“ผม……ผมไม่เป็นไร”
ฉินหนานเซิงกะพริบตา จู่ๆ ก็รู้สึกสับสนนิดหน่อย
เขาควรดีใจ เพราะลั่วเยียนเป็นห่วงเขา คิดจะทำตัวน่าสงสาร แต่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นห่วง จึงค่อนข้างกระอักกระอ่วนขึ้นมากะทันหัน
ลั่วเยียนเห็นความสับสนในสีหน้าของเขา ทันใดนั้นจึงสูดหายใจเข้าลึก
“เรื่องวันนี้ ขอบคุณคุณนะ”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมหรอก”
ฉินหนานเซิงขมวดคิ้ว ไม่ชอบใจเล็กน้อย
“ความสัมพันธ์ระหว่างเรา ไม่จำเป็นเลยที่คุณต้องพูดคำนี้กับผม”
ลั่วเยียนมองเขาสักพัก ทันใดนั้นก็พูดว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างเราคืออะไร”
ฉินหนานเซิงตัวแข็งทื่อ จิตใต้สำนึกสั่งให้มองตาของเธอโดยอัตโนมัติ
“ความ……ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา”
สายตาลั่วเยียนชัดเจนมาก มองเขาอย่างมั่นคง เหมือนต้องการมองเข้าไปถึงก้นบึ้งในหัวใจเขา
“หนานเซิง ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณไม่ตกลงหย่ากับฉัน ระหว่างเรา……ตกลงกันเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ยังไงคุณก็ไม่รักฉัน งั้นก็ปล่อยฉันให้เป็นอิสระ ไม่ดีเหรอ”
ฉินหนานเซิงดวงตามีแววสับสน “ไม่……ไม่ใช่นะ”
“ฉันพูดผิดเหรอ งั้นความหมายของคุณคือ คุณตกหลุมรักฉันอีกครั้งงั้นเหรอ”
สีหน้าของฉินหนานเซิงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที แม้เขาจะรู้สึกว่าตัวเองรักลั่วเยียน แต่ด้วยแววตาสว่างใสของเธอ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกละอายใจขึ้นมา
เขาไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้กับลั่วเยียนมากก่อน
ตลอดมาลั่วเยียนเป็นฝ่ายไล่ตามเขา เขาไม่เคยแสดงความรักต่อลั่วเยียนเลย
ให้เขาสารภาพแบบนี้ มันค่อนข้างอยากที่จะพูดจริงๆ
ลั่วเยียนรอสักพัก เห็นเขาเอาแต่เงียบ ดวงตาจึงเกิดแววยิ้มเยาะ
แต่อีกฝ่ายคือฉินหนานเซิง เธอใช้เวลาหลายปีก็ไม่สามารถทำให้เขาตกหลุมรักตัวเองได้ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะเปลี่ยนใจในชั่วข้ามคืน
ว่าไปแล้ว ก็ยังเป็นเธอที่ฝืนอยู่ฝ่ายเดียว
ลั่วเยียนเก็บอารมณ์ความรู้สึกที่แสดงออกทางแววตา ก่อนจะมองตรงไปยังฉินหนานเซิง เป็นการบีบบังคับอยู่กลายๆ
“ในเมื่อคุณไม่รักฉัน แล้วทำไมต้องจับฉันไม่ปล่อย การแต่งงานที่ปราศจากความรัก เลิกกันไปโดยเร็วที่สุดไม่ดีกว่าเหรอ”
“ไม่ดีแน่นอน” ฉินหนานเซิงรีบปฏิเสธ
เขากลืนน้ำลาย คิดคำพูดอย่างระมัดระวัง “ผม……ผมเคยสัญญาไปก่อนหน้านี้แล้ว ชั่วชีวิตนี้จะดูแลคุณเป็นอย่างดี คุณเดือดร้อนเพราะผมไปไม่น้อย ผมจะทิ้งคุณไปได้ยังไง”
แต่ลั่วเยียนกลับหัวเราะพรืด “คุณไม่ยอมหย่ากับฉัน เพราะสาเหตุนี้เหรอ”
ในใจฉินหนานเซิงพูดว่าไม่ใช่อย่างคุ้มคลั่ง แต่ภายนอกกลับพูดลำบาก “แน่นอน ตอนนั้นผมสาบานต่อหน้าคุณอาเล็ก ว่าจะดูแลคุณเป็นอย่างดีไปชั่วชีวิต”
“ไม่จำเป็น” ลั่วเยียนพูด
ฉินหนานเซิงขมวดคิ้วแน่น มองลั่วเยียนอย่างระมัดระวัง
“ตอน……ตอนนี้คุณไม่ต้องการให้ผมรับผิดชอบคุณแล้วเหรอ”
ลั่วเยียนขนตาสั่นไหว ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“ฉินหนานเซิง คุณเป็นคนดี”
ฉินหนานเซิงอึ้งไป ทำไมจู่ๆ ก็ยื่นการ์ดคนดีให้เขา
“ภายนอกคุณดูเหมือนไม่สนใจอะไร ความจริงเป็นคนที่มีหลักการไม่ธรรมดา เรื่องที่สัญญาไว้แล้วต้องทำให้ได้ ปกติแล้วไม่ค่อยจริงจัง แต่เรื่องสำคัญจะชัดเจนเสมอ”
ฉินหนานเซิงถูกเธอชม พลันหน้าแดงเล็กน้อยทันที
“ก็……ก็ไม่ได้ดีอย่างที่คุณพูดขนาดนั้น”
“ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เรื่องที่แม่ฉันป่วย สาเหตุมันควรจะไม่เกี่ยวข้องกับคุณ ซึ่งคุณก็ไม่ต้องรับผิดชอบแบบนี้ มาเพื่อช่วยเหลือเป็นพิเศษ ช่วยรีบเรียกหมอมา แถมยังจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้อีก”
“ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผมควรทำ”
“ไม่มีอะไรที่คุณควรทำ” ลั่วเยียนขัดจังหวะเขาอย่างจริงจัง
“ตอนที่ฉันประสบอันตราย ครั้งนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจนอาการโคม่า ที่จริงมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณมากมายนัก”
“ตลอดมาเป็นฉันที่บังคับให้คุณชอบ และก็เป็นฉันที่ดื่มเหล้าเมาจนเกิดเรื่อง ตอนนั้นที่ฉันไม่ยอมฟื้นเป็นเพราะฉันเองที่ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่”
“มันล้วนแล้วแต่เป็นความตั้งใจของฉันเสมอมา เป็นฉันที่ผิด เป็นฉันที่ไม่ควรเอาทุกอย่างไปบีบบังคับคุณ”
ลั่วเยียนพูดไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นก็โล่งใจ “บนโลกใบนี้ มีเรื่องราวมากมายที่ไม่สามารถบังคับได้”
“อย่างเช่นความชอบ อย่างเช่นความรัก อย่างเช่นการแต่งงาน”
ฉินหนานเซิงสีหน้าแย่มาก ขณะเดียวกันในหัวใจก็เต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ลั่วเยียนต้องพูดเรื่องพวกนี้กับเขา หัวใจของเขาในเวลานี้ไม่เป็นสุขอย่างมาก
“คนทุกคนล้วนมีความชอบความรังเกียจของตัวเอง ที่คุณไม่ชอบฉัน มันไม่ใช่ความผิดของคุณ เพราะฉะนั้นไม่ต้องรับผิดชอบฉัน”
ฉินหนานเซิงตกใจทันใด อยากยืนขึ้น แต่ถูกลั่วเยียนดันกลับเข้าไปในรถเข็น
“ขาของคุณยังไม่หายดี อย่าลุกขึ้นตามใจชอบอีก”
ฉินหนานเซิงริมฝีปากสั่นเล็กน้อย “ที่คูณพูดเมื่อครู่ ผม……ผมไม่เห็นด้วย”
“คุณไม่เห็นด้วยตรงไหน” ลั่วเยียนยิ้มให้เขา “หรือว่าที่ฉันพูดมันไม่ถูก”
ฉินหนานเซิงมองใบหน้ายิ้มของเธอ ตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ เขาจำไม่ได้แล้วว่านานแค่ไหนที่ลั่วเยียนไม่ได้ยิ้มให้เขาแบบนี้
“ไม่ว่าจุดเริ่มต้นคนที่คุณชอบจะเป็นฉันหรือไม่ ไม่ว่าต่อมาลู่จื่อเหยาจะปรากฏตัวหรือไม่ หลายปีมานี้ คนที่อยู่ข้างคุณเสมอมาสุดท้ายแล้วก็เป็นฉัน”
“ฉันใช้เวลาหลายปี ก็ไม่สามารถทำให้คุณมองมาที่ฉันได้ ฉันมันไร้ประโยชน์”
ฉินหนานเซิงรีบพูด “ไม่ใช่แบบนั้น ไม่ใช่ความผิดของคุณ เป็นผมเองที่ตาบอด……”
“ไม่ มันไม่เกี่ยวกับคุณ” ลั่วเยียนน้ำเสียงสงบนิ่งเป็นพิเศษ ไม่มีร่องรอยความขุ่นเคืองต่อเขา “ฉันไล่ตามคุณมาหลายปี และมันนานพอแล้ว พัวพันต่อไปเรื่อยๆ ตัวฉันคงต้องดูถูกตัวเอง”
“ฉันรู้สึกขอบคุณมากกับการปรากฏตัวของคุณ หลายปีมานี้ดูแลฉันห่วงใยฉัน อาจพูดได้ว่า ไม่มีคุณก็ไม่มีลั่วเยียนในวันนี้”
ฉินหนานเซิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า เขาอยากพูด แต่ลั่วเยียนกลับเอามือปิดปากเขา ห้ามเขาอ้าปากพูด
“ที่เคยรักคุณ ฉันไม่เสียใจภายหลัง” ลั่วเยียนพูดอีกครั้ง
“แต่บางที การหาใครสักคนเริ่มต้นใหม่ ก็จะมีโลกอีกใบหนึ่ง”
“หนานเซิง ตอนนี้ฉันไม่อยากให้คุณรับผิดชอบฉัน หากคุณยังคำนึงถึงความรู้สึกอันน้อยนิดของพวกเรา งั้นก็ปล่อยกันไป หย่ากับฉันเถอะนะ”
กล่องเสียงของฉินหนานเซิงเหมือนถูกบางอย่างขวางกั้น แม้คำเดียวก็พูดออกมาไม่ได้
ลั่วเยียนมองเขาอย่างอ่อนโยน ดวงตาถึงขั้นเจือรอยยิ้มบาง ราวกับปลดปล่อยความรู้สึกพวกนี้ออกไปแล้ว
เธอไม่เกลียดใครอีก และไม่อยากไปสงสัยว่าฉินหนานเซิงในตอนนี้มีแผนอะไรต่อเธอ
และเธอก็จะไม่รักอีก การรักใครสักคนมันเจ็บปวดมาก เธอทุกข์ทรมานมานานแล้วจนไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้
ความปรารถนาเดียวในตอนนี้ เพียงต้องการเป็นอิสระจากการแต่งงานที่ไร้ซึ่งความหวังนี้
แล้วเริ่มต้นใหม่ เป็นอิสระ
เธอต้องการให้ฉินหนานเซิงปล่อยมือ และอยากลืมฉินหนานเซิง……ให้หมดสิ้น
คิดมาถึงตรงนี้ ความชั่วร้ายก็ฉายในแววตาของฉินหนานเซิง
ลั่วเยียนจะเอาอะไรจากเขาก็ได้ทั้งนั้น แต่แค่ความรักและเสรีภาพเท่านั้นที่เอาไปไม่ได้!
เขาจะปล่อยมือได้ยังไง เขาหลงรักลั่วเยียนแล้ว และต้องการให้คนคนนี้อยู่ข้างกายตัวเองไปชั่วชีวิต
ถ้าเธอไป แล้วไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น……
ภาพแบบนั้น ฉินหนานเซิงแค่คิดนิดเดียวก็รู้สึกหายใจไม่ออกแล้ว
เขาถึงได้ไม่อยากเป็นคนดี ตราบใดที่สามารถเอาคนคนนี้ไว้ข้างกายได้ ถึงแม้อีกฝ่ายจะเกลียดตัวเองแล้วยังไงล่ะ
“ไม่ได้” ฉินหนานเซิงดึงมือของลั่วเยียนออก และเปิดปากพูดอย่างเย็นชา
ลั่วเยียนขมวดคิ้วมองเขา “เพราะอะไรกันแน่”
ฉินหนานเซิงคิดไปคิดมา ไม่สามารถพูดได้อย่างอิสระว่าเป็นเพราะความรัก และไม่สามารถพูดกับอีกฝ่ายไปส่งๆ อย่างขอไปทีได้
ขยับเท้าตัวเองที่ถูกพันเอาไว้อย่างดี คิดแผนในหัว
“ขาของผมยังไม่หายเป็นปกติ ต่อไปเกรงว่าต้องใช้ชีวิตอย่างคนพิการ นอกจากคุณแล้ว ยังจะมีใครเต็มใจแต่งงานกับผม ดูแลเอาใจใส่ผมอย่างพิถีพิถันและดีต่อผมอีกล่ะ”