สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 415 เด็กสมัยนี้ไม่มีจรรยาบรรรณในการต่อสู้

ซูสือเยว่ทั้งประทับใจทั้งประหลาดใจ

“รับใช้แค่ฉันคนเดียวเหรอ แบบนี้มันจะไม่ฟุ่มเฟือยเสียเปล่าเกินไปเหรอ”

ฉินโม่หานยิ้ม “ตามใจแค่คุณคนเดียว แบบนี้ยังไม่พอใจอีกเหรอ”

“ไม่ใช่ไม่พอใจ แค่รู้สึกว่าแบบนี้มันมากเกินไป”

ถึงปากจะบอกว่ามันมากเกินไป แต่มุมปากกลับยกยิ้มจนอย่างไรก็ไม่คลาย

ฉินโม่หานเห็นท่าทางกลั้นยิ้มของเธอ ในใจพลันอ่อนยวบ และยิ้มตามอย่างช่วยไม่ได้

“มีอะไรที่เกินไป สามีมีความสามารถที่จะตามใจภรรยา คนอื่นจะอิจฉาตาร้อนก็ช่างสิ”

“บริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ขนาดใหญ่ รับใช้แค่ฉันคนเดียว จะทำให้เสียทรัพยากรไปหรือเปล่า”

ซูสือเยว่ไม่ค่อยสบายใจนัก บริษัทบันเทิงที่ใหญ่ขนาดนี้ ทุกๆ วันต้องใช้เงินจำนวนมากในการจัดการการบำรุงรักษา ถ้าตนไม่ดัง ไม่สามารถสร้างมูลค่าได้ เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สูญเสียเงินไปทุกวันๆ หรอกเหรอ

แบบนี้ไม่เป็นการดี

ฉินโม่หานหัวเราะ “ถ้าคุณกลัวว่าจะสูญเสีย งั้นก็เอาศิลปินที่ดูดีมาเซ็นสัญญาเข้าบริษัทสิ ให้พวกเขาทำเงินให้คุณ แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวแล้ว”

พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็มองไปยังลั่วชิงเจ๋อ “ต่อไปถ้าชิงเจ๋อมา ก็สามารถเซ็นสัญญากับซิงเยว่เอนเตอร์เทนเมนท์ได้โดยตรง”

ลั่วชิงเจ๋อที่ฟังการสนทนาของพวกเขาอยู่ ไม่สามารถอธิบายได้ว่านี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจแค่ไหน

เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าวิธีเอาใจภรรยาของคนมีเงินจะเอาแต่ใจได้ขนาดนี้

ถ่ายโอนบริษัทบันเทิงมาโดยตรง เพียงเพื่อครอบครองเธอไว้คนเดียว

แล้วก็ ถ้าซูสือเยว่ไม่ได้เตรียมหวนคืน ฉินโม่หานก็คงจะไม่มีทางเปิดเผยเรื่องการเทคโอเวอร์บริษัทให้ซูสือเยว่ได้รับรู้ บริษัทนี้ก็จะปิดตัวไปตลอด

บริษัทบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ กระแสรายวันของทุกวันเดาว่าต้องเป็นร้อยล้าน แต่เจ้าพ่อฉินไม่แม้แต่จะกะพริบตา

ลั่วชิงเจ๋อรู้สึกทึ่งมาก

ในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจกับตัวเอง หลังจากนี้เขาจะได้เป็นพนักงานของซิงเยว่เอนเตอร์เทนเมนท์ แม้จะไม่ได้เป็นผู้ช่วยให้ซูสือเยว่ แต่แน่นอนว่าก็จะต้องมีเงินเป็นจำนวนมาก

เพราะประธานฉินของพวกเขา ร่ำรวยน้อยเสียที่ไหนกันล่ะ!

“ได้……ได้ครับ ขอบคุณประธานฉิน”

ซูสือเยว่ฟังจบก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เมื่อครู่ยังเป็นคุณฉิน ตอนนี้ทนไม่ไหวจนเรียกประธานฉิน ดูเหมือนว่าภาพลักษณ์ของคุณฉินในฐานะประธานที่เอาแต่ใจจะหยั่งรากลึกในจิตใจของผู้คนเข้าเสียแล้ว

ฉินโม่หานยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ได้ยินซิงหยุนพูดว่า “ผมก็จะเข้าร่วมด้วยครับ”

เขาจะไปเป็นนักวิเคราะห์และผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ในงานของหม่ามี๊ เขาเชื่อว่าตราบใดที่มีเขาอยู่ จะไม่มีทางให้หม่ามี๊ต้องโดนเอาเปรียบอีก

เห็นซิงหยุนกระฉับกระเฉงขนาดนี้ ซิงกวงจึงรีบยกมือ

“ฉันก็จะเข้าร่วมด้วยค่ะ! ฉันสามารถเป็นดาราเด็กได้ ไปออกงานในที่สาธารณะเป็นเพื่อนหม่ามี๊ นำผลกำไรมาสู่บริษัท ฉันยังสามารถเป็นสไตลิสต์ของหม่ามี๊ได้ด้วย ให้คำแนะนำในเรื่องรูปร่างของหม่ามี๊ ถึงขั้นควบคุมจัดการพวกคอมเมนท์แอนตี้ให้หม่ามี๊ได้ด้วย!”

ซิงเฉินก็เอาด้วย “ผมด้วย! ผม…..ตอนนี้แด๊ดดี้ยุ่งมาก ผมสามารถเข้าร่วมประชุมกับลูกน้องในบริษัทแทนแด๊ดดี้ได้ ผมยังสามารถช่วงชิงสิ่งดีๆ มาให้หม่ามี๊ได้ด้วย และสามารถช่วยหาดาราดังๆ มาเข้าบริษัทได้ การเป็นดาราเด็ก ผมก็ทำได้!”

ซูสือเยว่ “………”

ต้องบอกว่า ลูกๆ ของเธอมีความสามารถเกินตัวกันจริงๆ

ฉินโม่หานกวาดตามองพวกลูกๆ บ้าคลั่งทั้งสามที่ปล้นเครดิตของตัวเองไป พลันส่งเสียงเยาะขึ้นจมูก

“ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ฉินซื่อกรุ๊ป ฉันอยากให้พวกแกช่วยฉันดูแลจัดการบริษัท ทำไมแต่ละคนไม่เห็นจะกระตือรือร้นแบบนี้”

ซิงเฉินหน้าด้านที่สุด กะพริบตาปริบๆ อธิบายว่า “ตอนนั้น พวกเรายังเด็กนี่ครับ”

“ตอนนี้ไม่ใช่แล้วหรือไง”

ซิงเฉินพยักหน้าอย่างเขินๆ “ตอนนี้พวกเราโตขึ้นแล้ว สามารถทำอะไรด้วยตัวเองได้แล้วครับ”

ซิงกวงใช้เทคนิคตามน้ำ “จริงค่ะ อีกอย่างฉินซื่อกรุ๊ปก็ไม่ใช่บริษัทของเราเอง ทำไมเราต้องกระตือรือร้นให้มากด้วยล่ะคะ”

ฉินโม่หานเลื่อนสายตามองไปยังซิงหยุน

ซิงหยุนพูดว่า “และฉินซื่อก็ไม่มีหม่ามี๊”

และเขาไม่ทำงานให้คนอื่น เขารับใช้หม่ามี๊แค่คนเดียว

ซูสือเยว่ประทับใจอย่างสุดซึ้ง แทบอยากเข้าไปจูบเรียงคน

ลูกใครหนอช่างเหมือนเทวดานางฟ้าพาให้คนต้องหลงรักจริงๆ

ฉินโม่หานแอบเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ได้ ไอ้พวกลูกกระต่าย เขาจะจำเอาไว้ทั้งหมดเลย

“งั้นได้ ฉันจะให้อำนาจในการบริหารกับพวกแก พวกแกแต่ละคนต้องเลือกทิศทางที่จะรับผิดชอบหม่ามี๊ของพวกแก เมื่อถึงเวลาเกิดปัญหาขึ้นที่ตรงไหน ฉันจะให้พวกแกรับผิดชอบ”

ซิงหยุน “ไม่มีทางเกิดปัญหาหรอกครับ”

เขามั่นใจสกิลแฮกเกอร์ของตัวเองมาก

ฉินโม่หานเหลือบมองเขา “เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน ลืมเหตุผลข้อนี้อีกแล้วเหรอ”

ซิงหยุนนึกถึงเรื่องที่ตัวเองแพ้ให้ฉินโม่หาน จึงก้มหน้าเงียบเสียงลง

หลังจากผ่านไปนาน เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

“ตรงไหนที่ผมไม่เข้าใจ แด๊ดดี้สอนผมก็ได้ครับ”

ฉินโม่หานมองลูกชายคนโตของตัวเองด้วยความแปลกใจ “แกแน่ใจ?”

ซิงหยุนพยักหน้า “ออกเงื่อนไขมาเลยครับ”

“งั้นถ้าต่อจากนี้ฉันต้องการให้หม่ามี๊ของพวกแกทำอาหารให้ฉันคนเดียวล่ะ”

ซิงหยุนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ขอเปลี่ยนครับ”

เขาไม่อยากละทิ้งสวัสดิการที่สมควรได้รับไป

“งั้นยกเลิกนิทานก่อนนอนและจูบราตรีสวัสดิ์ของพวกแก”

ซิงหยุน “……ไม่เอา”

“เจ้าเด็กนี่ นี่คือท่าทีของแกในการขอร้องคนอื่นเหรอ”

ซิงหยุนมองเขาตรงๆ สักพัก แล้วจู่ๆ ก็หันหน้าหนี

“หม่ามี๊ แด๊ดดี้แกล้งผม แถมยังไม่สอนผมด้วย”

ฉินโม่หาน “………..”

แม่ง เด็กสมัยนี้ไม่มีจรรยาบรรรณในการต่อสู้เลย

ไม่อยากเชื่อว่าจะฟ้องภรรยาตนต่อหน้า ซิงหยุนเรียนรู้อะไรแย่ๆ มาเสียแล้ว

อย่างที่คาด ซูสือเยว่ที่เมื่อครู่มีความสุขที่พ่อลูกเถียงกันทำหน้าบึ้งทันที

“ฉินโม่หาน คุณแกล้งซิงหยุนทำไม ในฐานะพ่อ มีความสามารถแต่ไม่สอนลูกชาย แถมยังคิดข่มขู่เขาอีก ใช้ได้เหรอ”

ฉินโม่หาน “…….ภรรยา ผมผิดไปแล้ว”

เมื่อได้ยินการยอมรับผิดจากแด๊ดดี้อย่างไม่น่าเชื่อ ซิงเฉินกับซิงกวงก็สบตากัน เป็นเชิงว่าได้เรียนรู้แล้ว

สมแล้วที่เป็นพี่ใหญ่ของพวกเขา แข็งแกร่งสุดๆ ไปเลย

“หม่ามี๊ ฉันก็อยากให้แด๊ดดี้สอนฉันด้วยค่ะ” ซิงกวงพูด

“หม่ามี๊ แด๊ดดี้ก็ชอบแกล้งผม ให้ผมเปิดการประชุมให้เขา บีบคั้นวัยเด็กของผม” ซิงเฉินเสริม

ฉินโม่หาน “………..”

เขากัดฟันกรอดๆ “พวกแกจะก่อกบฏใช่ไหม”

ซูสือเยว่เลิกคิ้วทันที “คุณดุใคร”

ฉินโม่หาน “……ผมผิดไปแล้ว”

ลั่วชิงเจ๋อกำลังดูละคร มองไปมองมาแล้วอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะ

ดีจัง ครอบครัวคุณฉิน พวกเขาสุขสันต์กันมากๆ เลย

ถ้าเป็นไปได้ เขาก็หวังว่าพี่สาวจะได้รับความสุขของตัวเองด้วยเช่นกัน

เพียงแต่ไม่รู้ว่า พี่สาวกับพี่เขยที่อยู่ในรถอีกคัน ปฏิสัมพันธ์ในตอนนี้เป็นยังไงบ้าง

ในขณะเดียวกัน

ฉินหนานเซิงที่ถูกหมอดุหนักก้มหน้าลงด้วยความอับอาย

“ผมสำนึกผิดแล้วจริงๆ ครับ”

ฉินหนานเซิงทำหน้าขอโทษโดยไม่มีข้อแก้ตัว รู้สึกห่อเหี่ยวอย่างมาก

หมอที่รับผิดชอบในครั้งนี้คือไป๋ยู่หนาน เพื่อนสนิทของอาเล็กของเขา ซึ่งถือว่าเป็นผู้ใหญ่ที่นับถือของเขาด้วย

ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถไปโกรธได้ และยังต้องเชื่อฟัง แสนจะขายขี้หน้าจริงๆ

ดีที่ไป๋ยู่หนานในที่สุดก็เหนื่อย หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาให้เขา ก็ขยับเปลี่ยนเป้าหมายไป

ไป๋ยู่หนานไปตรวจให้คุณแม่ลั่ว คุณพ่อลั่วตึงเครียดอยู่ข้างๆ ตอบคำถามง่ายๆ ของไป๋ยู่หนานเป็นครั้งคราว

ลั่วเยียนนั่งข้างคุณแม่ลั่ว แต่สายตากลับแอบมองไปทางฉินหนานเซิง

สังเกตเห็นว่าฉินหนานเซิงเหมือนจะไร้แรงกายแรงใจ เมื่อฟังไป๋ยู่หนานบอกถึงสถานการณ์ของคุณแม่ลั่วว่ายังถือว่าคงที่เรียบร้อยแล้ว เธอถึงค่อยๆ ลุกขึ้น

“คุณโอเคไหม”

ลั่วเยียนลังเลสักพัก แต่ก็ยังไปนั่งลงข้างฉินหนานเซิง

ฉินหนานเซิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความดีใจทันที

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset