หรงหลินน่าจะมีโรคย้ำคิดย้ำทำเล็กน้อย ไฟล์เอกสารถูกจัดกลุ่มตามหมวดหมู่ต่างๆ ดูเรียบร้อยมาก
ซูสือเยว่รีบเปิดเอกสารในฮอร์ดดิสก์ขึ้นมาดู กลับไม่เจอข้อมูลอะไรที่มีประโยชน์เลย
“ให้ฉัน”
เอาเมาส์มาก แล้วใช้การค้นหา ไม่นานก็หาข้อมูลเกี่ยวกับลั่วเยี่ยนเจอเยอะมาก
ฉินโม่หานแค่เปิดแล้วดูไปรอบหนึ่งอย่างเร็ว จากนั้นก็หาไฟล์ที่ตั้งรหัสไว้เจอ
ชื่อไฟล์เป็น “ขอฉัน”
ฉินโม่หานพยายามถอดรหัส สัญชาตญาณบอกเขาว่าในนี้มีคำตอบทุกอย่างที่พวกเขาอยากได้
“แด๊ดดี้ ยังเหลืออีก 30 วิ”
ซิงหยุนเตือนอยู่ข้างๆ เบาๆ
ฉินโม่หานขมวดคิ้ว เขาไม่รู้รหัสไฟล์ เวลา30วิก็ไม่พอที่จะให้เขาถอดรหัสอย่างรุนแรง ได้แต่ใช้ตัวเลขที่เกี่ยวกับหรงหลินมาลอง
แต่กลับแสดงว่ารหัสผิดพลาด
“ลอง 586986 ดู”
ข้างๆ กลับมีน้ำเสียงที่ใจเย็นซูสือเยว่ดังขึ้น
ฉินโม่หานแตะแป้นพิมพ์อย่างไม่รู้ตัว ได้ยินแค่เพียง “ติ้ง” ทีหนึ่ง ไฟล์ที่ใส่รหัสไว้ก็เปิดออกเลย
“รหัสถูกแล้ว!” ซิงกวงร้องออกมาอย่างตะลึง
“หม่ามี๊เก่งจังเลย” ซิงเฉินรีบไปอวยทันที
ฉินโม่หานเองก็ได้ส่งสายตาที่เห็นด้วยให้ซูสือเยว่ แต่ซูสือเยว่กลับใจเย็นมาก
“ดูเนื้อหาก่อน”
ฉินโม่หานกดไฟล์เอกสาร เห็นว่าข้างในยังมีเอกสารชั้นสอง ทำเครื่องหมายด้วยชื่อต่างๆ
ซูสือเยว่ตาแหลม “เหมือนจะมีชื่อของนายด้วย”
ฉินโม่หานมองไปทีหนึ่ง นอกจากไฟล์ชื่อของเขาแล้ว ยังมีพวกซูสือเยว่ ฉินหนานเซิง
เขาแอบเดาในใจ แล้วคิดอย่างละเอียด กลับเห็นว่าหน้าจอคอมตรงหน้าจู่ๆ ก็ดับลง
“ถึงเวลาแล้ว” ซิงหยุนพูดขึ้นมา
ก็หมายความว่า ทางหรงหลินรู้ตัวแล้ว ได้ทำการตัดการควบคุมของพวกเขาที่มีต่อคอมของหรงหลินอย่างทันเวลา
ซูสือเยว่และฉินโม่หานสบตากัน ข้างล่างยังมีเด็กทั้งสามคนเงยหน้ามองพวกเขาไว้
ซิงกวง “แด๊ดดี้ ต่อไปทำยังไงดี?”
ซิงเฉิน “พวกเรายังดูเอกสารในนั้นไม่หมดเลย จะลองใหม่อีกครั้ง?”
ซิงหยุนส่ายหน้า “ลองอีกไม่ได้แล้ว”
ซิงเฉินไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก “ทำไม?”
ซิงกวง “นายโง่หรอ แด๊ดดี้ก็บอกแล้วว่าหรงหลินเป็นยอมฝีมือ เมื่อกี้พวกเราตีป่าให้งูตื่นแล้ว คนที่ชื่อหรงหลินนั้นต้องไม่ให้โอกาสพวกเราในการถอดอีกแน่”
ฟังการวิเคราะห์ของเด็กทั้งสามคน ซูสือเยว่ก็ได้หันไปมองฉินโม่หานต่อ
“ที่รัก ตอนนี้พวกเราทำยังไงดี?”
ตามด้วยประโยชน์นี้ ตาทั้งสี่ก็ได้มองฉินโม่หานไว้อย่างนั้น
ในใจของเด็กทั้งสามและซูสือเยว่ ฉินโม่หานนั้นเก่งที่สุดแล้ว มีแต่เขาทั้นที่สามารถจัดการทุกปัญหาได้
การเชื่อมั่นและเคารพอย่างไร้เหตุผลแบบนี้ ทำให้ใจของท่านชายฉินนั้นรู้สึกตัวเองมีประโยชน์มาก
เขายิ้มจางๆ “กลับไปนอน”
ซูสือเยว่ “ห๊ะ?”
“คนที่ควรลนในตอนนี้ไม่ใช่พวกเรา”
ตาของซูสือเยว่สว่างขึ้นมาทันที แล้วพูดเชิงเดาว่า “เรื่องที่หรงหลินแอบดักฟังลั่วเยี่ยนถูกเปิดเผย และยังถูกพวกเรารู้ความลับของมันอีกด้วย จะต้องทำเรื่องอย่างอื่นแน่ๆ พวกเราแค่อดทนรอ ต้องสามารถจับจุดอ่อนอย่างอื่นของมันได้แน่ๆ ”
ฉินโม่หานพยักหน้า แล้วมองไปทางซิงหยุน “พรุ่งนี้ลูกไปโรงพยาบาลเที่ยวหนึ่ง”
ซิงหยุนเข้าใจความหมายของเขาก็เลยพยักตอบรับ
“แอบไป อย่าให้คนอื่นรู้”
ซิงเฉินตบที่อกของตัวเอง “วางใจได้เลย เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง รับรองว่าไม่มีใครรู้ว่าพี่ใหญ่เคยไปโรงพยาบาล”
ฉินโม่หานได้ทำการวางแผนให้พวกเขา หลังจากคุยกันเสร็จแล้วก็เร่งให้ทุกคนไปนอน
เด็กๆ เชื่อฟังกันมาก กล่าวราตรีสวัสดิ์กับพวกซูสือเยว่แล้วก็กลับไปนอนในห้องแล้ว
ฉินโม่หานก็พาซูสือเยว่กลับไปอาบน้ำแล้วนอน พักผ่อนให้เพียงพอจะได้มีแรงในการปฏิบัติแผนในวันพรุ่งนี้ได้ดี
หรงหลินกลับนอนไม่หลับ
อีกนิดเดียว วันนี้อีกนิดเดียวก็จะเสียเปล่าไปทุกอย่างแล้ว
เขารีบลบการตั้งค่าที่นกหวีดลับที่อยู่ข้างตัวของลั่วเยี่ยนออกให้หมด กันไม่ให้ฉินโม่หานเห็นว่าเขาจะทำเรื่องอย่างอื่น จากนั้นก็ได้ใส่รหัสในคอมเป็นสองชั้น รหัสอะไรก็เปลี่ยนจนหมด
หรงหลินดื่มไวน์แดงในแก้วหมดด้วยหน้าที่บึ้ง หน้าที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลาตอนนี้กลับเต็มไปด้วยหมอกควัน
เพราะว่าเมื่อกี้ตื่นเต้นเกินไป มือที่ยังสั่นอยู่ก็ได้เอาโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรไปให้สองสามีภรรยาที่ไร้ความสามารถและงี่เง่าคู่นั้น
“เรื่องทำพังแล้ว”
ในโทรศัพท์ น้ำเสียงของฉินเจี้ยนอานสำนึกผิดและอารมณ์เสีย
หรงหลินไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย ตามไอคิวของสามีภรรยาคู่นี้ เป็นเรื่องปกติที่สู้ฉินโม่หานไม่ไหว
แต่ที่เขาคิดไม่ถึงคือ หลังจากที่เขาสร้างปัญหาใหญ่ขนาดนี้ให้ฉินโม่หานแล้ว อีกฝ่ายยังสามารถหาโปรแกรมที่เขาซ้อนไว้ในโทรศัพท์ของลั่วเยี่ยนเจอ จนกระทั่งตรวจสอบแหล่งที่มาเจอ แล้วยังถอดโปรแกรมการติดตามกลับที่เขาตั้งค่าไว้ จากนั้นก็ล็อกคอมของเขาโดยตรงเลย
“ฉินโม่หานพูดยังไง?” หรงหลินถาม
ฉินเจี้ยนอานได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตระกูลฉินเมื่อกี้อีกครั้งหนึ่ง ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“เป็นเพราะนายที่ให้ฉันไปสร้างปัญหาให้พวกมัน ตอนนี้ฉันถูกพวกมันข่มขู่ ไตของลูกชายฉันก็เองก็เก็บไว้ไม่อยู่แล้ว นี่ไม่เหมือนกับที่นายพูดก่อนหน้านั้นเลยสักนิด”
“นายรีบอะไร?” หรงหลินมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ซูสือเยว่ใช้สถานะในการกดขี่พวกนาย?”
“ใช้ไง มันยังลงไม้ลงมือกับถรรรยาฉันด้วย”
ฉินเจี้ยนอานปวดหัวกับซูสือเยว่เป็นอย่างมาก เมื่อก่อนซูสือเยว่หวาดกลัวแค่ไหน ตอนนี้กลับพึ่งพาสถานะของตัวเองขึ้นมา ไม่เห็นพี่ชายคนนี้อยู่ในสายตาเลย
ตอนที่กลับไป ภรรยาของเขายังสร้างปัญหาอีก เขาต้องใช้เวลาเป็นอย่างมากในการปลอบไว้ก่อน ยังต้องบอกตำแหน่งของเงินเก็บส่วนตัวออกมาอีก
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องก็ง่ายแล้ว ขอแค่เผยแพร่พฤติกรรมของเธอพวกนี้ออกไปให้หมด ก็จะเป็นบทเรียนไม่น้อยสำหรับเธอ”
“นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซูสือเยว่หยิ่งแค่ไหน ตอนนี้เธอไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ฉันเองก็ไม่กล้าขัดใจเธออีก ไม่อย่างนั้นถ้าตระกูลเจี่ยนมาหาพวกฉัน ฉันจัดการไม่ได้”
ฉินเจี้ยนอานถึงจะไม่มีสมองอะไร แต่เหตุผลในการป้องกันตัวนั้นก็รู้อยู่ เขาอยากจะดึงตัวออกมาแล้ว
ฟังความหมายของเขาออก น้ำเสียงของหรงหลินเย็นลง
“นายอยากผิดสัญญา ?”
“ไม่ใช่ฉันอยากผิดสัญญา แต่เป็นเพราะว่าไม่จำเป็นต้องประจันหน้ากับน้องสามขนาดนั้น”
“นายไม่อยากได้ชีวิตของลูกชายนายแล้ว?”
“ฉันไปถามมาแล้ว คนมีไตสองอัน บริจาคไปอันหนึ่งไม่ตายหรอก ในเมื่อหนานเซิงยอมเอง ฉันก็ห้ามเขาไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถึงจะมีไตเพียงอันเดียว ตามหลัก
ฟังคำพูดนี้แล้ว หรงหลินกลับเผยยิ้มที่เยาะเย้ยออกมา
ฉินเจี้ยนอานไม่ใช่ห้ามไม่ได้ เพียงแต่ชีวิตของลูกชายเทียบกับผลประโยชน์ของตัวเองแล้ว ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น
ฉินโม่หานจับจุดอ่อนของคู่ฉินเจี้ยนอานไว้แล้ว พวกเขาเห็นแก่ตัวมาก ขอแค่ตัวเองอยู่ดีเป็นสุข ไม่ว่าจะเสียหน้าหรือลูกชาย พวกเขาก็สามารถทำเป็นไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้
ข้อเสนอที่หรงหลินเสนอให้ฉินเจี้ยนอานก่อนหน้านี้ ไม่สามารถดึงดูดให้สองสามีภรรยาฉินเจี้ยนอานไปเสี่ยงอีกแล้ว
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาทำได้เพียงเพิ่มหมากเข้าไป
“สองวันก่อนฉันได้ไปตรวจสอบที่ต่างๆ ว่าจะเปิดสถานที่เปิดคลาสอบรม ระหว่างทางได้ผ่านที่ที่ชื่อว่าซิ่นเฉิง เคยเจอแม่ลูกคู่หนึ่ง”
พอฉินเจี้ยนอานได้ยิน “ซิ่นเฉิง” ก็หายใจแรงขึ้น ได้ยินว่า “แม่ลูก” อีก ก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกเลย
“เด็กผู้หญิงคนนั้นน่ารักมาก ยังเรียนอยู่ที่มหาลัยการแสดง ความฝันคืออยากจะเข้าวงการบันเทิง ได้ยินว่าฉันจะเปิดคลาสอบรมเกี่ยวกับการแสดง ยังแลกเปลี่ยนการติดต่อกับฉันอย่างกระตือรือร้นอีกด้วย”
“จริงด้วย เธอบอกว่าเธอชื่อฉินเสว่หุ้ย คุณฉินรู้จักเธอไหม?”