หลังจากที่ซูสือเยว่จัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ก็ล้างหน้าแปรงฟันสักหน่อย จากนั้นก็ออกมาจากห้องน้ำ
“ท่านชาย พวกเรามานอนกันต่อเถอะ”
เธอเปิดประตูและพูดอย่างเร่งรีบ
เพราะเธอเข้าไปในห้องน้ำเป็นเวลานาน จึงกลัวว่า ฉินโม่หานจะคิดว่าคำพูดของเธอนั้นเชื่อถือไม่ได้
เมื่อพูดจบ บรรยากาศในห้องก็เงียบสงัด
เธอนึกว่าฉินโม่หานหลับไป
ทว่า ในตอนที่เธอเงยหน้านั้น…
สี่คนนี้เข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?
เวลานี้ ฉินโม่หานยังคงพิงอยู่บนเตียง ไป๋ลั่วพาชายสามคนมาและยืนอยู่กลางห้อง พวกเขามองเธอด้วยความตกใจ
บรรยากาศในห้องอึดอัดจนหายใจไม่ออก
ซูสือเยว่สติหลุดไปสองวินาที ในที่สุดเธอก็ดึงสติกลับมา
เธอยิ้มแห้ง “ พวกคุณ…พวกคุณมาคุยเรื่องงานกันหรอ?”
“ใช่ครับ…ผู้บริหารบริษัทระดับสูงทั้งสามท่านได้ข่าวว่าคุณชายถูกคนอื่นลอบทำร้าย ก็เลยแวะมาทักทายเป็นการพิเศษ…”
ไป๋ลั่วอธิบายอย่างร้อนใจ เหมือนว่าตัวเองจะทำอะไรผิดไป “ทั้งสามท่านนี้มาตั้งแต่เช้าตรู่ ผมกลัวว่าจะเป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณชายกับคุณหญิง ผมเลยไม่ได้ให้ทั้งสามท่านเข้ามาครับ”
“ปกติคุณชายจะตื่นนอนตอนเจ็ดโมงเช้า เมื่อกี้ผมดูเวลาก็เป็นเวลาเก้าโมงกว่าแล้ว ก็เลยพาพวกเขาเข้ามา…”
พูดจบ เขาก็มองซูสือเยว่ด้วยความรู้สึกผิด “คุณนาย ผมไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาขัดขวางความสนุกของคุณกับคุณชายเลยนะครับ”
ซูสือเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจความหมายที่เขาสื่อออกมา
ซูสือเยว่ที่อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา “ไป๋ลั่ว นายน่าจะเข้าใจผิด”
ที่เธอบอกว่า จะนอนกับฉินโม่หานนั้น มันก็แค่การนอนจริงๆ!
“ไม่ต้องอธิบายแล้ว”
ชายที่เอนกายอยู่บนเตียงอย่างอารมณ์ดี ก็เปลี่ยนท่าทางเป็นท่าที่สบายขึ้น“ไปซื้ออาหารเช้าให้ฉันหน่อยสิ”
ซูสือเยว่เหลือบไปมองไป๋ลั่วกับชายสามคนที่อยู่ด้านหลังเขา
เห็นได้ชัดว่าทั้งสี่คนยังคงเข้าใจผิดเธอ…
แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายตั้งแต่ตรงไหนดี จึงทำได้เพียงทำหน้าพองแก้มอย่างหดหู่ และหันหลังเดินไปจากห้อง
ในขณะที่ประตูกำลังจะปิดลง เธอก็ได้ยินเสียงอันทุ้มต่ำ และน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของฉินโม่หาน “ภรรยาผมค่อนข้างขี้อายน่ะครับ”
ซูสือเยว่: “…”
เธออายที่ไหนกัน เธอแค่โดนเข้าใจผิดเลยต้องหาทางดิ้นรนต่างหากล่ะ!
ซูสือเยว่ลงไปซื้ออาหารเช้าด้วยสภาพจิตใจที่ห่อเหี่ยว
ตอนนี้เวลาเก้าโมงกว่าแล้ว
ร้านอาหารก็แทบไม่มีผู้คนแล้ว ซูสือเยว่นั่งติดหน้าต่าง ระหว่างที่รอพนักงานในร้านห่ออาหาร เธอก็มองไปที่วิวนอกหน้าต่าง
คนสองคนที่อยู่ริมชายหาดดึงดูดความสนใจของเธอเป็นอย่างมาก
สองคนนั้นเป็นชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ผู้ชายพุงย้อยและสวมแว่นตา ดูอายุราวๆสี่สิบหรือห้าสิบปี ทว่า ผู้หญิงคนนั้น…ซูสือเยว่รู้จักกับเธอ
ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่เป็นเซี่ยงหวั่นฉิง ที่ช่วงนี้กำลังปลูกต้นรักหวานเยิ้มกับเฉิงเซวียน
ซูสือเยว่ทำตายิบหยี จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเซี่ยงหวั่นฉิงที่กำลังจับแขนชายผู้ดูมีอายุ เธอบันทึกรูปและสำรองข้อมูลไว้
ยิ่งเซี่ยงหวั่นฉิงและชายผู้ดูมีอายุ เดินเล่นไปตามชายหาดนานเท่าไหร่ ซูสือเยว่ก็แอบถ่ายพวกเขานานเท่านั้น แม้ร้านอาหารวางชุดอาหารเช้าไว้บนโต๊ะของเธอแล้ว เธอก็ไม่รู้สึกตัว
เมื่อกลับถึงโรงแรม หลังจากที่เธอส่งอาหารเช้าไปที่ห้องของฉินโม่หาน เธอจึงกลับมาที่ห้องของเธอกับฟู๋เชียนเชียน
“คุณนาย ในที่สุดก็ตื่นสักทีนะ”
ฟู๋เชียนเชียนเอนกายลงบนโซฟา พลางมองซูสือเยว่ที่เดินเข้ามาในห้องอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ครึ่งชั่วโมงก่อน ฉันไปถามไป๋ลั่ว เขาบอกว่าเธอยังนอนอยู่”
“ฉันเองก็ไม่กล้ารบกวนเวลานอนของเธอกับฉินโม่หาน เลยได้แต่กลับมารอที่ห้อง!”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วและตอบเธออย่างขอไปที จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาและเลื่อนดูรูปที่ถ่ายไว้ก่อนหน้านี้
เธออยากรู้ว่า ผู้ชายที่เดินเล่นริมหาดกับเซี่ยงหวั่นฉิงเป็นใคร
ในความทรงจำของเธอ เซี่ยงหวั่นฉิงไม่มีผู้ใหญ่ท่านนี้
นิ้วเรียวยาวของเธอซูมรูปเข้าไป และซูมเข้าไปอีก
สุดท้าย ในรูปก็โชว์รูปหน้ามันเยิ้มของชายวัยกลางคน
เธอไม่เคยเจอเขามาก่อน
ซูสือเยว่และเซี่ยงหวั่นฉิงเป็นเพื่อนซี้กันมาหกปี ผู้ใหญ่ในบ้านของเซี่ยงหวั่นฉิน ซูสือเยว่เองก็แทบจะรู้จักทุกคน
“เอ๋ ผู้กำกับเฉิน หรอ?”
ฟู๋เชียนเชียนขยับเข้ามา เพียงแวบเดียวก็เห็นรูปภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ของซูสือเยว่
ซูสือเยว่เงยหน้าในทันที “เธอรู้จักเขาหรอ?”
“รู้จักสิ”
ฟู๋เชียนเชียนพยักหน้า พลางหยิบซาลาเปาที่ซูสือเยว่ซื้อมาฝาก จากนั้นยกขึ้นมากินและพูดกับเธอต่อ “ฉันเคยเป็นนักแสดงแทนในกองละครเขามาก่อน”
“ผู้กำกับคนนี้เก่งมากเลยล่ะ เขาเป็นผู้กำกับด้านภาพยนตร์โดยเฉพาะ เขาผลิตผลงานภาพยนต์ที่น่าทึ่งออกมามากมาย และปั้นนักแสดงหญิงให้โด่งดังมานับไม่ถ้วน”
“ช่วงนี้ เขามีละครเรื่องหนึ่งที่กำลังเฟ้นหาบทนางเอก ดารานักแสดงหญิงในวงการบันเทิงต่างก็แย่งกันอย่างดุเดือดเพื่อที่จะได้รับเลือกมาเล่นละครเรื่องนี้”
เมื่อทานซาลาเปาเสร็จ ฟู๋เชียนเชียนก็มองซูสือเยว่ “ว่าแต่เธอมีรูปเขาได้ยังไง?
ซูสือเยว่ยิ้มเยาะ และย่อรูปภาพเพื่อเผยให้เห็นถึงท่าทีที่ดูสนิทสนมของเซี่ยงหวั่นฉิงกับผู้กำกับเฉิน
“คุณพระ…”
ฟู๋เชียนเชียนอุทานออกมา “เซี่ยงหวั่นฉิงกล้าทำลงไปได้”
“ผู้กำกับเฉินอายุห้าสิบหกสิบปีแล้ว ร่างกายก็อ้วนท้วน หัวล้าน แถมเขายังมีภรรยาและลูก…”
ซูสือเยว่ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา “สรุปแล้ว คนที่โดนสวมเขา โดนหักหลัง ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวสินะ”
เฉิงเซวียนหักหลังเธอ ปฏิบัติกับเธอราวกับเธอเป็นคนโง่ อีกทั้งยังคิดว่าเซี่ยงหวั่นฉิงคือรักแท้ของเขา
แต่ดูผลลัพธ์ที่ออกมา?
“ถ้าเธอแชร์ภาพนี้ออกไป วงการบันเทิงเมืองหรงจะต้องสั่นสะเทือนแน่ๆ”
ฟู๋เชียนเชียนทอดถอนใจ “ดูเหมือนว่านางเอกของภาพยนตร์เรื่องต่อไปของผู้กำกับเฉินคือ เซี่ยงหวั่นฉิง”
“อาจจะไม่ก็ได้”
ซูสือเยว่ยิ้มและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “เชียนเชียน เธอคิดว่า ถ้าเซี่ยงหวั่นฉิงเต็มใจที่จะทำลายภาพพจน์ตัวเองแบบนี้ แต่สุดท้ายตำแหน่งนางเอกของผู้กำกับเฉินกลับไม่ใช่ของเซี่ยงหวั่นฉิง เซี่ยนหวั่นฉิงจะร้องไห้ฟูมฟายไหม?
“แน่นอนสิ!”
ฟู๋เชียนเชียนดื่มน้ำเต้าหู้ต่อ “เธออายุเท่านี้คบกับผู้กำกับเฉิน ถ้าเธอไม่ได้ทำเพื่อตำแหน่งนางเอก เธอจะทำเพื่อรักแท้งั้นหรอ?”
“สือเยว่ แต่เซี่ยงหวั่นฉิงอุทิศตัวให้ผู้กำกับเฉินขนาดนี้ ตำแหน่งนางเอกจะไม่ตกเป็นของเธอก็ไม่ได้ไหม? ”
“แล้วถ้าตำแหน่งนั้นตกเป็นของฉันแทนล่ะ?”
ซูสือเยว่ทำตายิบหยีและกวาดสายไปมองไปที่ไกลโพ้น “ฉันจะชิงตำแหน่งนางเอกกับเซี่ยงหวั่นฉิง”
“อยากได้ก็ต้องได้”
ซูสือเยว่ปล่อยให้เซี่ยงหวั่นฉิงรังแกมานานพอแล้ว
เมื่อซูสือเยว่พูดคำเหล่านี้ ความเด็ดเดี่ยวของน้ำเสียงเธอ ทำเอาฟู๋เชียนเชียนชะงักงัน
เธอไม่เคยเห็นซูสือเยว่ในมุมนี้มาก่อน
ตอนนี้ซูสือเยว่ดูมีเสน่ห์มากกว่าตอนปกติที่เธอทำตัวน่ารักซะอีก
“แต่ว่า”
ฟู๋เชียนเชียนยังคงถอนหายใจ “ละครเรื่องนี้ของผู้กำกับเฉินเป็นแนวระทึกขวัญ สือเยว่ เธอไม่ได้แสดงละครมาหลายปีแล้ว เธอทำมันได้ใช่ไหม?”
ซูสือเยว่พิงโซฟาอย่างเนือยๆพร้อมกับหลับตาลง “ใครบอกว่าฉันจะไปแสดงจริงล่ะ?”
เพราะเธอไม่ได้สนใจละครของผู้กำกับเฉินเลยแม้แต่น้อย
เธอเพียงแค่อยากจะแย่งชิงตำแหน่งนางเอกที่เซี่ยงหวั่นฉิงได้รับ เพราะความไม่แฟร์ก็เท่านั้น
จากนั้นก็รอดูเซี่ยงหวั่นฉิงคุ้มคลั่ง รอดูเธอพังไม่เป็นท่า
สุดท้ายก็เผยแพร่รูปภาพและวิดีโอที่เธอกับผู้กำกับเฉินแอบกิ๊กกัน
และให้เธอหายไปจากวงการบันเทิงตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป!
ซูสือเยว่ทำตายิบหยี และกวาดสายตาไปที่ไกลๆด้วยความเย็นชา
ตอนแรก เป็นเธอเองที่สอนเซี่ยงหวั่นฉิง และคอยสนับสนุนเซี่ยงหวั่นฉิงอยู่เรื่อยมา จากคนดังในอินเตอร์เน็ตกลายมาเป็นนักแสดง
เมื่อก่อนเธอไม่อยากทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
แต่ในเมื่อเซี่ยงหวั่นฉิงและเฉิงเซวียนยิ่งอยู่ยิ่งทำกับเธอเกินไป
เป็นแบบนี้แล้ว ก็อย่าโทษที่เธอต้องกระทำแบบนี้ เพื่อให้พวกเขารู้ว่า เธอทำให้พวกเขามีชื่อเสียงโด่งดังได้ แต่ก็ทำให้พวกเขามีชื่อเสียงป่นปี้ได้เช่นกัน!