“นายหาเสว่หุ้ยเจอได้ยังไง?นายอยากทำอะไร?”
เทียบกับทัศนคติที่เฉื่อยชากับก่อนหน้านี้ ฉินเจี้ยนอานในตอนนี้กลับตื่นเต้นมาก น้ำเสียงในการพูดก็เร็วขึ้นไม่น้อย
หรงหลินหัวเราะเยาะเย้ย บนโลกนี้จะไปมีพ่อแม่ที่โหดร้ายขนาดนั้นได้ยังไง เพียงแต่ว่าคนที่เป็นห่วงลูกนั้นเป็นคนอื่นก็เท่านั้นเอง
“ฉันหาเธอเจอได้ยังไง คุณฉินไม่ต้องสน”
“ฉันขอเตือนนายไว้คำหนึ่ง คุณสมบัติของฉินเสว่หุ้ย จะสามารถมีชื่อเสียงได้ง่ายมากในวงการบันเทิง แต่ก่อนที่จะมีชื่อเสียง ฉันมีวิธีมากมายในการทำลายเธอซะ ไม่เชื่อนายก็ลองดู”
“ไม่!คุณหรง คุณจะทำแบบนั้นไม่ได้ เสว่หุ้ยไม่เกี่ยวด้วยเลย เธอไม่รู้อะไรด้วยจริงๆ !”
“เธอจะบริสุทธิ์ไหม นั้นก็ต้องดูว่าคุณฉินจะเลือกยังไง”
พูดจบ ก็ตัดสายทิ้งโดยตรง
หรงหลินนวดที่หน้าผาก จากนั้นก็ได้โทรออกไปอีกสายหนึ่ง
“หาโรงพยาบาลที่ฉินหนานเซิงอยู่เจอรึยัง?”
“ยังไม่เจอครับ”
น้ำเสียงของปลายสายนั้นกลัวๆ กลัวว่าหรงหลินจะด่า ยังหาข้ออ้างมามากมาย
“เป็นเพราะว่าฉินโม่หานระวังเกินไป เขาได้ทำการเตรียมรถที่ภายนอกเหมือนกันไว้หลายคัน ระหว่างทางยังเปลี่ยนรถเพื่อดึงดูดสายตาของพวกฉัน ทำให้คนของพวกเราพลาดกับพวกเขา”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปสืบข้อมูลการนอนโรงพยาบาลของหวงหรู”
“หวงหรูพวกผมเองก็สืบแล้ว โรงพยาบาลใหญ่ต่างๆ ในเมืองหรงเจอผู้ป่วยที่ชื่อเหมือนกัน 15 คน หลังจากทำการคัดแล้ว ไม่เจอคนที่ท่านหาเลยครับ”
หรือพูดอีกแป๊บหนึ่งก็คือ ตอนนี้พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉินหนานเซิงอยู่ที่ไหน อย่าว่าจะไปห้ามไม่ให้ฉินหนานเซิงบริจาคไตให้คุณแม่ลั่วเลย
หรงหลินเทเหล้าให้ตัวเองอย่างหงุดหงิดแก้วหนึ่ง ในใจเรียกชื่อของลั่วเยี่ยนไว้ ได้ระงับเจตนาฆ่านั้นกลับเข้าไป
“ถ้าอย่างนั้นก็หาต่อ!โรงพยาบาลเล็กๆ ไม่ต้องสนใจ ไปโรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุด ถามว่าช่วงนี้จะมีการผ่าตัดเกี่ยวกับการเปลี่ยนไตไหม ถ้าหาเจอรีบติดต่อฉัน”
“ครับ!”
หรงหลินตัดสายทิ้ง และได้ลองโทรไปหาลั่วเยี่ยน ผลที่ได้ก็ยังเป็นปิดสายไว้
เขานึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ได้ดักฟังรายชื่อในโทรศัพท์ของลั่วเยี่ยน หาเบอร์ของลั่วชิงเจ๋อเจอแล้วก็กดโทรออก
ไม่นาน ลั่วชิงเจ๋อก็รับสาย
“ฮาโหล” เป็นน้ำเสียงที่อยู่ระหว่างวัยรุ่นและชายกลางส่งออกมา
“สวัสดี เป็นชิงเจ๋อใช่ไหม?”
ลั่วชิงเจ๋อชะงักแล้วตอบกลับไปอย่างเร็วว่า “โทรผิดแล้ว”
หรงหลินขมวดคิ้ว ยังไม่รอให้เขาพูดอะไร ลั่วชิงเจ๋อก็ตัดสายทิ้งเลย
เขาโทรไปอีกที เห็นว่ากำลังคุยสายอยู่ ก็หมายความว่าถูกอีกฝ่ายบล็อกแล้ว
“ฉินหนานเซิง!”
หรงหลินต่อยไปที่โต๊ะคอมอย่างแรง สีหน้าบิดเบี้ยวไปหมด
ลั่วชิงเจ๋อเมื่อกี้ต้องฟังออกว่าเป็นเสียงของเขาแล้วแน่ๆ แต่แกล้งทำเป็นฟังไม่ออก ยังปฏิเสธว่าตัวเองเป็นลั่วชิงเจ๋อ 80เปอร์เซ็นต์ต้องเป็นคำสั่งของฉินหนานเซิงแน่ๆ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายไม่มีทางตัดสายได้อย่างเด็ดขาดขนาดี้
เขาลืมไปเลย ลั่วชิงเจ๋อเหมือนจะพอใจกับฉินหนานเซิงพี่เขยคนนี้เป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ยังจะยังพูดอย่างดีเลยว่าจะขอความเป็นธรรมให้พี่สาว แต่หลังจากที่ถูกฉินหนานเซิงซื้อแล้ว ก็เปลี่ยนสถานะทันที
พูดตามตรง ความรักที่ลั่วชิงเจ๋อและพ่อแม่ที่มีต่อลั่วเยี่ยนนั้น ก็เป็นแค่เพียงการหลอกลวงเท่านั้น
ถ้าพวกเขาเห็นความสำคัญของลั่วเยี่ยนจริงๆ ตอนนั้นก็ไม่มีทางปล่อยให้ลั่วเยี่ยนเดินหาย จากนั้นยังปล่อยให้ลั่วเยี่ยนไปพัฒนาในวงการบันเทิง เพื่อเงินแล้วยังให้ลั่วเยี่ยนที่เป็นอัมพาตอยู่บนเตียงแต่งงานกับฉินหนานเซิง
รู้ทั้งรู้ว่าพ่อแม่ของฉินหนานเซิงไม่ชอบลั่วเยี่ยน รู้ทั้งรู้ถึงแม้ว่าลั่วเยี่ยนแต่งงานกับฉินหนานเซิงก็จะไม่มีความสุข แต่พวกเขาก็ยังจะทำแบบนั้น
ครอบครัวนี้เอาแต่ใช้เหตุผลต่างๆ ในการดูดเลือดของลั่วเยี่ยนอย่างเดียว กลับใช้คำว่ารักไปผูกมันเธอไว้
ตอนนี้สถานการณ์ของลั่วเยี่ยนแย่ขนาดนี้ พวกเขายังหน้าด้านมาขอค่ารักษาและค่านอนโรงพยาบาลกับลั่วเยี่ยน ตอนที่ลั่วเยี่ยนเพื่อเงินแล้วถูกคนอื่นเหยียบหยามต่างๆ คุณแม่ลั่วกลับนอนอยู่ในโรงพยาบาลอย่างสบายใจแล้วรอให้ลั่วเยี่ยนมาจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้พวกเขา
ยิ่งกว่านั้นคือ คุณแม่ลั่วเพื่อผลประโยชน์แล้วยังอยากให้ลั่วเยี่ยนและฉินหนานเซิงคืนดีกัน
ทีแรกหรงหลินยังอยากให้คุณแม่ลั่วมีชีวิตอยู่หลายวัน แต่ว่าตอนนี้……..
ในเมื่อเธอเป็นแม่ที่ดีคนหนึ่งไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้เธอไปตายซะดีกว่า
ไม่มีแม่ที่ป่วยคนนี้ ลั่วเยี่ยนก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนั้น
อนาคตลั่วเยี่ยนต้องกลับคืนสู่วงการบันเทิงใหม่ได้อย่างแน่นอน จากนั้นก็ยืนอยู่จุดสูงสุด มองพวกคนที่เมื่อก่อนดูถูกพวกเขา
สำหรับสิ่งกีดขวางอื่นๆ กำจัดไปทีละคนก็เพียงพอแล้ว
ทำการหายใจเข้าลึกๆ ไปหลายครั้ง หรงหลินสุดท้ายเลือกที่จะคอมเม้นในบัญชีโซเชียลของลั่วเยี่ยนถามเวลาและที่อยู่โรงพยาบาลของแม่เธอ
ขอแค่ลั่วเยี่ยนตอบเขา เขาก็มีโอกาสในการที่จะบรรลุเป้าหมายได้
เขาไม่มีทางปล่อยให้ฉินหนานเซิงบริจาคไตให้คุณแม่ลั่วแน่ ลั่วเยี่ยนใจอ่อนขนาดนั้น ถ้าเธอรู้ว่าฉินหนานเซิงเสียสละเพื่อคุณแม่ลั่วขนาดนี้แล้ว ก็ต้องซาบซึ้งเป็นอย่างมากแน่ๆ พอถึงเวลาตัวเองอยากจะแทรกเข้าไปอีกก็ไม่ได้แล้ว
เขาแอบวางแผนมาตั้งนาน ไม่มีทางยอมให้สูญเปล่าแน่ๆ
หรงหลินหน้าบูดบึ้ง ในหัวคิดแผนอย่างอื่นอย่างรวดเร็ว
……
วันต่อมา
เด็กทั้งสามฉินโม่หานบ่นว่าอยากไปสวนสนุก
ฉินโม่หานเพราะว่าเรื่องในบริษัทไปไม่ได้จริงๆ สุดท้ายได้แต่ขอร้องให้ฟู๋เชียนเชียนไปเป็นเพื่อนซูสือเยว่ พาเด็กไปสวนสนุก
“วางใจเถอะ คุณชาย เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง รับรองว่าจะให้สือเยว่และเด็กๆ เล่นให้สนุกและเต็มที่ไปเลย”
ฟู๋เชียนเชียนตบที่อก ท่าทางเหมือนกับว่าทุกอย่างปล่อยให้เป็นหน้าที่ตัวเองก็พอ
ฉินโม่หานยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนเธอหน่อยนะ ไม่ให้เธอขาดทุนหรอก วันนี้มีค่าโอทีให้ สามเท่า”
ฟู๋เชียนเชียนยิ่งตื่นเต้นมาก ก็เลยพูดขึ้นมา “คุณชายนี่ใจกว้างจริงๆ !”
ฉินโม่หานส่ายหน้า ยิ้มแล้วเดินไปกอดซูสือเยว่ไว้
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปทำงานแล้วนะ วันนี้ต้องลำบากเธอแล้ว”
“ไม่ลำบาก ฉันก็ไม่ได้ไปสวนสนุกนานแล้ว”
ฉินโม่หานจูบเธอแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ทำยังไงดี อยากจะโดดงานไปเล่นกับพวกเธอจังเลย”
ซูสือเยว่รู้สึกว่าเขาตัวเหนียวมาก ยื่นมือผลักเขาไปทีหนึ่ง
“พอแล้ว ไม่ต้องเล่นแล้ว รีบไปทำงาน พนักงานของนายยังรอให้นายพาพวกเขาไปหาเงินอยู่เลยนะ”
“เนรคุณจริงๆ ” ฉินโม่หานบีบแก้มของเธอ สุดท้ายก็ไปอย่างไม่เต็มใจ
หลังจากที่เขาไปแล้ว ฟู๋เชียนเชียนยิ้มมาอย่างร้ายๆ ขนไหล่ของซูสือเยว่
“สองสามีภรรยานี่รักกันดีนี่ ไม่ทะเลาะกันแล้วหรอ?”
นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เธอหายตัวไป ซูสือเยว่รู้สึกผิดเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าก่อนหน้านี้เธอเอาแต่ใจเกินไป ก็ไม่มีปัญหาออกมาเยอะขนาดนี้แล้ว
แต่สำนึกผิดอยู่ส่วนสำนึกผิด ซูสือเยว่ไม่มีทางยอมรับอยู่แล้ว
มองบนใส่ฟู๋เชียนเชียนทีหนึ่งแล้วพูดว่า “เธอยุ่งมากจริงๆ เรื่องระหว่างซุปตาร์จี้จัดการเสร็จหมดแล้วหรอ?”
พูดถึงจี้หนานเฟิง ฟู๋เชียนเชียนก็แสดงใบหน้าที่ข่มขืน
“เธอว่าความคิดของพวกดารานั้นไม่เหมือนกับคนปกติใช่ไหม?” ฟู๋เชียนเชียนบ่นให้ซูสือเยว่“ยังจะลากฉันไปเป็นผู้จัดการในสตูดิโอของเขาอีก ทำให้ผู้จัดการคนเดิมของเขามีปัญหากับฉันแล้ว”
ซูสือเยว่อดไม่ได้ที่หัวเราะออกมา “เขาไล่ตามเธอแน่นขนาดนี้ ทำไมเธอไม่ตกลงเขาไปเลยล่ะ?”
“ช่างเถอะ” ฟู๋เชียนเชียนส่ายหน้า “ฉันกลัวว่าจะถูกแฟนคลับของเขาฉีกเป็นชิ้นๆ ”