ตอนที่สายตาของซิงหยุนไปตกอยู่บนตัวของบอดี้การ์ดคนนั้น สายตาของบอดี้การ์ดก็ไม่เป็นสุข
ฉินหนานเซิงเห็นท่าทางผิดปกติของอีกฝ่าย ตอนที่เห็นบอดี้การ์ดพุ่งไปหาทางซิงหยุนและลั่วเยียน ก็ได้รีบขึ้นไป
กลับคิดไม่ถึงว่า คนนั้นเหมือนจะทำร้ายซิงหยุนและลั่วเยี่ยน อันที่จริงพุ่งมาหาฉินหนานเซิง
มีปอกผลไม้ที่คมนั้นเห็นว่าจะแทงเข้าไปในตัวของฉินหนานเซิงแล้ว แต่อยู่ๆ ข้างๆ ก็มีมือยื่นออกมาข้างหนึ่ง ได้จับข้อมือของบอดี้การ์ดคนนั้นไว้แน่น
“แด๊ดดี้!”
“ท่านชายฉิน!”
การปรากฏตัวกะทันหันของฉินโม่หานทำให้ทุกคนมีกำลังใจขึ้นมา และฉินโม่หานออกแรง ก็ได้แย่งมีดเล่มนั้นมาโดยตรง จากนั้นก็ได้เตะบอดี้การ์ดที่คิดจะลอบสังหารคนนั้นออกไปไกล
หลังจากที่บอดี้การ์ดถูกจับแล้ว ทันใดนั้นก็มีคนไปกดเขาไว้กับพื้นทันที
“อย่าขยับ!”
ฉินโม่หานมองไปทางฉินหนานเซิงด้วนสีหน้าที่เย็นชา “นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ฉินหนานเซิงปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากออก แล้วส่ายหน้า
เมื่อกี้เขาคิดว่าตัวเองจะตายแล้ว คิดไม่ถึงว่าอาเล็กจะมาเหมือนดังเทพเจ้า ได้ออกมากอบกู้สถานการณ์โดยตรง
แต่กลับไม่เห็นสีหน้าที่ดูไม่ดีมากของฉินโม่หาน
เขาคิดว่าเขาคิดแผนทุกอย่าง
ถ้าไม่ใช่เพราะเขารู้สึกไม่ปกติระหว่างทาง เปลี่ยนเส้นทางจากบริษัทเป็นโรงพยาบาลทันที คาดว่าวันนี้ฉินหนานเซิงอาจตายก็ได้
ถึงจะไม่ตาย เขาก็จะบาดเจ็บหนัก ก็จะทำให้การผ่าตัดของคุณแม่ลั่วไม่สำเร็จ
หรงหลินคนนี้ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ
เรื่องน่าอายขนาดนี้เขาก็ทำออกมาได้ ต้องเกลียดลั่วเยี่ยนมากแค่ไหนเนี่ย!
ซองหยุนวิ่งมากอดขอของฉินโม่หานไว้ เงยหน้ามองฉินโม่หาน “แด๊ดดี้ ทำไมถึงมากะทันหันแบบนี้ล่ะครับ มีคนเห็นไหม?”
บนหน้าของฉินโม่หานเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“เห็นก็เห็นไปเถอะ ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ในตอนนี้ คงปิดบังไว้ไม่อยู่แล้ว”
ซิงหยุนหันไปมองบอดี้การ์ดคนนั้นแล้วพยักหน้าเบาๆ
“พี่ พี่เป็นไรไหม?”
ลั่วชิงเจ๋อไปจับลั่วเยี่ยนอย่างหวาดกลัว ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วสีหน้าของลั่วเยี่ยนก็ไม่ปกติเลย
ลั่วเยี่ยนที่ตกอยู่ในอารมณ์ของตัวเองก็ได้ดึงสติกลับมาทันที จากนั้นก็ได้วิ่งไปทางฉินหนานเซิง แล้วนั่งลงที่ตักของเขาโดยตรง
ฉินหนานเซิงทำอะไรไม่ถูก จากนั้นก็เต็มไปด้วยความสุข
รีบกอดคนไว้ แล้วปลอบอย่างเสียงเบา “ไม่เป็นไรไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร เธอร้องไห้ทำไม?”
คิดไม่ถึง อยู่ๆ ลั่วเยี่ยนก็ลงไม้ลงมือต่อฉินหนานเซิงขึ้นมา กำหมัดแล้วทุบตีที่หน้าอกของเขาไม่หยุด ร้องไห้ไปด้วยตีไปด้วย “ใครให้นายวิ่งออกมา?นายคิดว่าตัวเองเก่งมากใช่ไหม?”
ลั่วเยี่ยนร้องไห้หนักกว่าเดิม หมัดที่ตีลงไปนั้นอ่อนมาก ไม่มีแรงอะไรเลย
ฉินหนานเซิงรู้สึกหวานเลยทีเดียว รู้สึกดีต่อหมัดของลั่วเยี่ยนไปด้วย ปลอบเธอไปด้วย “ขอโทษนะ เมื่อกี้มันเหตุฉุกเฉินเกินไป ฉันก็เลยไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้น”
“อย่างนั้นนายก็ไม่ควรพุ่งออกมา!ใครต้องการให้นายปกป้อง?ฉินหนานเซิง ทำไมนายยังเป็นผู้ชายที่เอาแต่ใจแบบนี้!”
ฉินหนานเซิงไม่รู้ควรดีใจหรือร้องไห้ ในใจพูดว่าอยากปกป้องผู้หญิงที่ตัวเองรักนั้นมันเห็นแก่ตัวตรงไหน
แต่ในใจกลับรู้สึกอุ่นมาก ลั่วเยี่ยนโทษเขา นั้นเป็นเพราะว่าเป็นห่วงเขา
ในใจของลั่วเยี่ยนยังชอบเขาจริงด้วย!
ฉินหนานเซิงรู้สึกว่าถึงแม้ว่าจะโดนแทงจริงๆ ก็คุ้มแล้ว
“ได้ ได้ ได้ ฉันผิดเอง เธอไม่ต้องโกรธแล้ว ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เป็นอะไรไม่ใช่หรอ?ฉันยังดีๆ อยู่เลย ไม่เป็นอะไรเลย”
ฉินหนานเซิงแสดงร่างกายของตัวเองให้ลั่วเยี่ยน นอกจากแผลที่ขาแล้ว เขาแข็งแรงมาก
พวกฉินโม่หานยืนดูอยู่ข้างๆ รู้สึกว่าลั่วเยี่ยนก็แค่ปากแข็ง ความจริงใจอ่อนกว่าอะไรสักอีก
“คุณลั่ว ถ้าคุณยังไม่บุกออกจากตัวของฉินหนานเซิง ขาของเขาคงจะหายยากกว่าเดิมแล้ว”
มีเสียงเย็นชามาจากข้างๆ อย่างกะทันหัน
ลั่วเยี่ยนถูกคนเตือน ก็รีบกระโดดลงมาจากตัวของฉินหนานเซิงอย่างตกใจ มองย้อนกลับไปก็เห็นว่าคนที่พูดเมื่อกี้นั้นก็คือไป๋ยู่หนาน
แพทย์ส่วนตัวของฉินโม่หาน ตอนนี้ถูกยืมให้ฉินหนานเซิงรักษาขา
และในตอนที่ไป๋ยู่หนานพูดอยู่ ยังได้ทำแผลบนมือของฉินโม่หานไปด้วย
ที่แท้เมื่อกี้ ตอนที่ท่านชายฉินแย่งมีดอยู่ ก็เผลอกรีดฝ่ามือเป็นแผลเหมือนกัน ยังดีที่แผลไม่ลึกมาก ทำแผลง่ายๆ ก็เสร็จแล้ว ไม่กี่วันก็หายดีได้เลย
ลั่วเยี่ยนรู้สึกผิด ช่วงนี้ที่ขาของฉินหนานเซิงเป็นหนักกว่าเดิม หลายครั้งเป็นเพราะเธอ
เมื่อกี้ที่ฉินหนานเซิงบังคับรถเข็นมาบังไว้ที่หน้าของเธอและซิงหยุน จำได้ว่าไม่ได้เอาขาลงพื้น แต่คิดไม่ถึงว่ากลับถูกตัวเองนั่งโดยจุดที่เป็นแผล
“ขอ…….ขอโทษ” ลั่วเยี่ยนพูดขอโทษด้วยตาที่แดง
ฉินหนานเซิงไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขายังไม่อุ่นพอกับลั่วเยี่ยนเลย ไป๋ยู่หนานก็วิ่งออกมาขัดเรื่องดีๆ ของเขาแล้ว
“แค่นั่งไปนิดเดียว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย”
ไป๋ยู่หนานได้ตัดผ้าพันแผลขาดแล้วผูกเป็นโบ ถึงจะปล่อยมือของฉินโม่หาน หันไปมองบนใส่ฉินหนานเซิง
“ฉันว่านายนี่คงอยากจะพิการจริงๆ สินะ”
คำพูดนี้ฉินหนานเซิงฟังแล้วไม่รู้สึกเป็นอะไร แต่ลั่วเยี่ยนกลับขมวดคิ้วแล้ว
“หมอไป๋ คุณไม่ควรพูดกับคนไข้ของคุณแบบนี้”
กลับกลายเป็นว่าเขาผิดซะอย่างนั้น ไป๋ยู่หนานพูดไม่ออกเลย
“ได้ได้ ฉันไม่พูด ฉันหุปปากพอแล้วใช่ไหม”
ฉินโม่หานส่งสายตาให้กับเพื่อน “นายจะไปโกรธกับเด็กทำไม?สนุกหรอ?”
ไป๋ยู่หนานที่เมื่อกี้ยังหน้าบึ้งอยู่ อยู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา
“ที่จริงก็สนุกอยู่นะ”
ฉินโม่หานไม่ไปมองเพื่อนที่มีความชอบแปลกๆ จูงมือของซิงหยุนแล้วมองไปทางบอดี้การ์ดที่หักหลัง
“ทำไมถึงหักหลัง?”
ดวงตาของบอดี้การ์ดคนนั้นสั่นไหว ไม่กล้าสบตากับฉินโม่หาน
บรรยากาศที่เกิดเหตุก็เย็นลงทันที คนอื่นๆ เองก็ไม่กล้าพูดอะไร
ฉินโม่หานถามด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ต่อ “ฉันปฏิบัติต่อนายไม่ดีหรอ?”
ไม่ใช่อยู่แล้ว ท่าชายฉินใจดีกับคนของตัวเองตลอด ขอแค่ซื่อสัตย์และตั้งใจทำงาน ก็จะได้รับผลตอบแทนเป็นหลายเท่า
บอดี้การ์ดก้มหน้า ตัวสั่นไปหมดเลย
“ฉันจำได้ว่าตอนนั้นบริษัทบ้านนายล้มละลาย ยังถูกศัตรูอีกมากตามไปแก้แค้นถึงบ้าน เป็นนายที่ร้องไห้และคุกเข่าต่อหน้าฉัน ให้ฉันให้ทางรอดนาย”
“ฉันช่วยนายออกมา ช่วยจัดการศัตรูพวกนั้น ให้นายตามฉัน จนกระทั่งสอนการต่อสู้ให้นายกับมือ”
“นายกลับตอบแทนฉันแบบนี้นะหรอ?”
ในที่สุด บอดี้การ์ดคนนั้นทนไม่ไหวแล้ว ร้องไห้และคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของฉินโม่หาน
“ท่านชาย!ขอโทษครับ ผมขอโทษ แต่ว่า ไอชาติชั่วนั้นมันพาลูกชายของผมไป ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ มันจะฆ่าลูกชายของผม!”
“ท่านชาย ผมรู้ว่าคุณมีบุญคุณต่อผมมาก ผมมันไร้ความสามารถ ผมมันเนรคุณ!”
“แต่ว่า…….ลูกชายของผมพึ่งจะ 3 ขวบเอง ท่านชาย จะให้ผมเห็นเขาตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้!”
คำพูดของบอดี้การ์ด ทุกคำพูดออกมาจากใจทั้งนั้น ผู้ชายที่สูง 180 ตอนนี้ร้องไห้อย่างกับอะไรแล้ว
ลั่วเยี่ยนแสดงสีหน้าที่สงสาร แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกโกรธ
ตกลงเป็นใครกันแน่ที่โหดร้ายขนาดนี้ ลักพาตัวเด็กอายุ 3 ขวบไปข่มขู่ให้คนอื่นทำตาม ยังคิดจะลงมือกับฉินหนานเซิงอีก ไร้มันไร้มนุษยธรรมมาก!
ในที่สุดฉินโม่หานก็มีการเคลื่อนไหวแล้ว
เขาค่อยๆ เดินถึงตรงหน้าของบอดี้การ์ดคนนั้น แล้วถามทีละคำทีละประโยคว่า “แล้วทำไมนายไม่มาหาฉันโดยตรง นายคิดว่าฉันไม่มีความสามารถที่จะช่วยนายได้หรอ?”