ซิงเฉินกลอกตา จ้องตากับแด๊ดดี้อย่างมั่นใจ “ผมไม่ได้นินทาแด๊ดดี้!”
“มันคือเรื่องจริง!”
ซิงหยุนพยักหน้าอยู่ข้างๆ “เรื่องจริง”
ฉินโม่หาน:“……”
นี่เด็กเหลือขอทั้งสองคนนี้ดูถูกทักษะการจีบสาวของพ่อแท้ๆ ตัวเองแบบนี้เลยเหรอ?
ผู้ชายคนนั้นเดินเข้าไปอย่างภาคภูมิ แล้วก็นั่งพิงโซฟาอย่างสง่างาม เอนหลังพิงพนักพิงอย่างเกียจคร้าน “พ่อไม่ได้มีคู่แข่ง”
“ก่อนหน้านี้ไม่มี ต่อไปก็ไม่มีทางมีเหมือนกัน”
ซิงเฉินและซิงหยุนมองตากัน เด็กน่ารักทั้งสองคนเงียบลงอย่างรู้กัน
ตอนนี้เอง โทรศัพท์ของฉินโม่หานก็ดังขึ้น
ไป๋ยู่หนานเป็นคนโทรมา
“ได้ยินมาว่าแกมีคู่แข่งเหรอ? ”
“ฮ่าๆๆๆ สะใจจริงๆ สะใจจริงๆ!”
“ท่านชายฉิน ที่ไม่สามารถกล่อมผู้หญิงได้มากที่สุดมีคู่แข่งหลังจากพึ่งแต่งงานได้เดือนเดียว!”
“ฉันไปหาพวกเขาเพื่อพนันกันดีกว่า พนันว่าแกจะโดนทิ้งไหม ฮ่าๆๆๆ ——!”
ฉินโม่หาน:“……”
ผู้ชายคนนั้นบีบโทรศัพท์แน่นอย่างเงียบๆ จนเสียงหัวเราะเยาะจากปลายสายของไป๋ยู่หนานหยุดลง เขาถึงได้ยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา “ฉันจะพนันกับแกเอง”
“ถ้าเกิดว่าฉันไม่ได้หย่า ฉันจะรื้อคลินิกของแกให้หมด เป็นไง? ”
ไป๋ยู่หนาน:“……”
ผ่านไปนาน เขาก็พูดอย่างอ่อนแอ “โม่หาน ฉันก็แค่ล้อเล่นเอง แกก็ไม่ควรจะอารมณ์เสียหรอกใช่ไหม? ”
“ไม่กล้าเหรอ? ”
น้ำเสียงขอฉินโม่หานยังคงสงบนิ่ง “งั้นก็จำไว้นะ”
“ฉันกับซูสือเยว่ ไม่มีทางหย่ากัน”
“นอกจากว่าฉันจะตาย”
คำพูดของผู้ชายคนนั้น ทุ้มต่ำและแหบแห้ง มีความแน่วแน่และมั่นคงที่ทำให้คนอื่นยากจะต่อต้าน
ไป๋ยู่หนานเงียบ
ไม่ใช่แค่ไป๋ยู่หนาน แต่ว่าซิงเฉินและซิงหยุนที่นั่งอยู่บนโซฟายังมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ผ่านไปนาน ไป๋ยู่หนานก็หายใจเข้าลึกๆ “โม่หาน แก……หวั่นไหวกับเธอแล้วงั้นเหรอ? ”
“อืม”
เขายอมรับอย่างสง่า
“ฉันเข้าใจแล้ว”
ไป๋ยู่หนานยิ้มนิ่งๆ “ฉันดีใจกับแกด้วย”
หลังจากผ่านเรื่องเมื่อห้าปีก่อนนั้น เขาก็นึกว่าตลอดชีวิตของฉินโม่หานนี้จะไม่มีทางรักผู้หญิงคนไหนได้อีกแล้ว
นึกไม่ถึงว่า ผู้หญิงที่ชื่อว่าซูสือเยว่นี้ จะใช้เวลาเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น จะทำให้ฉินโม่หานตั้งใจเด็ดเดี่ยวขนาดนี้……
“ขอบคุณนะ”
ผู้ชายคนนี้วางสายด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
และหลังจากนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้น แล้วก็มองซิงหยุนกับซิงเฉิน “คู่แข่งอยู่ไหน”
ซิงเฉินส่งการ์ดสีชมพูใบนั้นให้ฉินโม่หานอย่างหวาดกลัว “คู่แข่งที่ผมกับพี่บอก……ก็คือพ่อของเด็กคนนี้……”
ฉินโม่หานหรี่ตาลง แล้วก็มองดูตัวหนังสือที่บิดเบี้ยวบนการ์ด
ถึงแม้ว่าลายมือจะดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่ว่าเขาก็มองออกว่า นี่คือลายมือของเด็กผู้หญิง
แล้วก็มีภาพของเด็กผู้หญิงที่ชื่อจี้ซิงกวงปรากฏขึ้นมา
เธอสวมกระโปรงตัวเล็กๆ ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงน้อย ทั้งน่ารักและบ้องแบ๊ว
ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะเธอ คืนนั้นเขาคงไม่หุนหันพลันแล่นลากซูสือเยว่ไปปั๊มลูกสาวหรอก……
ชายคนนั้นยกมุมปากขึ้น แล้วก็วางการ์ดใบนั้นไว้ในมือของตัวเอง “พวกเขาไม่เป็นภัยคุกคามต่อพ่อหรอก”
เธอพูดจบ เขาก็เดินขึ้นชั้นบนไป
ซิงเฉินมึนงง “แด๊ดดี้ การ์ดใบนั้น……”
ซิงหยุนรีบไปดังเขาไว้ แล้วก็ส่ายหน้าให้เขา
พอร่างของฉินโม่หานหายไปจากสายตาของพวกเขา ซิงหยุนก็ขมวดคิ้วเบาๆ “ดูจากปฏิกิริยาของแด๊ดดี้ เขาน่าจะรู้แล้วล่ะว่าคู่แข่งของเขาเป็นใคร”
“ถ้ายังงั้นพวกเรา……”
ซิงหยุนยักไหล่ แล้วก็ยิ้มให้น้องชาย “เตรียมตัวซื้อเตียงเด็กกับของขวัญให้น้องสาวได้เลย”
“ได้!”
ซิงเฉินกระโดดขึ้นมาจากโซฟา “ผมจะเลือกอันที่สวยที่สุดเลย!”
…………
เช้าตรู่วันถัดมา ซูสือเยว่ตื่นขึ้นมาแต่เช้า
ครูฉินบอกว่าเวลาออดิชั่นของสถานีโทรทัศน์เหลยถิงคือเก้าโมงเช้า
พอเธอตื่นแล้วก็เข้าไปในห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้เด็กน้อยทั้งสองคน
“ขอบคุณครับหม่ามี๊!”
ซิงเฉินกินอาหารเช้าจนหมดเกลี้ยงแล้วก็ยิ้ม
ซิงหยุนกินอย่างใจเย็นและสง่างาม
“หม่ามี๊!”
หลังจากที่ซิงเฉินกินเสร็จแล้ว ก็หยิบแท็บเล็ตออกมาแล้วก็เดินไปหาซูสือเยว่ “ดูสิครับ อันไหนน่ารักกว่า!”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว แล้วก็รับแท็บเล็ตไป
มันคือเตียงเด็กยังงั้นเหรอ?!
ซิงเฉินจะเปลี่ยนเตียงเหรอ?
เธอค่อยๆ สไลด์แท็บเล็ต คิดอยากจะให้คำแนะนำดีๆ แก่ซิงเฉิน
แต่ว่าพอดูไปสองอันแล้ว เธอรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง
……ทำไมเตียงเด็กที่ซิงเฉินให้เธอดูมีแต่สีชมพูล่ะ?
แถมยังมีริบบิ้นอีก?
ผู้หญิงคนนั้นเม้มปาก แล้วก็แอบมองซิงเฉินที่กำลังหาเตียงนอนอันที่สามอย่างจริงจัง
เด็กคนนี้……ที่จริงแล้วมีเจ้าหญิงน้อยซ่อนอยู่ในหัวใจเขายังงั้นเหรอ?
“อันนี้เป็นไงบ้าง? ”
ดวงตาสีหมึกของซิงเฉินเหมือนกับมีดวงดาวอยู่ในนั้น เขาจ้องซูสือเยว่อย่างจริงจัง “หม่ามี๊ ผมว่าอันนี้สวยมากเลยนะ!”
หลังจากที่ซูสือเยว่ดูทีละอันอย่างถี่ถ้วนแล้ว……
“ไม่ต้องดูอันสุดท้ายนี้หรอก”
ซูสือเยว่พูดอย่างนิ่มนวล “เตียงอันสุดท้ายนี้มันค่อนข้างเล็ก ลูกห้าขวบแล้ว แล้วจะยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ อันนี้ไม่เหมาะ……”
คำพูดของผู้หญิงคนนี้ ทำให้ซิงหยุนที่กำลังกินข้าวอยู่นั้นทนไม่ไหว แล้วก็หลุดหัวเราะออกมาดัง “พรึบ”
ซิงเฉินหน้าแดงทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็แย่งแท็บเล็ตนั้นกลับมา “หม่ามี๊ นี่หม่ามี๊คิดว่า ผมเลือกเตียงให้ตัวเองอยู่งั้นเหรอ? ”
ซูสือเยว่มองเขาอย่างสงสัย “ถ้ายังงั้น……เลือกให้ซิงหยุนเหรอ? ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของซิงหยุนก็หายไปในทันที
ซิงเฉินคับข้องใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมา “ผมกำลังเตรียมของขวัญให้น้องสาวผมต่างหาก!”
“เตียงติดริบบิ้นสีชมพูแบบนี้ผมจะชอบได้ยังไง!”
“ซิงเฉินคือผู้ชายทั้งแท่งนะ! ผู้ชายแมนๆ จะชอบสีดำและสีน้ำเงิน!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเด็กคนนี้โกรธตัวเอง ซูสือเยว่รีบพุ่งเข้าไป แล้วก็ตบหลังเขาเบาๆ เพื่อโอ๋ “หม่ามี๊ผิดไปแล้ว……”
“หม่ามี๊ก็แค่รู้สึกว่า เด็กผู้ชายก็สามารถชอบสีชมพูได้เหมือนกัน ก็เลยเข้าใจลูกผิดไป……”
รอให้เด็กน้อยหายคับข้องใจไปบ้างแล้ว เธอถึงได้ถอนหายใจยาวออกมา แล้วก็ถามเบาๆ “ทำไมจู่ๆ ถึงคิดจะซื้อของขวัญให้น้องสาวกันล่ะ? ”
ซิงเฉินเม้มปาก แล้วก็มองซิงหยุนโดยอัตโนมัติ “พี่ชายบอกว่า……”
ยังไม่ทันจะพูดจบ ซิงหยุนก็กวาดตามา ซิงเฉินก็รีบเปลี่ยนคำพูดทันที “แด๊ดดี้บอกว่า เขาจะใช้ความเร็วสูงสุด ทำให้หม่ามี๊มีน้องสาวให้พวกเราให้ได้”
“ดังนั้น……”
ซูสือเยว่:“……”
เธอนึกถึงเรื่องตอนที่อยู่ที่เมืองถงขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ความหวาดกลัวที่จะถูกฉินโม่หานควบคุมทั้งคืน
ผู้หญิงคนนี้ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“หม่ามี๊”
ซิงเฉินเงยหน้าขึ้นมา แล้วก็มองเธออย่างจริงจัง “แด๊ดดี้โกหกผมรึเปล่า? ”
ซูสือเยว่เม้มปาก จะตอบยังไงดี?
ตอนที่กำลังจนปัญญาอยู่นั้น เธอก็เหลือบมองดูเวลา
“ตายแล้ว หกโมงครึ่ง หม่ามี๊ต้องออดิชั่นตอนเก้าโมงครึ่ง มีเวลาเหลือแค่สามชั่วโมงเอง หม่ามี๊ต้องรีบไปแล้วล่ะ!”
พอพูดจบ ผู้หญิงคนนี้ก็หยิบเสื้อแจ็กเกตและกระเป๋าเป้ขึ้นมาแล้วรีบหนีออกจากคฤหาสน์ไป
ดังนั้น ยังไม่ทันจะแปดโมง เธอก็มาปรากฏตัวตรงหน้าประตูสถานีสถานีโทรทัศน์เหลยถิงแล้ว
สิ่งที่ทำให้ซูสือเยว่ประหลาดใจก็คือ เธอไม่ใช่คนแรกที่มาถึง
เธอพึ่งจะลงมาจากรถ ก็เห็นเซี่ยงหวั่นฉิงกับเฉิงเซวียนยืนอยู่ไกลๆ
“สือเยว่!”
เฉิงเซวียนเห็นเธอ แล้วก็รีบดึงเซี่ยงหวั่นฉิงให้เดินเข้าไป “เธอจะมาช่วยหวั่นฉิงจริงๆ ใช่ไหม!”