เมื่อซูสือเยว่ตื่น รถก็ถึงเมืองถงแล้ว
รถชะลอความเร็วลง เธอนอนอยู่บนขาของฉินโม่หาน ศีรษะกระทบขึ้นๆ ลงๆ บนต้นขาของชายหนุ่ม
หญิงสาวที่กำลังนอนสบายเพียงเปลี่ยนท่าแล้วหลับต่อ
แต่ไม่รู้เพราะอะไร เธอมักรู้สึกเหมือนมีสิ่งกีดขวางอยู่ มันติดจมูกเธอตลอดเวลา ทำให้เธออึดอัดมาก
ด้วยสัญชาตญาณ หญิงสาวที่กำลังงัวเงียจึงยกมือขึ้น อยากขจัดอุปสรรคนั้นออกไป…
“จอดรถ!”
ทันใดนั้นเอง น้ำเสียงที่ระงับอารมณ์พลุ่งพล่านของชายหนุ่มก็ดังขึ้นที่เบาะหลัง
ไป๋ลั่วตกใจรีบเหยียบเบรก
“ฟู๋เชียนเชียน”
ฉินโม่หานคิ้วขมวดแน่น “คุณมาข้างหลัง”
ฟู๋เชียนเชียนที่ง่วงงุนพิงเบาะข้างคนขับหาวหวอด “ทำไมคะ”
“ไม่ทำไม”
ชายหนุ่มส่งเสียงเย็นอย่างอดทน “เปลี่ยนที่นั่ง!”
ฟู๋เชียนเชียนเม้มปาก ก่อนจะลงจากที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
ประตูรถเปิดออก ชายหนุ่มที่เคยอ่อนโยนกับซูสือเยว่มาตลอดทางกลับกระแทกศีรษะเธออย่างแรง “ตื่นได้แล้ว”
ความเจ็บที่หน้าผากทำให้หญิงสาวลืมตาขึ้นอย่างไม่เต็มใจ “อะไร…”
พูดไปได้ครึ่งเดียวเธอก็พูดไม่ได้อีก
เพราะตรงหน้าเธอเป็นผ้าสูทสีดำเย็นเฉียบของชายหนุ่ม
ซูสือเยว่ตื่นตระหนกหนัก เพิ่งรู้ตัว เธอ…นอนบนต้นขาของฉินโม่หานเหรอเนี่ย
“ลุกขึ้น”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพูดเสียงเย็นชา
ซูสือเยว่ชะงักนิ่ง ก่อนจะรีบลุกขึ้นจากต้นขาเขา
ขณะที่กำลังดิ้นรน นิ้วมือของเธอก็ดูเหมือนจะไปจับโดนอะไรบางอย่างเข้า
ไม่ใช่ต้นขาของเขา และก็ไม่ใช่มือของเขา…
ใบหน้าหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที รีบปล่อยมือออก สมองตื่นโดยสมบูรณ์
เธอรีบยืดหลังตรง นั่งจ้องตรงไปข้างหน้า แกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉินโม่หานกวาดตามองเธออย่างเย็นชา ก่อนจะลงจากรถไป
ฟู๋เชียนเชียนรีบมุดเข้ารถมาอย่างรวดเร็ว ไปนั่งข้างซูสือเยว่ แล้วแอบยกนิ้วโป้งให้เธอ
“ความสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยามันไม่เหมือนทั่วไป จับได้อย่างชำนาญ แค่เหลือบมองแวบเดียวก็คว้าได้ตรงจุด”
ซูสือเยว่ถลึงตาใส่เธอ ใบหน้าแผดเผาไหม้เกรียม
ในไม่ช้า รถก็มาถึงโรงแรมที่ฟู๋เชียนเชียนจองไว้ก่อนหน้านี้
“ขอบคุณค่ะคุณท่านชายฉิน!”
ลงจากรถกับกระเป๋าเป้สะพายหลังขนาดใหญ่ ฟู๋เชียนเชียนใช้มือถือถ่ายรูปตัวเองไปพร้อมกับยิ้มกว้างขอบคุณ
ซูสือเยว่ก็ผ่อนลมหายใจยาวเหยียด ยกมือขึ้นตบๆ หน้าอก
เมื่อครู่บรรยากาศในรถกดดันเกินไป เธอกำลังจะขาดใจตายอยู่แล้ว!
ฟู๋เชียนเชียนดึงแขนของซูสือเยว่พาเธอเข้าไปในโรงแรม “สือเยว่ ฉันบอกเธอแล้วว่านี่เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในย่านนี้”
“เจ็ดดาวเลยนะ!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉันได้รับคูปองส่วนลดสองใบจากการจับรางวัลในเว่ยป๋อเมื่อเดือนที่แล้ว ฉันคงไม่กล้าชวนเธอมาอยู่ในที่แบบนี้หรอก…”
ทั้งคู่คุยกันไปพร้อมกับเดินเข้าประตู ไม่ได้สังเกตเลยว่ามาเซราติสีดำที่จริงแล้วไม่ได้ไปไหน
รถวิ่งวนรอบประตูโรงแรม แล้วไปหยุดลงที่ทางเข้าหลัก
“คุณฉิน!”
ผู้จัดการโรงแรมหวางและคณะผู้บริหารระดับสูงกล่าวต้อนรับอย่างสุภาพ “ได้คุณมาเข้าพักที่โรงแรมของเรา นับเป็นเกียรติแก่โรงแรมของเราอย่างยิ่งครับ!”
เขาประคองประตูรถให้ฉินโม่หานพร้อมกับยิ้มกว้าง “เราได้เตรียมห้องสูทสำหรับผู้นำที่ดีที่สุดเอาไว้ให้คุณแล้วครับ คุณไปดู…”
“ครั้งนี้ไม่อยู่ห้องสูทสำหรับผู้นำ”
ชายหนุ่มลงจากรถอย่างสง่างาม “ช่วยตรวจสอบคนคนหนึ่งให้ผมหน่อย”
“ผมต้องการอยู่ติดห้องเธอ”
“ครับ!”
……
การจองของฟู๋เชียนเชียนเป็นห้องเตียงคู่อยู่ที่ส่วนท้ายมุมสุดของชั้นที่สิบ
บริกรพาพวกเธอทั้งสองไปส่งที่ห้องแล้วก็ไป
“สือเยว่ เธอมาลองนอนสิ! สบายมากเลย!”
ฟู๋เชียนเชียนนอนไปบนเตียงใหญ่เหมือนเด็ก หลับตาลง สีหน้าท่วมท้นความสุข “ชีวิตของคนมีเงินนี่มันช่างแตกต่างจริงๆ!”
“ถ้าต่อไปนี้ทุกครั้งที่ฉันออกจากบ้านจะได้มาอยู่ห้องแบบนี้ก็ดีน่ะสิ!”
ซูสือเยว่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ หลังจากจัดของเก็บสัมภาระเสร็จแล้ว ถึงได้พบว่าเมื่อวานเธอรีบจัดกระเป๋าจนลืมเอาครีมกันแดดมาด้วย
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่ได้เอาครีมกันแดดมาจริงๆ หญิงสาวจึงลุกขึ้น “ฉันจะไปซื้อของที่ห้างฝั่งตรงข้ามนะ อยากได้อะไรไหม”
ฟู๋เชียนเชียนบึนปาก “ฉันอยากนอนคุยกับเตียงคิงส์ไซส์นี้ให้สนุก!”
ซูสือเยว่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินตัวเองแล้วออกจากห้อง
ตรงข้ามโรงแรมเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่
หลังจากที่หญิงสาวซื้อครีมกันแดดในโซนผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายแล้วก็เหลือบไปเห็นมันฝรั่งทอดในระยะไกล
รสที่เธอชอบยังเหลืออยู่ถุงสุดท้าย
“คุณป้าคะ”
นิ้วมือของซูสือเยว่เพิ่งแตะโดนถุงมันฝรั่ง เสียงของเด็กผู้หญิงก็ดังขึ้นที่ข้างหู “หนูก็ชอบมันฝรั่งรสนี้เหมือนกัน…”
หญิงสาวขมวดคิ้ว หลังจากกวาดตามองไปรอบๆ ถึงได้พบว่าตรงใกล้ๆ เท้าของตัวเองมีเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักยืนอยู่
เด็กผู้หญิงตัวน้อยสวมชุดกระโปรงผ้าลูกไม้สีขาว ถักเปียสองข้าง ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาและน่ารักราวกับตุ๊กตา
มองดูเด็กน้อยตรงหน้า ซูสือเยว่ก็นึกไปถึงความฝันเมื่อคืนโดยไม่รู้ตัว
ต้องยอมรับว่าเด็กน้อยตรงหน้า ช่างดูคล้ายในความฝัน…
“คุณป้าคะ?”
เห็นเธอจ้องตัวเองด้วยความมึนงง สาวน้อยจึงยกมือขาวนวลขึ้นไปจับกางเกงของซูสือเยว่ “คุณป้าคะ ได้โปรดนะคะ”
ดวงตาโตสีดำขลับของเธอคลอไปด้วยน้ำตา ขณะนี้มีแต่การร้องขอ
ซูสือเยว่ถูกโจมตีด้วยดวงตาน่ารักของเธอ
หญิงสาวแทบไม่ลังเลที่จะหยิบมันฝรั่งทอดยื่นใส่มือของเด็กน้อย “นี่จ้ะ”
“ขอบคุณคุณป้ามากค่ะ!”
เด็กน้อยกอดมันฝรั่งทอดพร้อมกับหยิ้มหวานจ้องมองซูสือเยว่ “คุณน่ารักเหมือนคุณแม่เลยค่ะ!”
เมื่อพูดจบ เธอก็กอดมันฝรั่งทอดแล้ววิ่งออกไป
ซูสือเยว่ยืนอยู่ที่เดิม มองไปยังด้านหลังของเด็กน้อยที่จากไป ในหัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
ก็ไม่รู้ว่าลูกที่เธอเสียไปเมื่อห้าปีก่อนเป็นชายหรือหญิง
ถ้าเป็นเด็กผู้หญิง น่าจะอายุพอๆ กับเด็กคนนี้ และก็คงน่ารักแบบนี้…
……
“คุณอาจี้
เด็กผู้หญิงตัวน้อยในชุดกระโปรงผ้าลูกไม้สีขาวกอดมันฝรั่งทอดถุงใหญ่วิ่งเตาะแตะกลับไปตามทางไปหาชายหนุ่มร่างสูงใหญ่
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย “จี้ซิงกวง ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามเธอทานอาหารขยะพวกนี้”
“นี่ไม่ใช่อาหารขยะนะคะ!”
ซิงกวงน้อยเบะปาก กอดมั่นฝรั่งทอดในอ้อมแขน “นี่เป็นของขวัญที่คุณป้าคนสวยมอบให้หนู”
“ที่จริงหนูไม่ได้ชอบมันฝรั่งทอดรสนี้เท่าไร แต่คุณป้าคนนั้นสวยมาก หนูเลยเข้าไปหาเรื่องชวนเธอคุย”
จี้หนานเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยภายใต้กรอบแว่นตาดำ “หาเรื่องชวนคุย?”
“ใช่แล้วค่ะ!”
เด็กน้อยยืนเขย่งเท้าเอามันฝรั่งทอดใส่ในรถเข็น “คุณอาจี้คะ คุณบอกไม่ใช่เหรอว่าถ้าคุณมีภรรยา คุณจะมีพี่ชายให้หนู”
“รอหนูเรียนรู้วิธีการหาเรื่องชวนคุณป้าคนสวยคุยได้แล้ว หนูจะช่วยคุณหาภรรยาค่ะ!”
ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “ข้อแรก ตอนนี้เธอห้าขวบแล้ว ต่อให้คุณอาจี้จะแต่งงาน ก็ไม่สามารถมีพี่ชายให้เธอได้”
“ข้อสอง วันนี้ฝึกเปียโนแล้วเหรอ มาเริ่มกังวลเรื่องของผู้ใหญ่ซะแล้ว”
ซิงกวงน้อยก้มหน้าหยุดพูด
สักพักเธอก็เงยหน้าขึ้น “แต่ว่าคุณป้าคนนั้นสวยมากจริงๆ นะคะ”
“หนูอยากให้เธอเป็นแม่ของหนู”