ซูสือเยวตอบกลับอย่างเย็นชา “บทบาทนี้ก็สำคัญสำหรับฉันเหมือนกัน”
เฉิงเซวียนตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ก่อนหน้านี้เธอทำร้ายหวั่นฉิงจนไม่สามารถแสดงต่อได้ เธอติดหนี้หวั่นฉิงอยู่นะ”
“หลังจากเธอช่วยหวั่นฉิงในครั้งนี้แล้ว ก็ถือว่าพวกเราหายกัน”
ซูสือเยว่อ่านข้อความที่เฉิงเซวียนส่งมาให้ แล้วก็หัวเราะออกมา
สรุปแล้วเขาไปเอาความกล้าหรือความมั่นใจมาจากไหน ถึงคือว่าเธอติดหนี้เซี่ยงหวั่นฉิง?
แล้วไม่ใช่เพราะว่าเซี่ยงหวั่นฉิงใส่ร้ายเธอก่อนแล้วไปอ่อยเฉิงเซวียนก่อนเหรอ ถึงทำให้มีเรื่องเข้ามาพัวพันเยอะขนาดนั้น แล้วสุดท้ายเซี่ยงหวั่นฉิงก็เลยถูกขึ้นบัญชีดำ?
ทำไมพอเฉิงเซวียนพูดออกมา ถึงได้กลายเป็นความผิดของเธอไปได้?
ซูสือเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ ตอนแรกเธอคิดว่าจะวางโทรศัพท์ลง แต่ก็รู้สึกโกรธมาก ก็เลยส่งสติกเกอร์รูปองุ่นสีเขียวไปให้เฉิงเซวียน
“หมายความว่ายังไง? เธอตกลงแล้วเหรอ? ”
เฉิงเซวียนปลื้มปริ่ม “สือเยว่ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอ……”
ผู้หญิงคนนี้กลอกตา แล้วก็วางโทรศัพท์ลง
ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?
ปัญญาอ่อน!
องุ่นนี้มันสีเขียวนะ!
ฉินโม่หานที่อยู่ด้านข้างเห็นท่าทางโกรธเกรี้ยวของเธอ ก็ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา แล้วก็ใช้เบอร์โทรศัพท์ของครูฉินส่งข้อความไปหาเธอ “สู้ๆ ”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
หลังจากซูสือเยว่ตอบกลับเสร็จแล้วนั้น ก็พิงหน้าต่างรถแล้วก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าความสามารถของเธอนั้นดีกว่าเซี่ยงหวั่นฉิงมาก แต่……คนที่จะไปออดิชั่นในวันพรุ่งนี้ คงจะไม่ได้มีแค่เธอกับเซี่ยงหวั่นฉิงเพียงแค่สองคนหรอก
ถ้าเกิดว่า มีคนที่เหมาะสมกว่าปรากฏตัวขึ้นจะทำยังไงดีล่ะ?
เธอเองก็คือสแตนด์อินที่ไม่ได้แสดงอย่างเป็นทางการมาหลายปีแล้วเหมือนกัน ไม่สามารถรับประกันได้ว่าตัวเองจะแสดงความสามารถของตัวเองได้อย่างมั่นคงตลอด
ผ่านไปไม่ราน รถก็กลับมาถึงเมืองหรง
“หม่ามี๊!”
พอกลับมาที่บ้าน ซูสือเยว่เปิดประตูเข้าไป ซิงเฉินก็อ้าแขนแล้วก็รีบวิ่งเข้ามา “ผมคิดถึงหม่ามี๊มากเลย!”
ซูสือเยว่ย่อตัวลงไปกอดซิงเฉินไว้ในอ้อมแขน “หม่ามี๊ก็คิดถึงหนูเหมือนกัน”
สี่วันที่ไม่ได้เจอกัน เธอคิดถึงเจ้าตัวร้ายสองคนนี้จริงๆ
แปลกมาก ทั้งๆ ที่เธอกับพวกเขาได้กลายมาเป็นแม่ลูกกันแค่เดือนเดียวเท่านั้น แต่ว่าเธอกลับรู้สึกเหมือนได้เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดพวกเขาจริงๆ ไม่สามารถตัดใจได้จริงๆ
“เล่นสนุกไหม? ”
ซิงเฉินยิ้มจนตาหยีแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองซูสือเยว่ “มีของขวัญให้ผมกับพี่ชายไหมครับ? ”
“มีสิ”
ซูสือเยว่เอากระเป๋าเป้มา ตอนที่กำลังจะหยิบของขวัญออกมานั้น มือใหญ่มือหนึ่งก็แย่งกระเป๋าเป้ของเธอไป
ฉินโม่หานขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็เอากระเป๋าใบนั้นให้ซิงเฉิน “เอาไปหาเอง”
“หม่ามี๊ของพวกลูกต้องไปฝึกซ้อมแล้ว”
ซิงเฉินกะพริบตา “หม่ามี๊จะไปสอบเหรอครับ? ”
“อืม”
บนโซฟาที่ไม่ไกลจากนั้นนัก ซิงหยุนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ก็เงยหน้าขึ้นมายิ่งๆ “พี่หนานเซิงบอกว่า พรุ่งนี้หม่ามี๊จะไปออดิชั่น”
“ถ้ายังงั้นหม่ามี๊รีบไปฝึกซ้อมเถอะครับ!”
ซิงเฉินรับกระเป๋าจากซูสือเยว่มาก แล้วเขาสั้นๆ ก็วิ่งเข้าไปหาซิงหยุน แล้วก็เปิดกระเป๋าเป้ของเธอเพื่อหาของขวัญ
ซูสือเยว่เม้มปาก เธอ……ไม่ได้มีอะไรให้ฝึกซ้อมนิ
การออดิชั่นวันพรุ่งนี้จะเป็นการเทสในสถานที่จริงเลย เธอไม่สามารถเตรียมตัวอะไรได้
“มีอะไรให้เตรียมตั้งเยอะแยะ”
ซิงหยุนยังคงนั่งพิงโซฟาอย่างสง่างาม ท่าทางที่จริงจังและเฉื่อยชาของเขานั้นฉินโม่หานเวอร์ชั่นเล็กจริงๆ “ผมหาหนังสือไว้ให้ แล้ววางไว้ในห้องนอนของหม่ามี๊เรียบร้อยแล้ว”
พอพูดจบ เด็กน้อยก็เหลือบมองเธอนิ่งๆ “สู้ๆ ครับ”
ท่าทางนั้น มันเหมือนกับครูประจำชั้นตอนมัธยมปลายกำลังให้กำลังใจนักเรียนที่อ่อนแอ!
ซูสือเยว่รู้สึกเจ็บเบาๆ
เธอยังไม่ทันจะได้อธิบายเหตุผลกับซิงหยุน ก็ถูกฉินโม่หานอุ้มขึ้นมา
ผู้ชายคนนั้นอุ้มเธอ และก้าวยาวขึ้นไปชั้นบน
ซูสือเยว่ถูกขังไว้ในห้องนอน
ซิงหยุนพูดถูกต้อง เขาหาหนังสือที่พัฒนาทักษะการแสดงมาให้เธอจริงๆ
นั่งอยู่บนเตียง เธอมองหนังสือกองใหญ่ที่สูงกว่าตัวเธอเอง แล้วก็ถอนหายใจยาวออกมา
เธอนอนหงายอยู่บนเตียงและจ้องมองเพดานอย่างปวดหัว
สุดท้าย เธอก็ตัดสินใจว่าจะไม่อ่านสักเล่มเดียว ต้องเชื่อในศักยภาพของตัวเอง
…………
“รถบังคับนี้ของผม!”
ในห้องนั่งเล่นชั้นล่างนั้น ซิงเฉินกอดรถบังคับราคาถูกนั้นอย่างตื่นเต้น “นี่คือรถบังคับที่ดีที่สุดที่ผมเคยเล่น!”
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้สวยหรูและคล่องตัวเหมือนรถบังคับที่คุณปู่ซื้อให้ แต่ว่านี่คือน้ำใจของหม่ามี๊!
ซิงหยุนมองดูท่าทางที่เป็นเด็กของเขา แล้วก็วางหนังสือลง หลังจากนั้นก็เดินเข้ามาและเปิดกระเป๋า
สุดท้าย เขาพบสมุดภาพเล่มเล็กกับสีน้ำกล่องใหญ่ แล้วก็ที่คั่นหนังสือสำหรับเด็กกล่องหนึ่ง
น่าจะเป็นของขวัญที่มอบให้เขา
มันเด็กมาก แต่……ก็ใส่ใจมาก
เด็กน้อยเก็บสีน้ำและที่คั่นหนังสืออย่างระมัดระวัง
ขณะที่เขากำลังจะรูดซิปกระเป๋าเป้นั้น เขาก็พบว่าในกระเป๋าเป้ของซูสือเยว่นั้น ยังมีการ์ดสีชมพูใบเล็กๆอยู่
ซิงหยุนขมวดคิ้ว แล้วก็หยิบการ์ดใบนั้นขึ้นมา
บนการ์ด มีตัวหนังสือเขียนอยู่บนนั้นว่า:
“คุณป้าคนสวย หนูหวังว่าสักวันหนึ่งป้าจะกลายมาเป็นหม่ามี๊ของหนู! จำชื่อของหนูไว้นะ ผมชื่อซิงกวง ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วพวกเราจะได้เจอกัน!”
ตรงชื่อผู้เขียนนั้น เป็นรูปการ์ตูนหน้ายิ้มสวยงาม ติดโบว์ริบบิ้นสีชมพูอ่อนๆ ที่ด้านหลังการ์ด
“พี่ อ่านอะไรอยู่เหรอ? ”
พอเห็นว่าซิงหยุนเหม่อลอย ซิงเฉินก็รีบพุ่งเข้ามา
“ว้าว!”
พออ่านเนื้อหาในการ์ดเสร็จ ดวงตาของซิงเฉินก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ “นี่มันหมายความว่ายังไง? ”
“พวกเรามีคู่แข่งแล้วเหรอ?!”
ซิงหยุนกลอกตา “แด๊ดดี้มีคู่แข่งแล้ว”
ซิงเฉินทำหน้ามุ่ย ไม่เข้าใจ
“ดูสิ”
ซิงหยุนถอนหายใจนิ่งๆ แล้วก็อธิบายให้น้องชายฟังอย่างละเอียด “คนที่เขียนการ์ดนี้ให้หม่ามี๊น่าจะเป็นเด็กผู้หญิง”
“ในเมื่อเธออยากจะให้หม่ามี๊เป็นหม่ามี๊ของเธอ แสดงให้เห็นว่าเธอไม่มีหม่ามี๊ของตัวเอง”
“ถ้ายังงั้นเธอน่าจะมีแด๊ดดี้”
ซิงเฉินนึกขึ้นได้ในทันที “ก็หมายความว่า เธอจะให้แด๊ดดี้ของเธอมาตามจีบหม่ามี๊ของพวกเรางั้นเหรอ? ”
“ดังนั้นก็เลยกลายเป็นคู่แข่งของแด๊ดดี้พวกเรา? ”
“อืม”
ซิงหยุนพยักหน้าอย่างสุขุม “ดูเหมือนว่า พวกเราต้องเร่งดำเนินการแล้ว”
“เร่งดำเนินการอะไรเหรอ? ”
ซิงเฉินสับสน
เขามองหน้าซิงเฉินอย่างตั้งความหวังว่าเขาจะฉลาดขึ้น “ความก้าวหน้าของการมีน้องสาวไง”
ซิงเฉินตีหน้าผากตัวเอง “ใช่ๆ ขอแค่แด๊ดดี้กับหม่ามี๊มีน้องสาว หม่ามี๊ก็จะไม่ถูกเด็กคนอื่นแย่งไป!”
พอพูดว่าจะทำก็ทำเลย ซิงเฉินหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา แล้วก็โทรหาไป๋ยู่หนาน “ลุงไป๋! ลุงไป๋ที่มีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด! บอกผมหน่อย ว่าต้องทำยังไงถึงจะให้แด๊ดดี้กับหม่ามี๊มีน้องสาวให้พวกเราเร็ว!ๆ ”
ไป๋ยู่หนานที่อยู่ปลายสายนั้นแทบจะสำลัก เจ้าตัวร้ายของบ้านฉินโม่หานนั้นไม่เคยติดต่อเขามาเป็นหมื่นปีแล้ว พอติดต่อมาก็เพราะว่าเรื่องนี้ยังงั้นเหรอ?
เขาตอบอย่างระมัดระวัง “เรื่องนี้……ต้องให้แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ของหนูต้องใจกันถึงจะ……”
“ไม่ทันแล้ว แด๊ดดี้ของผมมีคู่แข่งแล้ว! พวกเราต้องเร่งความเร็ว”
ไป๋ยู่หนานขมวดคิ้ว “ขู่แข่งเหรอ? ”
ทำไมเขาถึงไม่รู้ว่าฉินโม่หานมีคู่แข่ง?
“ใครกัน? ”
“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่ชายคาดคะเนสถานการณ์ให้ผม บอกว่าแด๊ดดี้อาจจะมีคู่แข่ง”
“คุณฉินโม่หานนั้นจีบผู้หญิงไม่เป็นขนาดนั้น พอมีคู่แข่ง หม่ามี๊ต้องถูกคนอื่นแย่งไปอย่างแน่นอน!”
“งั้นเหรอ? ”
ซิงเฉินพึ่งจะพูดจบ ก็มีเสียงที่ทุ้มต่ำของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากชั้นบน
ร่างเล็กๆ ของซิงเฉินก็แข็งทื่อไปในทันที!
เขารีบตัดสาย แล้วก็เงยหน้ามองฉินโม่หานพร้อมกับยิ้มอย่างซื่อบื้อ “แด๊ดดี้ ลงมาทำไมครับเนี่ย”
ฉินโม่หานเลิกคิ้ว แล้วก็เดินลงบันไดมาอย่างสง่างาม “ถ้าเกิดว่าพ่อไม่ลงมา ก็จะไม่ได้ยินว่ามีคนนินทาพ่อลับหลังสิ? ”