“ถึงแกจะดื่มเหล้าไป แต่ก็ไม่ได้ดื่มมาก ร่างกายก็ไม่ได้ตอบสนองว่าแพ้หรือยังไง”
หลังจากที่ตรวจเช็คร่างกายซิงกวงง่ายๆ หมอถอนหายใจเบาๆ “ไม่จำเป็นต้องล้างท้องนะ แต่ถ้าจะให้ดีคงต้องดื่มนมเปรี้ยวแก้สักหน่อย เด็กขนาดนี้ เมาอยู่แบบนี้คงไม่ดี”
ฉินโม่หานเงยหน้ามองไป๋ลั่วที่อยู่หน้าประตู
ไป๋ลั่วรีบหันตัว “ผมจะไปซื้อนมเปรี้ยวเดี๋ยวนี้ครับ!”
ซูซือเยว่ย่อตัวลง ลูบหลังปลอบเด็กหญิงที่มีไข้เบาๆ “ซิงกวง ไม่สบายมากไหม?”
เด็กหญิงค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ “คุณแม่……”
ร่างกายซูซือเยว่ชะงักไปนิดหน่อย
“หนูอยากจะมีแม่จังเลย……”
เป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เด็กหญิงที่สะลืมสะลือกอดแขนของซูซือเยว่เอาไว้ “อาจี้บอกว่าคุณพ่อคุณแม่ของหนูยังมีชีวิตอยู่แน่นอนค่ะ พวกเขากำลังตามหาหนูกลับบ้าน……”
“แต่พวกเขาอยู่ไหนคะ……”
เด็กหญิงที่พูดอยู่นั้นน้ำตาเริ่มไหล “คุณน้าคนสวยคะ เป็นแม่หนูได้ไหมคะ?”
พูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นใช้สายตาที่เปื้อนคราน้ำตามองไปยังฉินโม่หาน “อาเป็นพ่อหนู”
ฉินโม่หานเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร
ไม่รู้ว่าทำไม เขากลับรู้สึกว่า……มุมบางมุมของเด็กหญิงคนนี้กับซูซือเยว่
และซิงเฉินซิงหยุนพวกเขาแอบคล้ายกัน
“คุณแม่……”
ซิงกวงน้อยโผล่เข้ากอดซูซือเยว่ น้ำตาไหลพราก “ซิงกวงมีแม่แล้ว……”
ร่างกายอันอบอุ่นของเด็กหญิงโผล่เข้ามา ซูซือเยว่เม้มปาก แล้วกอดเธอเอาไว้ในอ้อมกอด
“คุณแม่……”
เธอพูดแต่สองคำนี้ จนหลับไปในอ้อมกอดของซูซือเยว่
พอได้ยินเสียงหายใจที่คงที่ของเด็กหญิง ซูซือเยว่ถึงจะถอนหายใจออกมายาวๆ แล้ววางเธอลงบนเตียง
ในตอนที่ซูซือเยว่จะชักมือออกนั้น เด็กหญิงก็ยื่นมือออกมากุมมือเธอเอาไว้ “คุณแม่ อย่าไป……”
ซูซือเยว่เม้มปาก แล้วปลอบเธอเสียงเบา “แม่ไม่ไปนะ……”
พูดจบ เธอนั่งลงบนหัวเตียงอย่างช่วยไม่ได้ เธอหันหน้ามามองฉินโม่หานแวบหนึ่ง “ฉัน……อยู่เป็นเพื่อนเด็กคนนี้ได้ไหม?”
“อื้ม”
ฉินโม่หานหยิบเก้าอี้แถวนั้นมา แล้วให้ซูซือเยว่นั่งลง “ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง”
เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่ม ทำให้ใบหน้าของซูซือเยว่แดงก่ำอย่างช่วยไม่ได้
เธอเม้มปาก กดเสียงต่ำลง “นายคงไม่โกรธใช่ไหม?”
เพราะยังไงแล้ว เด็กคนนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา เป็นเพียงคนผ่านทางเฉยๆ
และฉินโม่หานในตอนนี้ที่เดิมทีควรจะกลับไปทำงานหลังกินข้าวเสร็จ
แต่เพราะความสงสารของเธอ เขาเลยต้องทิ้งงานมาอยู่เป็นเพื่อนเธอแทน
“ไม่หรอก”
ดวงตาที่ล้ำลึกของชายหนุ่มมองไปยังซิงกวงน้อยนิ่งๆ “จริงๆแล้วฉันค่อนข้างชอบลูกสาวนะ”
ซูซือเยว่นิ่งไป แล้วรีบหันหน้ากลับมามองเขาทันที ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆเขาถึงพูดออกมาแบบนี้
พอเห็นสายตาที่เมินฉยของเธอ เขาค่อยๆยกยิ้มมุมปาก “ซิงหยุนกับซิงเฉินก็อยากได้น้องสาว”
พอพุดแล้ว สายตาของเขาก็ไปหยุดลงตรงท้องของซูซือเยว่ “เอกสารสัญญานั้น……เธอเซ็นแล้วใช่ไหม?”
ซูซือเยว่นิ่งไปพักหนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกถึงเอกสารที่ซิงหยุนยื่นให้เธอ
เนื้อหาในสัญญาคือ เธอต้องใช้เวลาในหนึ่งปีนี้ คลอดลูกให้ฉินโม่หานหนึ่งคน!
พอนึกถึงตรงนี้ แก้มของซูซือเยว่แดงขึ้นมาทันที!
เธอรีบหันหน้าหนีทันที “คือว่า……”
ในหัวของซูซือเยว่โล่งไปหมด ลิ้นเริ่มจะพันกัน “ฉัน……”
ในขณะที่บรรยากาศของทั้งสองนั้นกำลังหวานแหวว เสียง“ปั่ง”ดังขึ้น ประตูห้องถูกเปิดออก
จี้หนานเฟิงที่สวมเสื้อสำหรับโชว์รีบผลักประตูเข้ามา “ซิงกวง!”
ซูซือเยว่รีบยกมือขึ้นทำท่า“ชู่”ให้เขาเงียบ “แกหลับไปแล้ว”
พูดจบ เธอก็เงยหน้าขึ้น “จี้หนานเฟิง?”
จี้หนานเฟิงพยักหน้าเบาๆ ยกเท้าก้าวใหญ่เดินเข้ามา ก้มลงมองดูใบหน้าเล็กของซิงกวง “แกเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
ซูซือเยว่เม้มปาก ลดเสียงให้เบาลงแล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด “ตอนนั้นพวกเราไม่ทันได้สังเกต ก็เลยทำให้……”
จี้หนานเฟิงขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาทั้งจริงจังและเย็นชา “นี่ไม่ได้ทำให้เลิกสงสัยว่าพวกเธอลักพาตัวเด็กมา”
ซูซือเยว่คนทั้งคนนิ่งไป
ลักพาตัวเด็ก?
จี้หนานเฟิงดึงมือซูซือเยว่ที่กุมมือของซิงกวงออกอย่างเยือกเย็น “พวกเราแจ้งตำรวจไปแล้ว”
“คุณแม่……”
ในตอนที่หญิงสาวดึงมือออก เด็กหญิงที่นอนบนเตียงผู้ป่วยเรียกเธออย่างน่าสงสาร
หัวคิ้วของจี้หนานเฟิงเหมือนจะล็อคกันไว้อย่างแน่น
ฉินโม่หานเดินเข้ามา แล้วโอบไหล่ซูซือเยว่ไว้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “พวกที่ทำเด็กหาย เป็นพวกสมองไม่ดีจริงด้วย”
คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้จี้หนานเฟิงขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
ไม่ว่าเขาจะอยู่ตระกูลจี้ที่ร่ำรวยแห่งยุโรปหรือว่าในวงการบันเทิง เขาเป็นพวกที่มีเกรียติดูสูงส่งมาตลอด ไม่เคยมีใครกล้าว่าเขาขนาดนี้มาก่อน!
เขาลุกขึ้นยืน หันกลับไปมองฉินโม่หาน “ฉันก็แค่งานยุ่งมาก”
งานเทศกาลหนังคืนนี้ที่สวนน้ำ ตอนที่เขาไปเข้าร่วมงานนั้น เขาสั่งให้ผู้จัดการดูแลซิงกวงไว้แล้วแท้ๆ แต่ตอนที่เขาเพิ่งจะขึ้นเวที ผู้จัดการก็หาซิงกวงไม่เจอเสียแล้ว
แท้จริงจี้หนานเฟิงก็รู้สึกแปลก เพราะซิงกวงเป็นเด็กดีเชื่อฟังมาตลอด ทำไมจู่ๆถึงได้หนีออกไป?
“งั้นหรอ”
ดวงตาที่ล้ำลึกของฉินโม่หานมองไปยังจี้หนานเฟิงนิ่งๆ “งานฉันก็ยุ่งเหมือนกัน”
“แต่ว่าลูกชายสองคนของฉัน ไม่เคยหลงทางหายไป”
น้ำเสียงที่ภาคภูมิใจของเขา ทำให้ซูซือเยว่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
เจ้าเด็กแปลกประหลาดสองคนที่บ้านนั้น ถึงเธอจะเดินหลงทางหายไป พวกเขาก็ไม่มีทางเดินหายไปหรอก?
ถ้าจะเทียบซิงหยุนและซิงเฉินกับเด็กผู้หญิงคนนี้ จะเป็นการเอาเปรียบกันหรือเปล่า?
จี้หนานเฟิงเลิกคิ้วขึ้น แล้วเงียบไปสักพัก ถึงตอบกลับด้วยเสียงเย็นชา “ใครจะไปรู้ว่านายพูดจริงหรือเปล่า”
“รอตำรวจมาเถอะ”
ฉินโม่หานมองเขานิ่งๆ “ถ้าพวกฉันไม่ได้ลักพาตัวเด็ก งั้นแกก็หมิ่นประมาทพวกฉัน”
“ตามใจ”
จี้หนานเฟิงกอดซิงกวงเอาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในฐานะที่เป็นพ่อ ฉันยอมทำทุกอย่างที่จะปกป้องลูกฉันได้”
คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ซูซือเยว่ชะงักเบาๆ
จี้หนานเฟิงคือพ่อของจี้ซิงกวง?
เพราะฉะนั้น เด็กคนนี้ที่ชื่อซิงกวง ก็คือลูกสาวของจี้หนานเฟิง ที่ขึ้นฮอตเสิร์ชเมื่อไม่กี่วันก่อน?
งั้นแม่ของเด็กคนนี้คือใครกัน?
ไฟเม้าท์มอยในใจของซูซือเยว่กำลังลุกไหม้
พอเห็นว่าสายตาที่ซูซือเยว่มองเขาไม่ปกติ จี้หนานเฟิงขมวดคิ้ว นึกได้ว่าเมื่อกี้ที่เขาเข้าห้องมา ผู้หญิงคนนี้รู้จักตัวตนของเขา……
เขาถอนหายใจ “ซิงกวงคือลูกสาวบุญธรรมที่ฉันเก็บมาเลี้ยง”
ชายหนุ่มลูบหลังซิงกวงอย่างรู้สึกเจ็บปวด “หมอบอกว่าแกตัวเล็กเกินไป เหมือนจะเป็นคนที่เล็กที่สุดในแฝดหลายคน แกเลยโดนทอดทิ้ง”
“ร่างกายของแกไม่ค่อยดี หลายปีมานี้ฉันพยายามปกป้องแกอย่างที่สุด ไม่อยากให้แกได้รับบาดเจ็บใดๆ”
พูดจบ เขามองตาของซูซือเยว่ “ที่ฉันบอกเรื่องนี้กับเธอ ก็เพราะฉันรู้ว่า เธอรู้จักฉัน”
“แต่ฉันไม่อยากให้เธอเอาเรื่องซิงกวงไปบอกพวกสื่อ”
“แน่นอนว่า ถึงเธอจะเปิดเผยเรื่องนี้ ฉันก็ไม่กลัว”