ซูสือเยว่ฝัน
เธอฝันเห็นฉินโม่หานอุ้มเด็กสองคนอยู่ท่ามกลางกองไฟ และกำลังวิ่งออกไปอย่างสุดชีวิต
ไฟไหม้ชายกางเกงของเขา ทว่า เขาไม่มีเวลาไปใส่ใจ
ในตอนที่เขาอุ้มเด็กแล้วกำลังวิ่งออกไปจากกองไฟนั้น ทั้งตัวของเขาดูเหนื่อยและไร้เรี่ยวแรง
หลังจากที่ส่งเด็กถึงมือหมอ เขาก็หมดสติและล้มลงไปกับพื้น
“ฉินโม่หาน……”
“ฉินโม่หาน!”
เธอตะโกนเรียกชื่อของเขา จากนั้นเธอก็สะดุ้งตื่น
“ฝันร้ายเหรอ?”
มีเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายเข้ามาในหูของเธอ
ซูสือเยว่ลืมตาขึ้น เมื่อเห็นสถานที่ที่แปลกตา เธอก็อึ้งไปครู่หนึ่ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอถึงจะนึกได้ เมื่อคืนตัวเองได้พบกับฉินโม่หานที่ได้รับบาดเจ็บ เธอก็เลยอยู่กับไป๋ลั่วเพื่อดูแลเขา
สุดท้าย เธอก็ฟุบหน้าลงที่เตียงของเขา แล้วหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
เธอเงยหน้าขึ้น ตรงหน้า ก็คือดวงตาที่ลึกของฉินโม่หาน
ในเวลานี้ ผู้ชายพิงอยู่ที่ตัวเตียง ที่ไหล่ซ้ายของเขายังมีผ้าพันแผลพันอยู่ ส่วนมือขวานั้นกำลังพลิกเอกสารที่อยู่บนตักของเขา
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว
เวลาป่านนี้แล้ว ยังทำงานอยู่?
ผู้ชายคนนี้บ้างานเหรอ?
ไม่ห่วงสุขภาพตัวเองเลย!?
เธอลุกขึ้น แล้วแย่งเอกสารของเขามา “นายพักผ่อนเถอะ”
ผู้ชายยิ้มออกมาอย่างสบายๆ “แผลเล็กนิดเดียวเอง”
“มีคนมากมายกำลังรอฉันอยู่ ถ้าเธอไม่ให้ฉันทำงาน ก็อาจจะทำให้คนมากมายตกงานได้นะ”
ซูสือเยว่เม้มปาก “แต่ก็ไม่ควรทำงานตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้สิ!”
เธอมองลงไปที่นาฬิกา ขณะนี้เวลาหกโมงกว่า
“ฉันไปซื้ออาหารเช้าก่อนนะ”
พูดจบ เธอก็เหลือบไปมองฉินโม่หาน “กินข้าวเสร็จ ฉันจะได้ทายาให้นาย”
“ก่อนทายา นายห้ามทำงานเด็ดขาด พักผ่อนก่อน!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกคุมขนาดนี้ ฉินโม่หานจึงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่เป็นอะไรจริงๆ”
เขาที่เป็นทายาทรุ่นต่อไปของฉินซื่อกรุ๊ป สิ่งที่เขาต้องเผชิญ นอกเหนือจากการอาฆาตพยาบาทของคู่แข่งแล้ว ยังมีแรงกดดันจากการแข่งขันภายในครอบครัว
หลายปีมานี้ ถูกคนอื่นโจมตีและลอบฆ่านั้น เป็นเรื่องปกติไปแล้ว
เขาเคยชินกับมันนานแล้ว
“ไม่เป็นอะไรก็ต้องพักผ่อน”
ซูสือเยว่เม้มปาก ถือเอกสารไว้ในมือ และหันหลังแล้วจากไป “ฉันจะเอามันไปซื้ออาหารเช้าด้วย”
“ปั้ง” เสียงปิดประตูดังขึ้น
ซูสือเยว่เอาเอกสารของฉินโม่หานแล้วออกไปซื้ออาหารเช้าจริงๆ
ไป๋ลั่วมองไปยังประตูที่ปิดสนิทอย่างอึ้งๆ “คุณชายครับ ให้ผมตามคุณนายออกไป แล้วเอาเอกสารกลับมาไหมครับ?”
ผู้ชายหลับตาลง “ไม่ต้อง”
“เธออยากเอาไป ก็ให้เธอเอาไป”
ไป๋ลั่ว:“……”
จากนั้นเขาก็พูดเตือนขึ้น “คุณชายครับ ทว่า เอกสารนั้นเป็นงบการเงินของsea worldในรอบปีที่ผ่านมานะครับ ถือว่าเป็นเอกสารลับสุดยอด……..”
ถูกคุณนายเอาไปร้านอาหารเหมือนเป็นเอกสารธรรมดาทั่วไปแบบนี้ง่ายๆเลยเหรอ……
เป็นการดูหมิ่นระดับความลับสุดยอดของเอกสารนี้ไปหน่อยหรือเปล่า?
“นายคิดว่า”
ฉินโม่หานพูดขึ้นเสียงเรียบ “นายคิดว่า เธอที่ท่าทางซื่อๆบื้อๆแบบนั้น ถือเอกสารชุดหนึ่งไปซื้ออาหารเช้า………”
“จะมีคนดูออกว่ามันเป็นเอกสารลับสุดยอดเหรอ?”
ไป๋ลั่ว:“……”
…………
ซูสือเยว่ซื้ออาหารเช้าเสร็จ ก็โยนเอกสารงบการเงินนั้นเข้าไปในถุงที่ใส่ซาลาเปา
ระหว่างทางที่เดินกลับโรงแรม เธอก็เจอกับเด็กผู้หญิงที่เจอที่ห้างเมื่อวานอีกครั้ง
วันนี้เธอเปลี่ยนชุดเป็นชุดจีนสีชมพู และมัดผมขึ้น เหมือนสาวน้อยจากตระกูลใหญ่ในสมัยโบราณ
ขณะนี้ เธอกำลังจูงมือกับผู้หญิงที่เหมือนจะเป็นพี่เลี้ยงแล้วเดินออกมาจากโรงแรม
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้น ก็พบกับซูสือเยว่ที่กำลังเดินเข้ามาพอดี
“คุณน้าคนสวย!”
เด็กน้อยปล่อยมือของพี่เลี้ยง จากนั้นขาสั้นๆก็รีบวิ่งเข้ามาหาเธอ “คุณน้าก็อยู่ที่นี่เหรอคะ!”
“เป็นพรหมลิขิตจริงๆ!”
ซูสือเยว่ยิ้มแล้วพยักหน้า “ใช่ เป็นพรหมลิขิตจริงๆ”
“หนูชื่อจี้ซิงกวงค่ะ”
“จี้ที่มาจากคำว่ารำลึกในภาษาจีน และซิงกวงที่แปลว่าแสงดาวค่ะ คุณน้าคนสวยชื่ออะไรคะ?”
มองดูหน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดูของเด็กน้อยแล้ว หัวใจของซูสือเยว่ก็แทบจะละลายแล้ว
เธอนั่งลง จากนั้นก็หยิบซาลาเปาออกมาจากถุงแล้วยื่นให้เด็กน้อย “น้าชื่อซูสือเยว่ค่ะ”
“ความหมายของชื่อหนูเป็นดาว คุณน้าเป็นพระจันทร์ อนาคตเราอาจจะเป็นครอบครัวเดียวกันก็ได้นะคะ!”
ซิงกวงรับซาลาเปาที่ซูสือเยว่ยื่นให้ “คุณน้าซูคะ เพื่อที่จะตอบแทนสำหรับซาลาเปาลูกนี้ของคุณน้า หนูเชิญคุณน้าทานข้าวนะคะ!”
“หนูสามารถให้อาจี้พาหนูมาทานข้าวกับคุณน้าได้ค่ะ!”
“อาจี้ของหนูหน้าตาหล่อมากเลยค่ะ คุณน้าเห็นแล้วต้องชอบแน่ๆเลย!”
ซูสือเยว่ทั้งตลกและเครียดในเวลาเดียวกัน
เด็กน้อยนี้จะจับคู่ให้เธองั้นเหรอ?
ผู้หญิงยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ช่างมันเถอะ”
“น้าต้องไปทานกับสามีของน้าอีก ยังไปกินกับหนูไม่ได้หรอก”
แสงสว่างในดวงตาของสาวน้อยค่อยๆหรี่ลง
“คุณน้าซูแต่งงานแล้ว………”
“คุณหนูเล็กคะ!”
ในเวลานั้นเอง พี่เลี้ยงก็รีบวิ่งเข้ามาจับไหล่ของซิงกวงไว้ “คุณหนูอย่าวิ่งซนสิคะ…….”
“ซิงกวงน้อย ลาก่อนนะ!”
ซูสือเยว่ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็โบกมือให้สาวน้อย แล้วก็จากไป
ซิงกวงมองไปยังทิศทางที่เธอจากไป แล้วรู้สึกเสียใจจนน้ำตาแทบไหลออกมา
ไม่ง่ายเลยที่เธอจะเจอคุณน้าที่ชอบ!
ทว่า เธอนั้นแต่งงานแล้ว!
“คุณหนูเล็กคะ”
พี่เลี้ยงขมวดคิ้วแล้วมองไปยังซาลาเปาที่อยู่ในมือของเธอ “ทิ้งเลยไหมคะ?”
“คุณชายเคยบอกว่า อย่าให้คุณหนูกินของที่มีที่มาไม่แน่ชัด…….”
“น้ากล้าเหรอ!”
ซิงกวงยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา “แผนที่จะหาแม่ใหม่ของหนูล้มเหลวแล้ว หนูก็จะกินซาลาเปาที่เศร้าลูกนี้!”
พูดจบ เธอก็ก้มหน้าลงแล้วกัดเข้าไปหนึ่งคำ
……..มันรู้สึกอร่อยแบบคาดไม่ถึง?
“น้าโจว หนูจะกินซาลาเปานี้อีก ไปซื้อซาลาเปาแสนเศร้านี้เพิ่มให้หนูหน่อย!”
“หนูจะเอาสิบลูก!”
…………
ในตอนที่ซูสือเยว่กลับถึงห้อง ฉินโม่หานก็แต่งตัวเรียบร้อยและนั่งรอเธออยู่บนโซฟาแล้ว
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า การฟื้นฟูของร่างกายของผู้ชายคนนี้มันรวดเร็วจนน่าตกใจ
เมื่อวานยังกลับมาด้วยใบหน้าที่ซีดขาว และหมดสติไปแท้ๆ
ทว่า วันนี้ สามารถนั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่ปกติได้แล้ว ดูไม่ออกและไม่เห็นร่องรอยการบาดเจ็บใดๆเลย
ผู้หญิงเอาอาหารเช้าที่ซื้อมาวางบนโต๊ะทีละอย่าง
สุดท้าย เธอก็ยื่นเอกสารชุดหนึ่งให้ฉินโม่หาน “อ่า ให้”
ผู้ชายส่งเอกสารให้ไป๋ลั่วอย่างเรียบนิ่ง “เอาไปเก็บไว้”
ไป๋ลั่วรับเอกสารมา และได้กลิ่นซาลาเปาเนื้อจากเอกสาร ก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา
เอกสารลับสุดยอดของที่ไหนจะมีกลิ่นซาลาเปาเนื้อ!
เมื่อทานอาหารเช้าถึงครึ่งหนึ่ง โทรศัพท์ของซูสือเยว่ก็ดังขึ้นมา
เป็นสายจากฟู๋เชียนเชียน
“สือเยว่ ไปหายไปไหนเนี่ย!”
“ทำไมฉันไม่เห็นเธอตั้งแต่เช้ามืดเลย!”
ซูสือเยว่ลุกขึ้นยืน แล้วพลางเดินพลางพูดอธิบาย “ฉินโม่หานได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เมื่อคืนฉันก็เลยมาดูและเขา”
ฟู๋เชียนเชียนเงียบไปครู่หนึ่ง “งั้นเธอรีบกลับมาได้ไหม?”
“เดี๋ยวตอนแปดโมงฉันจะไปสวนน้ำ……”
ฟู๋เชียนเชียนยังพูดไม่จบ ซูสือเยว่ก็เปิดประตูเข้ามาแล้ว
ภายใต้แววตาที่ตกใจของฟู๋เชียนเชียน ซูสือเยว่ยิ้ม “น่าจะมาทันนะ”
ฟู๋เชียนเชียน:“……”
“ท่านชายฉินมาอยู่ห้องข้างๆได้ยังไง!”
ซูสือเยว่ยิ้มออกมา “คงจะเป็นเพราะภรรยาของเขามั้ง”
ฟู๋เชียนเชียนที่อยู่ๆก็โดนเพื่อนอวดสามี “…………”
“จะตีคนอวดความรักให้ตายเลย!”