บทที่ 43 นายมีจุดอ่อนของเธองั้นหรอ
“คุณชายท่านนี้”
ใบหน้าของเฉิงเซวียนนั้นเย็นชา “ผมเคารพที่คุณมีใจอยากจะดูนักแสดงแสดงร่วมกัน แต่ขอให้คุณอย่าได้รบกวนการทำงานของพวกเรา”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเฉิงเซวียนถึงได้รู้สึกว่าผู้ชายที่ดูเย็นชาและสูงส่งคนนี้มีเจตนาที่จะเป็นศัตรู
เป็นเจตนาร้ายที่ทำให้คนไม่อาจมองข้ามไปได้เลย
“อย่างนั้นเหรอ?”
ฉินโม่หานเงยหน้ามองดูเขา ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นมีแรงกดดันที่ทำให้คนรู้สึกหายใจไม่สะดวก
“ใช่!”
เฉิงเซวียนขมวดคิ้วอย่างดุดันและสบตากับเขา “คุณจะมารบกวนการทำงานตามปกติของพวกเราไม่ได้”
เดิมทีเรื่องการจับคู่การแสดงก็ต้องทำตอนอยู่หน้ากล้องอยู่แล้ว เฉิงเซวียนเลยจงใจให้ทำที่ห้องประชุม เพราะจุดมุ่งหมายเดิมก็คือต้องการให้ซูสือเยว่สร้างชื่อเสียงให้กับเขา
แต่พอมาตอนนี้ดันมีคนนั่งคั่นกลางเขากับเธอ แล้วเขาจะให้คนอื่นถ่ายรูปแบบสนิทสนมได้อย่างไร?
“อันที่จริงแสดงละครคู่ไม่จำเป็นต้องนั่งติดกัน”
ซูสือเยว่เอ่ยปากตัดบทคำพูดของเฉิงเซวียน “แบบนี้ก็ได้เหมือนกัน”
เธอเงยหน้ามองฉินโม่หานแวบหนึ่ง “พวกเราก็แค่จับคู่แสดง ยังไม่ได้แสดงจริงๆ ห่างกันแค่นิดเดียวไม่เป็นอะไรหรอก”
“ใช่แล้ว!”
หัวหน้าผู้กำกับเช็ดเหงื่อเย็นๆ ที่หน้าผาก แล้วรีบเอ่ยคล้อยตามที่ ซูสือเยว่เพื่อช่วยให้สถานการณ์ดำเนินไปต่อได้ “ให้คุณผู้ชายท่านนี้นั่งอยู่ตรงหน้าพวกคุณนี่แหละ ยิ่งเพิ่มความรู้สึกในการถ่ายละครมากขึ้น ยอดเยี่ยม!”
เมื่อพูดจบแล้ว แล้วก็ส่งสายตาไปให้เฉิงเซวียน
ถึงแม้ เฉิงเซวียนจะไม่มีความสุข แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก แล้วแอบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเงียบ ๆ จากนั้นส่งข้อความหาเซี่ยงหวั่นฉิงว่า
“ไม่ต้องให้นักข่าวที่จะมาแอบถ่ายวันนี้มาแล้ว ถ่ายรูปใกล้ชิดไม่ได้แล้ว”
ไม่นาน ก็มีข้อความของเซี่ยงหวั่นฉิงตอบกลับมา “เกิดอะไรขึ้น?”
“ทางนี้เขียนข่าวใหม่เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ถ่ายรูปไม่ได้?”
“มีผู้อิทธิพลมาก่อกวน”
“ฉิบหาย!”
หลังจากที่ตอบเซี่ยงหวั่นฉิงกลับไปอย่างดุดันแล้ว ก็ได้วางโทรศัพท์มือถือลง
“เป็นอะไรเหรอ?”
ในร้านกาแฟ ผู้หญิงที่อยู่ตรงข้ามกับเธอกำลังคนกาแฟด้วยท่าทางที่สง่างามและเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
“ซูโม่ วันนี้คงจะถ่ายรูปสนิทสนมระหว่างซูสือเยว่กับเฉิงเซวียนไม่ได้แล้วล่ะ”
เซี่ยงหวั่นฉิงถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง “เฉิงเซวียนบอกว่ามีคนมาก่อกวน”
“ค่อยเป็นค่อยไป”
ซูโม่ยังคงคนแก้วกาแฟด้วยท่วงท่าที่สง่างามเหมือนเดิม “ขอแค่ ซูสือเยว่กับเฉิงเซวียนยังคลุกคลีกัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว”
เธอมองดูแล้ว ท่านชายฉินไม่มีทางยอมรับซูสือเยว่ที่มีข่าวเพื่อนชายตามพัวพันอย่างไม่ชัดเจนครั้งแล้วครั้งเล่าแน่
ในตอนนี้เอง ฉินโม่หานกำลังนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างซูสือเยว่กับเฉิงเซวียน ในมือหยิบบทละครที่หัวหน้าผู้กำกับส่งมาให้
“นางรองไม่มีเหตุผล ไม่มีไอคิว”
หลังจากที่ได้อ่านบทละครจบ ชายหนุ่มก็สรุปออกมาอย่างราบเรียบ
หัวหน้าผู้กำกับ “……”
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ มองดู ฉินโม่หานด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมอยู่บนใบหน้า “ถ้าอย่างนั้นความหมายของท่านคือ…”
ชายหนุ่มเงยหน้าอย่างนิ่ง ๆ แล้วมองไป๋ลั่วที่ยืนตัวตรงอย่างสงบอยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง
ผู้ช่วยไป๋ลั่วไปกระแอมเบาๆ คำหนึ่ง แล้วพาผู้กำกับออกไปข้างนอก
ฉับพลันนั้น ภายในห้องประชุมก็เหลือแต่ซูสือเยว่ เฉิงเซวียน แล้วก็ยังมี ฉินโม่หานที่ดูเย็นชาและเย่อหยิ่งนั่งคั่นกลางระหว่างพวกเขาอยู่
เฉิงเซวียนใช้สองมือกอดอก เอนกายพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางที่หยิ่งยโสแล้วยิ้มอย่างเย็นชา “ทำไม อยากจะเปลี่ยนบทละครอย่างนั้นเหรอ?”
“จะบอกคุณให้นะ ละครเรื่องนี้ทุ่มทุนสร้างสองร้อยล้าน คุณจะทุ่มเงินลงทุนได้สักเท่าไหร่กันเชียว ถึงคิดที่จะมาเปลี่ยนบทละคร?”
ฉินโม่หานหลุบตามอง แล้วพลิกดูบทละครด้วยท่วงท่าที่สง่างาม ไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด
ชายหนุ่มมีท่าทีเหมือนไม่ให้ความสำคัญกับเขาเลยสักนิด เฉิงเซวียนจึงเริ่มเกิดความโมโหอย่างถึงที่สุดแล้ว
เขากัดฟันแล้วจ้องเขม็งฉินโม่หานอย่างดุดัน “อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่?”
“คุณคิดว่าคุณนั่งคั่นกลางระหว่างผมกับนักแสดงหญิงคนนี้ ไม่ยอมให้ผมได้ใกล้ชิดกับเธอ แล้วเธอจะรู้สึกดีกับคุณอย่างนั้นสิ?”
“หรือว่าคุณคิดว่า คุณแค่เพิ่มเงินลงทุนตามอำเภอใจให้กับกองถ่ายไปอีกไม่กี่ล้าน ก็จะสามารถแก้บทละครได้แล้ว แล้วถือโอกาสแอบตั้งกติกากับนักแสดงหญิงที่อยู่ข้าง ๆ คุณคนนี้งั้นสิ?”
“ผมจะบอกคุณให้ ความจริงเธอแต่งงานแล้ว สามีของเธอ คุณแตะไม่ได้หรอก!”
นิ้วมือที่พลิกดูบทละครของฉินโม่หานหยุดชะงักไปสักพัก
ชายหนุ่มหันไปมองเขาอย่างราบเรียบแวบหนึ่ง “อย่างนั้นนายแตะได้?”
“แน่นอนว่าผมก็กลัวเหมือนกัน”
เฉิงเซวียนยกยิ้มขึ้น แล้วยิ้มอย่างถือดี “แต่ผมกับเธอมีความสัมพันธ์เป็นเพื่อนร่วมงานกัน”
“ใครละครพวกเรามีการเกี่ยวข้องกันด้านอารมณ์ความรู้สึก ผมสามารถแสดงความใกล้ชิดกับเธอต่อหน้าผู้คนทั้งเมืองหรงอย่างเปิดเผย!”
“ต่อให้สามีของเธอจะซักถามขึ้นมา ก็ทำได้เพียงแต่โทษที่ตัวเองแต่งงานกับภรรยาที่เป็นนักแสดง มาโทษผมไม่ได้หรอก!”
……
ซูสือเยว่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบนิ่ง แล้วฟังที่เฉิงเซวียนพูด ในใจก็ยิ่งหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
เฉิงเซวียนที่นั่งอยู่ไกลๆ ยังคงพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด “อีกอย่าง จุดอ่อนของเธออยู่ในมือผม!”
“ต่อให้สามีของเธอมาจัดการผม ผมก็มีของที่จะทำให้เธอและสามีต้องหย่าขาดจากกัน!”
ฉินโม่หานขมวดคิ้วแน่นเป็นปม “คุณมีจุดอ่อนของเธอ?”
“ใช่!”
เฉิงเซวียนทั้งตัวของกำลังจมดิ่งอยู่กับอารมณ์โอ้อวดชนิดหนึ่งราวกับกำลังอยู่ต่อหน้าศัตรูหัวใจ “ต้องรู้ไว้นะว่าเมื่อห้าปีก่อนผู้หญิงคนนี้เคยทำเรื่องหนึ่งที่ไม่อาจเปิดเผยกับใครได้……”
“เฉิงเซวียน!”
ในตอนที่เขาจะพูดเรื่องในอดีตปีนั้นออกมาตามอำเภอใจ ซูสือเยว่ก็รีบร้องห้ามเขาไว้
เฉิงเซวียนก็รีบได้สติกลับมาอีกครั้ง
“ฉันยังไม่ได้พูดออกไปสักหน่อย”
เขาเบะปากอย่างไม่ใส่ใจ “จะตื่นเต้นขนาดนี้ไปทำไม?”
ซูสือเยว่เม้มริมฝีปาก หางตาเหลือบมองฉินโม่หานที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง
ชายหนุ่มยังคงมองดูบทละครในเมื่องอย่างสงบนิ่ง ข้อต่อนิ้วของมือใหญ่กำลังพลิกเปิดบทละครในมือเบาๆ ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด
ในใจของซูสือเยว่จึงได้ผ่อนคลายความกังวลลงมา
เธอกัดฟันจ้องมองเฉิงเซวียน “ถ้าไม่อยากให้ทุกคนรู้ว่านายเคยเกาะฉันกิน ก็หุบปากของนายไว้ให้สนิทซะ!”
คงจะคิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดอย่างนี้ เฉิงเซวียนจึงอ้าปากอึ้งไปพักใหญ่ อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็พูดอะไรออกมาไม่ได้ จึงได้หุบปากไป
ไม่นานนัก ไป๋ลั่วและหัวหน้าผู้กำกับก็กลับมาแล้ว
คนที่เดินมากด้วยกันกับพวกเขา ยังมีผู้หญิงผมสั้นสวมแว่นตาอีกหนึ่งคน
หัวหน้าผู้กำกับยิ้มระรื่นแล้วลากผู้หญิงคนนั้นให้เข้ามาใกล้ “คุณผู้ชาย ท่านนี้คือ《ชั่วฟ้ากาลเวลา》หัวหน้านักเขียนบทของละครเรื่องนี้”
“คุณอยากจะเปลี่ยนตัวละครไหน ก็บอกเธอได้เลย!”
เฉิงเซวียนที่อยู่ด้านข้างชะงักไปสักพักแล้วเบิกตาโต
คาดไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าผู้กำกับจะเชิญหัวหน้านักเขียนบทมาด้วยตัวเอง…เพื่อแก้ละครให้กับผู้ชายคนนี้?
เขาตกตะลึงแล้วหันไปมองฉินโม่หาน
《ชั่วฟ้ากาลเวลา》หัวหน้าผู้กำกับของละครเรื่องนี้ เฉิงเซวียนเคยรู้จักมาเมื่อหลายปีก่อน เป็นผู้กำกับที่ไม่ยอมก้มหัวให้ใครเพียงเพราะเงินอันน้อยนิด!
ก่อนหน้านี้มีคนควักเงินร่วมถือหุ้นกว่ายี่สิบล้าน เพราะอยากจะร่วมสวมบทบาทเล็กๆ ในละครของผู้กำกับท่านนี้ แต่กลับถูกผู้กำกับปฏิเสธไป
คาดไม่ถึงเลยว่าชายคนนี้จะสามารถทำให้ผู้กำกับมาแก้ละครได้?
สรุปแล้วเขามีฐานะอะไรกันแน่?
ฉินโม่หานเงยหน้าขึ้นมาอย่างเรียบเฉยและสายตาราบเรียบ “ผมไม่พอใจบทบาทของนางรองเป็นอย่างมาก”
หัวหน้านักเขียนบทดันแว่นตาอย่างตั้งอกตั้งใจ “ท่านไม่พอใจตรงไหน”
“ฉากความรัก”
ชายที่มีถ่วงท่าสง่างามโยนบทละครลงบนโต๊ะ “ตัดฉากความรักทิ้งออกไปให้หมด”
เขาหันมามองซูสือเยว่ด้วยสายตาที่ราบเรียบแวบหนึ่ง “ให้เธอตั้งใจทำงาน ไม่ต้องตกหลุมรัก”
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!”
ฉับพลันนั้นเฉิงเซวียนก็บันดาลโทสะขึ้นมา “ที่มีนางรองไว้ก็เพื่อให้ตกหลุมรักพระเอก!”
ก่อนหน้านี้เพื่อให้เซี่ยงหวั่นฉิงเป็นประเด็นยอดฮิต ถึงได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากยังดีที่ ซูโม่ยอมออกเงินช่วยเหลือเลยทำให้เขากับเซี่ยงหวั่นฉิงให้กลับมายืนหยัดอย่างยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
ส่วนเงื่อนไขที่ ซูโม่ช่วยออกเงินให้พวกเขาก็เรียบง่ายมา : แค่ต้องการให้เขากับซูสือเยว่ดูมีท่าทีที่คลุมเครือต่อหน้าสาธารณชน
แต่ปรากฏว่าตอนนี้ผู้ชายคนนี้กลับตัดฉากที่แสดงความรักของเขาและซูสือเยว่ออกไปจนหมด!?
ฉินโม่หานเงยหน้ามองดูหัวหน้านักเขียนบทอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง “แบบนี้เป็นอย่างไร?”
แววตาของชายหนุ่มดูเย็นชาและอันตรายมากเกินไป
ผู้เขียนบทละครถึงกับอกสั่นขวัญแขวนจนต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว “……ผมจะแก้ไขให้ครับ ให้พระเอกตกหลุมรักกับนางเอก”
“มีสิทธิ์อะไร!”
เฉิงเซวียนตบโต๊ะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ “ผมของคัดค้านการแก้ไขบทละคร!”
“การคัดค้านไม่เป็นผล”
หัวหน้าผู้กำกับที่อยู่ด้านข้างเหล่ตามองเขาแวบหนึ่ง “เฉิงเซวียน นายคิดว่านายเป็นใคร?”