือเยว่ไม่ได้พูดอะไร ไม่ยอมรับและไม่ได้ปฏิเสธ
“เรื่องนี้มีข้อพิพาทค่อนข้างเยอะจริงๆ แต่ผมเชื่อว่าที่จริงความตั้งใจเดิมของคุณนายฉินคือคิดแทนเด็กผู้หญิงพวกนั้น ที่จริงผมนับถือคุณมาก ขอแค่เป็นเรื่องที่อยากทำก็จะไปทำแน่นอน ไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง ขอแค่ไม่ละอายแก่ใจตัวเอง เหมือนจอมยุทธ์ในสมัยโบราณเลยครับ”
ซูสือเยว่ยักคิ้ว ทั้งๆที่เป็นคำชม แต่พอฟังอยู่ในหูของเธอแล้ว กลับรู้สึกบาดหูอย่างไร้สาเหตุ
“คุณหรงพูดซะฉันอายจนจะแทรกแผ่นดินหนีอยู่แล้วค่ะ”
ลั่วเยียนมองเธออย่างประหลาดใจ:“ทำไมต้องอายจนจะแทรกแผ่นดินหนีด้วย ทั้งๆที่กำลังชมเธอ”
ลั่วเยียนรู้สึกว่าหรงหลินพูดถูก ที่จริงเธอก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
ถึงแม้คนมากมายต่างก็เข้าใจซูสือเยว่ผิด แต่เท่าที่เธอเห็น การกระทำมากมายของซูสือเยว่ล้วนเท่ห์มาก!
ซูสือเยว่หันไปมองลั่วเยียน รู้สึกไอดอลคนที่ตัวเองชอบมาโดยตลอดคนนี้ช่างน่ารักและใสซื่อจริงๆ
เธอฟังไม่ออกเลยว่าคำพูดของหรงหลินแฝงด้วยการเหน็บแนม กลับกันยังนึกว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังชมเธอจากใจจริงอีก
ซูสือเยว่ยิ้มอ่อนๆ
“เพราะจากปากของคุณหรง ฉันไม่เหมือนจอมยุทธ์หญิงอะไรนั่นเลย กลับเหมือนคนเห็นแก่ตัวที่ขอแค่ตัวเองมีความสุขก็จะกระทำผิดอย่างเหิมเกริมสารพัดอย่าง”
หรงหลินยักคิ้วสวยเล็กน้อย แววตามีความรู้สึกผิดโผล่ขึ้นมา
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นครับ คุณนายฉินคงจะเข้าใจความหมายผมผิดไปแล้วครับ”
“เข้าใจผิดหรือเปล่า คุณหรงน่าจะรู้ดีค่ะ?”
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน บรรยากาศผิดสังเกตนิดหน่อย
ลั่วเยียนค่อนข้างทำอะไม่ถูก มีรู้ทำไมสือเยว่ถึงได้ปะทะกับหรงหลิน
ในขณะที่ลั่วเยียนกำลังมึนงงอยู่ หรงหลินได้เป็นฝ่ายถอยหลังไปหลายก้าว
จากนั้นได้พูดกับซูสือเยว่ด้วยรอยยิ้ม:“คุณนายฉิน คุณมาที่นี่น่าจะไม่ใช่แค่มาเยี่ยมลั่วเยียนกับคุณป้ามั้งครับ?คุณได้ไปเยี่ยมคุณชายน้อยฉินมา?เขาได้พูดอะไรกับคุณใช่หรือเปล่าครับ ถึงได้ทำให้คุณเข้าใจผมผิด”
คำพูดนี้พูดจบ ลั่วเยียนก็เข้าใจขึ้นมาทันที
“ฉินหนานเซิงพูดอะไรไม่ดีของหรงหลินให้เธอฟัง?”
เธอกัดฟันกรอด ไม่นึกเลยว่าคนอย่างฉินหนานเซิงยังจะวิ่งไปฟ้องด้วย!
เก่งจริงๆ ทำไมเมื่อก่อนดูไม่ออกเลยว่าเขาเป็นคนแบบนี้
ซูสือเยว่ฟังจบแล้วขมวดคิ้ว:“ฉันได้ไปเยี่ยมหนานเซิงมาจริงค่ะ แต่เขาไม่ได้เอ่ยถึงคุณเลยค่ะ”
หรงหลินยิ้มอย่างอ่อนโยนทีนึง:“สงสัยผมคงจะเข้าใจคุณชายน้อยฉินผิดไปแล้ว คราวหน้าถ้าเจอเขาจะต้องขอโทษเขาแน่นอนครับ”
“ขอโทษะอะไรคะ ก็เห็นๆอยู่ว่าเขาเสียมารยาทเอง!”
“ลั่วเยียน นั่นมันคนละเรื่องกันครับ”
“คุณนายฉินน่าจะไม่พูดเท็จเพื่อปกป้องหลานชายของสามีเธอหรอกครับ ผมเข้าใจคุณชายน้อยฉินผิดจริงๆ ก็ควรจะต้องขอโทษเขาครับ”
“แต่ว่า……”
ลั่วเยียนกัดฟันพร้อมทั้งมองซูสือเยว่อีกแว๊บนึง ในแววตาแฝงด้วยความสงสัยที่ชัดเจน
ซูสือเยว่เกือบจะถูกยั่วโมโหจนหัวเราะ
เยี่ยมมาก ฝีมือหลอกผู้หญิงของหรงหลินคนนี้สูงขนาดนี้ ไม่นึกเลยว่ายังเป็นผู้ชายแรดด้วย
ฉินหนานเซิงดูแล้วเป็นคนชกต่อยเก่งมาก ที่จริงเป็นคนโง่คนนึง ไม่งั้นก็ไม่นานป่านนี้ก็ยังไม่รู้ใจตัวเองหรอก ทำเอาซะตอนนี้ถึงขั้นจีบเมียจนได้รับสินความทุกข์ทรมาน
ถ้าให้ฉินหนานเซิงเจอกับหรงหลินตัวต่อตัวเอง จะต้องถูกรังแกตายแน่ๆ
ตอนนี้ซูสือเยว่ไม่คิดจะสนใจผู้ชายแรดคนนี้ เธอเลือกที่จะเดินเข้าไปทักทายกับคุณแม่ลั่ว
“สวสัดีค่ะคุณป้า หนูมาเยี่ยมคุณป้าค่ะ ช่วงนี้อาการคุณป้าเป็นไงบ้างคะ?”
“คุณซูเหรอคะ ขอบคุณที่มาเยี่ยมป้าค่ะ ที่จริงป้าก็ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ยังต้องลำบากคุณวิ่งมาเที่ยวนึงอีก ป้าเกรงใจจริงๆเลย”
“ไม่รบกวนค่ะ ลั่วเยียนเป็นเพื่อนสนิทของหนู แม่ของเธอก็เหมือนแม่ของหนูค่ะ”
ซูสือเยว่ยิ้ม จากนั้นได้เปิดกระติกเก็บความร้อนที่หิ้วอยู่ในมือออก
“นี่เป็นซุปไก่ที่หนูตุ๋นเอง ก่อนมาได้ถามคุณหมอมาโดยเฉพาะ อันนี้บำรุงร่างกายมาก ดื่มก่อนผ่าตัดมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูร่างกายของคุณป้าค่ะ”
“โอ้ว งั้นขอบคุณหนูมากเลยนะ”
ซูสือเยว่ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นได้ตักซุปไก่ออกมาให้เธอถ้วยนึง
ลั่วเยียนรีบรับถ้วยมา:“ฉันมาเอง สือเยว่ ขอบใจเธอนะ”
ซูสือเยว่ฟังที่พูดแล้วได้ลุกขึ้นขยับพื้นที่ตรงขอบเตียงให้ ตอนที่หันหน้าพบว่าหรงหลินกำลังจ้องมองซิงเฉินที่อยู่ข้างๆ
นึกถึงเรื่องที่ซิงเฉินเจอก่อนหน้านี้ ซูสือเยว่ตกใจ
เธอรีบเดินไปบังการมองเห็นของหรงหลินไว้
“จู่ๆนึกขึ้นมาได้ว่าท่านปู่ฉินกับท่านเวินเป็นเพื่อนกันมาหลายชั่วคน แต่ท่านเหมือนไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเมืองหรงมีตระกูลหรงอะไรด้วย ไม่ทราบว่าคุณหรงเป็นคนเมืองหรงหรือเปล่าคะ?”