สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 44 เธอก็เป็นแค่คนอ่อนแอที่จะรังแกอย่างไรก็ได้

บทที่ 44 เธอก็เป็นแค่คนอ่อนแอที่จะรังแกอย่างไรก็ได้

เขาคิดว่าเขาเป็นใคร!?

“ผมเป็นรางวัลวัวทองสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในปีนี้!”

เฉิงเซวียนโกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่ได้ ดวงตาคู่นั้นจ้องหัวหน้าผู้กำกับอย่างดุดัน “เหตุผลนี้ได้หรือเปล่า!”

เข้าไม่เข้าใจ เพราะอะไร!?

ผู้ชายคนนี้มีฐานะอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้หัวหน้าผู้กำกับที่ซื่อสัตย์และสุจริตที่สุดในวงการไม่มีขอบเขตเลยสักนิดแบบนี้!

“รางวัลวัวทองสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม?”

ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ซูสือเยว่หัวเราะอย่างแผ่วเบาออกมาคำหนึ่ง “ไม่แน่มั้ง?”

ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ หัวหน้าผู้กำกับก็เข้าใจทันทีเลยว่าเฉิงเซวียนราชาแห่งภาพยนตร์คนนี้ คงจะไม่มีละครเสียแล้ว!

เขาแค่นเสียงเย็นชาคำหนึ่ง ท่าทีที่มีต่อเฉิงเซวียนจึงได้เย็นชาขึ้นอีกหลายระดับ “ผลสุดท้ายของรางวัลวัวทองในปีนี้ยังไม่ออกมาเลย!”

“แล้วนายนับว่าเป็นราชาแห่งภาพยนตร์อะไรกัน?”

เขาหันไปมองหัวหน้านักเขียนบทแบบหนึ่ง “ทำตามที่คุณผู้ชายท่านนี้บอก!”

เมื่อสิ้นเสียง เขาก็กวาดสายตาเย็นชามองดูเฉิงเซวียนแวบหนึ่ง “ถ้านายไม่อยากแสดง ก็จ่ายค่าผิดสัญญาแล้วออกไปได้!”

“เพราะมีนักแสดงชายที่อยากได้ตำแหน่งนี้อยู่!”

ทั่วทั้งร่างของเฉิงเซวียนกลายเป็นก้อนหินไปแล้ว

ต้องรู้นะว่าตั้งแต่ตอนเริ่มแรกละครเรื่องนี้ หัวหน้าผู้กำกับเป็นคนไปหาเขาเองถึงบ้าน แล้วยังเชิญเขามาแสดงละครอีก

เขายังบอกอีกว่า เห็นถึงศักยภาพของเขารางวัลวัวทองสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าไม่ชอบซูสือเยว่ หัวหน้าผู้กำกับก็ถึงขั้นไปข่มขู่เถ้าแก่หวงด้วยเองเพื่อให้ปลดเธอออก

ปรากฏว่าเวลาเพิ่งจะผ่านไปได้สองวัน หัวหน้าผู้กำกับกลับเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเขาไปมากขนาดนี้

เมื่อครุ่นคิดถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว เฉิงเซวียนก็หรี่ตาลง แล้วหันไปจ้องเขม็งฉินโม่หานอย่างดุร้าย “สรุปแล้วคุณมีฐานะอะไรกันแน่?”

ฉินโม่หานทำราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขาก็มิปาน แล้วยังยื่นกระดาษส่งให้ซูสือเยว่ด้วยท่วงท่าที่อ่อนโยน “อยากแสดงอะไร ก็เขียนเอง”

หัวหน้านักเขียนบทที่อยู่ด้านข้างก็รีบเข้าไปใกล้ “ใช่ครับคุณซู คุณเขียนลงไปเลย ผมจะแก้ตามสิ่งที่คุณเขียน”

ซูสือเยว่ “……”

ก่อนหน้านี้เธอได้รับรู้ถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของท่านชายฉินมาแล้ว

แต่เธอนึกไม่ถึงว่า อำนาจของเขาจะมีมากถึง……ขั้นทำให้ทุกคนในสตูดิโอภาพยนตร์ฟังคำสั่งเขาแต่เพียงผู้เดียว

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่ร้อนเป็นไฟของหัวหน้านักเขียนบท เธอก็เขียนไม่ออกจริงๆ จึงได้ดันกระดาษและปากกาไปให้ หัวหน้านักเขียนบทเสียเลย “คุณเขียนดีกว่า”

“ฉันไม่มีความคิดเห็นอะไร”

หัวหน้านักเขียนบทมองฉินโม่หานอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร

“อย่างนั้นคุณก็เขียน”

“ตัดฉากความรักออกไป”

หัวหน้านักเขียนบทพยักหน้าเบาๆ ได้แต่รับปากแล้วจดความต้องการของฉินโม่หานลงไป จากนั้นหมุนตัวเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว

ในเมื่อต้องเขียนบทละครใหม่แล้ว ซูสือเยว่ก็ไม่จำเป็นจะต้องต่อบทละครกับเฉิงเซวียนอีกต่อไป

เธอจึงลุกขึ้นยืน “ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ”

“ผมก็ขอตัวด้วย!”

เฉิงเซวียนลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมฉินโม่หานไป จากนั้นก้าวยาว ๆ ไปที่ประตู “สือเยว่ ฉันจะไปส่งเธอกลับ”

ซูสือเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วแอบมองฉินโม่หานแวบหนึ่ง ไม่ได้ขยับไปไหน

“เธอไม่มีทางไปกับนายหรอก”

เฉิงเซวียนกัดฟัน “คุณรู้ได้ยังไง?”

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างเรียบเฉย เดินอ้อมเฉิงเซวียนไป ก้าวฝีเท้ายาว ๆ ออกไปข้างนอก

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้มองดูเฉิงเซวียนแม้แต่นิดเดียว ทำราวกับเฉิงเซวียนเป็นอากาศธาตุไม่จำเป็นต้องสนใจแม้แต่นิด

“ตามมา”

เสียงเย็นชาของชายหนุ่มดังขึ้น

ซูสือเยว่อึ้งไปสักพัก ก่อนจะรีบก้าวเท้าตามไป

แต่ในขณะที่เดินผ่านร่างของเฉิงเซวียนนั้น เฉิงเซวียนก็โกรธจนทนไม่ไหว แล้วคว้าแขนของเธอไว้ “ซูสือเยว่ ตอนนี้นับวันเธอยิ่งจะไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาแล้วใช่ไหม”

“อย่าลืมสิ ในเมื่อของฉันยังมีหลักฐานเรื่องสกปรกที่เธอเคยทำในอดีตพวกนั้นอยู่!”

ร่างของหญิงสาวหยุดชะงักไปเล็กน้อย

วินาทีต่อมา เธอก็ยิ้มอย่างเย็นชาจ้องมองเขา “เฉิงเซวียน ถ้าหากฉันเป็นนาย จะไม่เอาเรื่องเมื่อห้าปีก่อนนั้นมาข่มขู่ฉันหรอก”

“นายคิดว่ามีแต่พวกนายที่มีหลักฐานเรื่องที่ฉันทำเคยในอดีตพวกนั้นเหรอ?”

“จะให้ฉันเอารายละเอียดที่นายใช้เงินของฉันทุกบาททุกสตางค์ในช่วงห้าปีก่อนนั้นออกมา แล้วให้ผู้คนทั้งวงการดูหน่อยไหม? ”

เธอกัดฟันเตือนด้วยเสียงต่ำ “แนะนำว่าต่อไปนายอย่าใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ฉันจะดีกว่า”

“ไม่อย่างนั้นละก็ ฉันไม่ถือสาถ้าจะต้องสู้กันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง”

“ต่อให้เรื่องของฉันมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ก็ตาม แต่ฉันก็ยังมี ท่านชายฉินที่เป็นเกราะคุ้มกันฉันได้ แล้วเซี่ยงหวั่นฉิงล่ะปกป้องนายได้รึเปล่า?”

เมื่อพูดจบแล้ว หญิงสาวก็สะบัดมือของเขาทิ้ง แล้วก้าวเท้ายาว ๆ ตาม ฉินโม่หานออกไป

เฉิงเซวียนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองดูเธอเดินตามหลังผู้ชายคนนั้นอย่างกระตือรือร้น สองมือกำหมัดแน่นอยู่ที่ข้างลำตัว

ซูสือเยว่ในอดีต ไม่มีทางที่จะพูดกับเขาแบบนี้ ยิ่งไม่มีทางที่จะเย็นชากับเขาถึงขนาดนี้!

ดูแล้ว ในใจของเธอคงจะมีผู้ชายคนอื่นอยู่แล้วจริง ๆ ด้วย……

……

“ขอบคุณมากเลยนะคะ”

หลังจากที่นั่งบนเบาะหลังเสร็จ ซูสือเยว่ก็เม้มปากแล้วมองดูปลายขากางเกงของฉินโม่หาน “ถ้าหากไม่ได้คุณ ตอนนี้ฉันก็คงยังต้องแสดงละครกับเฉิงเซวียนอยู่……”

“เตรียมตัวไว้สักหน่อยเถอะ”

ชายหนุ่มมองดูเอกสารในมืออย่างเรียบเฉย แล้วพูดด้วยเสียงที่เย็นชาสงบนิ่งว่า “ข่าวของเธอกับเขาเมื่อวาน มีรูปอยู่เต็มไปหมด พ่อของฉันคงจะเห็นแล้ว”

“พ่อเค้าไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก”

ซูสือเยว่: “……”

เธอกัดริมฝีปาก “ขอโทษด้วยนะคะ……”

เมื่อวานตอนที่เธอแสดงละครร่วมกับเฉิงเซวียน ไม่รู้เลยสักนิดว่ามีคนถ่ายรูป ยิ่งคาดไม่ถึงเลยว่าผลลัพธ์มันจะรุนแรงขนาดนี้……

พ่อของเขา……คงจะดุมากสินะ?

“รู้ไหมว่าถ้าวันนี้ฉันไม่มา มันจะเกิดอะไรขึ้น?”

ชายหนุ่มนำเอกสารในมือโยนใส่บนตัวเธอ “ฝ่ายตรงข้ามได้เตรียมร่างข่าวใหม่ไว้เรียบร้อยแล้ว”

ซูสือเยว่รีบเปิดเอกสารดูทันที

“ตะลึง! ความสัมพันธ์ระหว่างเฉิงเซวียนและซูสือเยว่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ซูสือเยว่ไม่ได้ยั่วยวนเฉิงเซวียนจริงๆ เหรอ?”

“บางทีเซี่ยงหวั่นฉิงอาจเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ซูสือเยว่กับเฉิงเซวียนไม่อาจหลีกเลี่ยงของสงสัยได้อยู่แล้ว”

“ซูสือเยว่กับเซี่ยงหวั่นฉิง สรุปแล้วใครกันแน่ที่เหมาะสมกับเฉิงเซวียน? ฉันเลือกเซี่ยงหวั่นฉิง”

……

ซูสือเยว่มองดูเอกสารที่ด้านในมีแบบร่างข่าวซึ่งถูกเขียนเอาไว้ตั้งนานแล้ว เหงื่อเย็นๆ ไหลออกจากร่างทีละชั้น

ถ้าหากฉินโม่หานไม่มาในวันนี้ แล้วถ้าคนพวกนั้นถ่ายรูปเธอกับเฉิงเซวียนได้ละก็ แบบร่างข่าวพวกนี้ ก็คงจะถูกส่งออกไปโดยไม่ตกหล่นสักคำแน่นอน!

เธอบีบเอกสารที่อยู่ในมือ หัวใจก็พลันรู้สึกสั่นไหวเล็กน้อย

เทียบกันดูแล้วข่าวเมื่อวานพวกนั้นยังค่อนข้างเบากว่า ความจริงเธอก็ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนั้น คิดแต่เพียงว่าเฉิงเซวียนต้องการจะเบี่ยงเบนความสนใจจากนักข่าวจริงๆ ต้องการให้คนอื่นไม่ต้องไปสนใจเซี่ยงหวั่นฉิง

แต่พอมาดูตอนนี้แล้ว สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นข้ออ้างของเฉิงเซวียน

จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของเขาก็คือการใช้ความสนิทสนมของเธอกับเขา มาช่วยให้เซี่ยงหวั่นฉิงพลิกสถานะกลับคืนมาได้!

พวกเขาก็ยังคงต้องการเหยียบเธออยู่เหมือนเดิม ให้กลายเป็นหินรองฝ่าเท้าของพวกเขา!

เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้แล้ว ซูสือเยว่ก็กัดริมฝีปากอย่างรุนแรง

ทำไมพวกเขาถึงไม่ยอมปล่อยเธอไป?

หรือเป็นเพราะเธอนิสัยดี เป็นเพราะแต่ไหนแต่ไรมาเธอล้วนไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยมากขนาดนั้น เลยทำให้พวกเขาเห็นเธอเป็นคนโง่ เห็นเป็นเครื่องมือของพวกเขา?

ตอนอยากจะใช้ก็หลอกใช้ไประยะหนึ่ง พอตอนที่ไม่ใช้ตอบสนองความต้องการที่มีมากล้นไม่ได้ก็มีค่าเป็นเศษเหลืออย่างนั้นใช่ไหม?

“โกรธไปก็ไม่มีประโยชน์”

ฉินโม่หานกำลังมองเธอ ภายในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นไม่มีคลื่นอะไรทั้งนั้น “คนอื่นคิดวางแผนทำร้ายเธอตามอำเภอใจโดยที่ไม่เกรงกลัวอะไร เหตุผลมีเพียงแค่อย่างเดียว”

“เธออ่อนแอเกินไป”

คำพูดของชายหนุ่มเป็นเหมือนค้อนหนักๆ ที่ทุบลงมาในใจของซูสือเยว่

เธอเงยหน้าขึ้น จ้องมองเขาอย่างอึ้งๆ

ฉินโม่หานยกมือขึ้นมา ใช้ปลายนิ้วนวดคลึงเบาๆ ที่ริมฝีปากชุ่มชื้นของเธอ “ในสายตาของพวกเขา เธอก็เป็นแค่คนอ่อนแอที่จะรังแกอย่างไรก็ได้”

“ถ้าต่อไปไม่อยากถูกรังแก ไม่อยากถูกคิดวางแผนร้ายอีก”

เขาเก็บมือกลับไป แล้วยิ้ม “ก็ต้องพยายาม ยิ่งใหญ่แล้วเหยียบพวกเขาไว้ใต้ฝ่าเท้า”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset