“ทำไมเธอหงอยเหงาซึมเซา”
บนเก้าอี้ของสวนน้ำ ฟู๋เชียนเชียนที่หงอยเหงาซึมเซามองซูสือเยว่ที่ก็หงอยเหงาซึมเซาเหมือนกัน
ซูสือเยว่ถอนหายใจเบาๆ “คิดถึงซิงหยุนกับซิงเฉิน”
แน่นอว่าเธอบอกไม่ได้ว่าเหตุผลที่แท้จริงที่เธอไม่สดใสร่าเริงนั้น เพราะว่าถูกฉินโม่หานทรมานทั้งคืน!
พอพูดจบ เธอก็เงยหน้าขึ้นมองฟู๋เชียนเชียน “เธอล่ะ? ”
“เฮ้อ”
ฟู๋เชียนเชียนถอนหายใจ แล้วก็มองไปด้านหน้าอย่างแน่วแน่ “ที่ฉันออกมาครั้งนี้ ก็เพราะว่าอยากจะเจอไอดอลของฉันจี้หนานเฟิงที่งาน Electronic Musix festival เมื่อคืน”
“ผลก็คือ……เมื่อวานเขาไม่ได้ขึ้นเวที อยู่แค่หลังเวทีแล้วก็กลับ”
แค่นี้เหรอ?
ซูสือเยว่เบะปาก “ถ้าเกิดว่าฉันจำไม่ผิดล่ะก็ จี้หนานเฟิงอยู่ข้างบ้านพวกเราไม่ใช่เหรอ? ”
“อยากเจอเขาก็ง่ายๆ ไม่ใช่เหรอ? ”
“นั่นมันไม่เหมือนกัน”
ฟู๋เชียนเชียนถอนหายใจ “ฉันไม่อยากไปรบกวนชีวิตส่วนตัวของเขา”
เธอมองซูสือเยว่เงียบๆ “ยังไงบอกเธอไปเธอก็ไม่เข้าใจหรอก”
พอพูดจบ เธอก็เปลี่ยนเป็นท่านั่งสบายๆ และเอนตัวพิงเก้าอี้ “แต่ว่าสือเยว่ เมื่อก่อนฉันรู้สึกว่าเธอกับจี้หนานเฟิงเหมาะสมกันมากเลยนะ แล้วก็คิดว่าเฉิงเซวียนทำให้เธอเสียเรื่องเสียราว……”
“น่าเสียดาย……”
ซูสือเยว่ยักไหล่ “ฉันมีความรู้สึกต่อไอดอลเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอกนะ”
ครั้งแรกที่เจอกัน เธอเคาะห้องผิด แต่กลับต้องเจอกับท่าทางใบหน้าที่เย็นชาของเขา
ครั้งที่สองที่เจอกัน เขาไม่แยกถูกแยกผิด ตัดสินไปว่าเธอเป็นคนร้ายที่ลักพาตัวเด็ก
“นั่นก็เพราะว่าเธอไม่รู้จักเขาดี”
ฟู๋เชียนเชียนทำปากมุ่ย “ที่จริงแล้วเขาดีมากเลยนะ”
“เขาเป็นทายาทของตระกูลใหญ่ แต่ว่าไม่ไปทำธุรกิจตามสิ่งที่ครอบครัววางแผนไว้ให้ แต่กลับทำในสิ่งที่เขาชอบแทน”
“แล้วก็ได้ยินมาว่าครอบครัวของเขาได้ทำสัญญาการแต่งงานไว้ให้เขาด้วย แต่ไม่รู้เกี่ยวกับผู้หญิงที่ถูกกำหนดไว้ให้แต่งงานกับเขาเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเรื่องจริงรึเปล่า……”
ซูสือเยว่ฟังแล้วรู้สึกสับสน
แต่ว่ายังไงเธอก็ไม่ได้สนใจจี้หนานเฟิงเท่าไหร่อยู่แล้ว
ผู้หญิงถอนหายใจยาว ลุกขึ้นยืนแล้วก็ดึงฟู๋เชียนเชียน “พวกเราไปเล่นกันต่อเถอะ พรุ่งนี้กลับไปเมืองหรงจะเล่นไม่ได้แล้วนะ”
ฟู๋เชียนเชียนพยักหน้า เงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นรอยจูบที่หลังคอของซูสือเยว่
ผู้คนนั้นหัวเราะออกมา แล้วก็เอาศอกกระแทกเธอเบาๆ “ท่านชายฉินนี่ทรงพลังเป็นพิเศษเลยใช่ไหม? ”
ซูสือเยว่หน้าแดงขึ้นมาทันที
เธอหันหน้าไปทางอื่น แล้วก้าวยาวไปด้านหน้า “ไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่”
ฟู๋เชียนเชียนไล่ตามไปอย่างอารมณ์ดี “ท่านชายฉินรักษาโรคกลัวผู้ชายของเธอจนหายขาดเลยใช่ไหม? ”
“ฉันนึกว่าโรคกลัวผู้ชายของเธอนี้จะทำให้เธอไม่มีชีวิตเซ็กส์ทั้งชีวิตแล้วซะอีก”
ซูสือเยว่กลอกตาใส่เธอ ไม่อยากจะคุยอะไรด้วย
ฟู๋เชียนเชียนขยิบตาให้เธอ “ดูเหมือนว่าคืนนี้ฉันต้องอยู่คนเดียวอีกแล้ว!”
ซูสือเยว่:“……”
…………
ฟู๋เชียนเชียนเดาไม่ผิดเลย
ตอนกลางคืน ตอนที่เธอกำลังกินข้าวอยู่กับซูสือเยว่อยู่นั้น ก็ได้รับข้อความหนึ่ง
ข้อความนั้นมาจากไป๋ลั่ว ผู้ช่วยของฉินโม่หาน
“คุณฟู๋ คุณผู้ชายของพวกเรากลัวว่าคืนนี้คุณนอนคนเดียวแล้วจะรู้สึกกลัว ดังนั้นจึงได้เตรียมของขวัญให้คุณเป็นพิเศษ”
ด้านหลังข้อความนั้น เป็นซองแดงขนาดใหญ่สองซอง
มองดูข้อความในโทรศัพท์ แล้วก็มองไปที่ซูสือเยว่ที่กำลังกินข้าวอยู่ ฟู๋เชียนเชียนก็ถอนหายใจเบาๆ
สือเยว่ อย่าโทษฉันนะ
มิตรภาพนั้นมีค่า แต่เงินนั้นมีค่รามากกว่า
ดังนั้นเธอก็เลยส่งสติกเกอร์ OK ให้ไป๋ลั่ว แล้วก็รีบซองแดงนั้นมา
ซูสือเยว่ที่กำลังกินปลาต้มอยู่นั้นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
หลังจากมื้อเย็น เดิมทีซูสือเยว่ก็ยังอยากจะไปเดินเล่นกับฟู๋เชียนเชียนต่ออีกหน่อย แต่ว่าฟู๋เชียนเชียนกลับเอะอะว่าง่วงแล้ว
ไม่มีทางเลือก เธอทำได้แค่กลับโรงแรมกับฟู๋เชียนเชียน
แต่ว่าสิ่งที่ซูสือเยว่นึกไม่ถึงก็คือ หลังจากที่ฟู๋เชียนเชียนเปิดประตูห้อง แล้วเธอกำลังจะตามเข้าไปนั้น ยัยคนนี้กลับพุ่งตัวเข้าไป แล้วก็ปิดประตูใส่หน้าเธอดัง “ปัง”!
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วอย่างรุนแรงให้ประตู
“เชียนเชียน”
เธอเคาะประตู “ฉันยังไม่ได้เข้าไปเลยนะ!”
“เธอเข้าไปไม่ได้หรอก”
เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น
ซูสือเยว่รีบเงยหน้าขึ้นมา แล้วก็สบตากับดวงตาที่ลึกซึ้งไม่มีที่สิ้นสุดของฉินโม่หาน
ตอนนี้ เขาเอามือกอดอก พิงประตูด้วยท่าทางที่สง่างามและเฉยเมยพร้อมกับมองเธอ
แสงในดวงตาของเขา เหมือนกับเมื่อคืนตอนที่เขาอุ้มเธอขึ้นไม่ผิดเลย
ซูสือเยว่รู้สึกกลัวเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้กลืนน้ำลาย แล้วก็ยกมือขึ้นเคาะประตูอีกครั้ง “ฟู๋เชียนเชียน!เปิดประตูนะ!”
“สือเยว่”
ด้านในมีเสียงเศร้าหมองของฟู๋เชียนเชียนดังขึ้น “สือเยว่ เธอยอมทำตามท่านชายฉินไปเถอะ”
ซูสือเยว่:“……”
“คุณนายฉิน”
ผู้ชายคนนั้นค่อยๆ เดินเข้ามา ขยับเข้ามาใกล้ซูสือเยว่เรื่อยๆ “รีบกลับไปขนาดนี้ ไม่อยากอยู่กับฉันแล้วเหรอ? ”
แน่นอนว่าเธอไม่อยาก!
เมื่อคืนเขาบอกว่าเขายังไม่ได้ทำจนถึงที่สุด แต่ว่าเธอก็แทบจะพิการไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ถ้ามีอีกครั้งหนึ่ง เธอกลัวว่าเธอจะลงจากเตียงไม่ได้แล้ว!
การจะสร้างลูกสาวไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าให้เธอพักผ่อนหน่อยไม่ได้เหรอ?!
แต่ถึงแม้ในใจจะคิดเช่นนั้น เธอก็ไม่กล้าเผชิญหน้าเขา
“ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น……”
“แล้วหมายความว่ายังไง? ”
เขาผลักเธอชิดกับผนังทางเดิน ริมฝีปากบางของเขาดูเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “เบื่อเหรอ? ”
“แต่ฉันก็จำได้ว่าเธอแฮปปี้นะ”
ซูสือเยว่:“……”
ใบหน้าของหญิงสาวถูกเผาจนกลายเป็นถ่านไฟ
เธอก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตากับเขา “ฉินโม่หาน นี่มันทางเดินนะ”
ผู้ชายคนนั้นยกริมฝีปากขึ้น “เตือนได้ตรงเวลามาก”
หลังจากพูดจบ เขาก็ยื่นแขนที่เรียวยาวออกไป แล้วอุ้มเธอขึ้นมา
อยู่ดีๆ ร่างกายกายก็ตกอยู่ในภาวะไร้น้ำหนัก ซูสือเยว่ร้องกรี๊ดออกมา เธอตกอยู่ในอ้อมแขนที่อบอุ่นของเขา
“เบาหน่อยได้ไหม……”
เมื่อถูกผู้ชายคนนี้โยนลงบนเตียง เธอก็พูดทั้งน้ำตาคลอเบ้า
ฉินโม่หานถอดเนกไทออกอย่างสง่างาม “ดูท่าทางของเธอสิ”
……
อะไรที่เรียกว่าตายทั้งเป็น?
การถูกฉินโม่หานทรมานทั้งสองคืนติดต่อกันนั่นแหละ เรียกว่าการตายทั้งเป็น
วันที่สอง ซูสือเยว่อยู่บนรถที่กลับเมืองหรง เธอเอนหลังพิงเบาะรถเหมือนปลาเค็ม กระดูกเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
และฉินโม่หานที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอก็กำลังมองโทรศัพท์อย่างกระปรี้กระเปร่า
ซูสือเยว่หลับตาลงกำลังจะหลับไปนั้น โทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น
เธอขมวดคิ้ว แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
มาจากครูฉินจากสถานีโทรทัศน์เหลยถิง
“พรุ่งนี้เวลา 8.00 น. จะมีการออดิชั่นที่ชั้น 3ของ Thunder Film and Television “
ข่าวนี้ ทำให้ซูสือเยว่มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที”
พรุ่งนี้แปดโมงก็จะได้ออดิชั่นแล้ว!
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็เตรียมจะแบ่งปันข่าวนี้ให้ฟู๋เชียนเชียนอย่างตื่นเต้น
ตอนนี้เอง โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ได้ยินว่าเธอจะไปออดิชั่นเรื่อง《ความทรงจำที่ขาดหาย》ของผู้กำกับเฉิน งั้นเหรอ? ”
เป็นข้อความที่เฉิงเซวียนส่งมาให้
“ใช่ ทำไมเหรอ? ”
ผู้หญิงคนนี้ยิ้มแล้วตอบกลับข้อความของเฉิงเซวียน
ตอนแรกซูสือเยว่ได้บล็อกเบอร์ของเฉิงเซวียนกับเซี่ยงหวั่นฉิงไปแล้ว แต่เพราะว่าจะต้องเล่นละครกับเฉิงเซวียน เธอก็เลยจำเป็นต้องแอดเพื่อนเฉิงเซวียนกลับมา
ไม่คิดว่าครูฉินพึ่งจะบอกข่าว เฉิงเซวียนก็มาหาเธอแล้ว ข่าวนี้ไปไวเหมือนกันนะ
“หวั่นฉิงเองก็อยากได้บทนี้เหมือนกัน”
เฉิงเซวียนนั้นไม่เกรงใจซูสือเยว่เลยแม้แต่นิดเดียว “พรุ่งนี้ตอนที่พวกเธอไปออดิชั่นพร้อมกัน ก็สอนหวั่นฉิงหน่อยเถอะ ให้เธอได้บทนี้มาอย่างราบรื่น”
“บทบาทนี้มันสำคัญสำหรับหวั่นฉิงมาก”