พอซูโม่พูดจบ คนรอบๆ ก็หัวเราะออกมา
ผู้หญิงข้างๆ หัวเราะแล้วก็เย้ยหยัน “ร้านอาหารหลันซีlowขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!”
“น่าจะให้รปภ.มาไล่เธอออกไป!”
“จึ๊ๆๆ สาวน้อย ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอจะมาทำธุรกิจนะ”
เสียงของผู้หญิงพวกนั้นไม่เบาเลย ก็เลยดึงดูดสาวตาของคนรอบข้างให้มองมา
ในช่วงเวลาเพียงสั้นๆ รอบกายของซูสือเยว่ก็เต็มไปด้วยคนที่มาดูความตื่นเต้น แล้วก็วิพากษ์วิจารณ์เธอ
ซูสือเยว่ก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญ
เธอเงยหน้าขึ้นมองพวกซูโม่ สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย “คำว่า ‘มาหาแขก’ของพวกเธอนั้นมันหมายความว่ายังไง? ”
“ก็คือผู้หญิงที่ขายตัว ยืนอยู่ริมถนนเพื่อให้ผู้ชายมาอุดหนุนตัวเองไง!”
ผู้หญิงคนหนึ่งที่มากับซูโม่ยิ้มแล้วก็อธิบาย “ทำไม เธอทำงานนี้ ไม่เคยได้ยินเหรอ? ”
“อ้อ หมายความว่าแบบนี้นี่เอง”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าอันบอบบางของหญิงสาวราวกับตุ๊กตากระเบื้อง “โม่โม่”
เธอมองซูโม่ด้วยสายตาสงสาร “พี่รู้ว่าเมื่อก่อนเธอเคยมีชีวิตอยู่ในสลัม ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเธอเคยเป็นอันธพาล แต่ว่าตอนนี้กลับกลายเป็นคุณหนูแห่งตระกูลซู คำพูดพวกนี้ ต่อไปอย่าพูดเลยนะ”
ซูโม่เลิกคิ้ว “ซูสือเยว่! เธอหมายความว่ายังไง!”
ซูสือเยว่มองเธออย่างไร้เดียงสา “โม่โม่ พี่รู้ว่าเธอไม่ชอบให้พี่สั่งสอน”
“แต่ว่าในสถานที่แบบนี้เธอก็ควรจะรู้ขอบเขตหน่อย”
“ถึงแม้ว่าเธอจะเรียนมัธยมต้นไม่จบ ตอนเรียนก็โดนเรียนแล้วไปกินเหล้าทุกวัน แต่ว่าตอนนี้ได้กลับไปอยู่ตระกูลซูแล้ว ต้องเปลี่ยนความเคยชินในการพูด คำพูดที่มันแย่เกินกว่าจะพูดด้านนอก ต่อไปก็อย่าพูดเลยนะ”
คำพูดของผู้หญิงคนนี้ ทำให้พวกผู้หญิงที่คอยประจบซูโม่อยู่นั้นอึ้งไป
การรับสมัครในซูซื่อกรุ๊ปนั้นเข้มงวดมาก พวกเธอทั้งหมดจบการศึกษาจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียง!
แต่ว่าซูโม่ คุณหนูแห่งตระกูลซูที่ถูกพวกเธอยกย่องนั้น กลับเป็นอันธพาลที่ไม่จบแม้แต่มัธยมต้นด้วยซ้ำ!
คนรอบข้างก็เริ่มพูดถึงเรื่องนี้
“ก็ว่าทำมถึงได้พูดจาแย่แบบนี้ ที่แท้การศึกษาต่ำขนาดนี้นี่เอง”
“แต่งตัวเหมือนคนธรรมดา แต่ว่าธาตุแท้ก็ไม่สามารถปกปิดได้ด้วยแบรนด์ดังหรอกนะ”
“ร้านอาหารหลันซีคือร้านอาหารตะวันตกที่ดีที่สุดในเมืองหรง คนที่จะสามารถใส่ร้ายคนอื่นว่ามารอแขกที่หน้าประตูร้านอาหารหลันซีนั้น ต้องไม่มีสมองแน่ๆ ”
ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาที่ร้านอาหารหลันซีจะค่อนข้างรวย พอซูสือเยว่พูดแบบนี้ พวกเขาก็เริ่มดูถูกเหยียดหยามซูโม่
ซูโม่กำหมัดแน่น “ซูสือเยว่!”
ผู้หญิงคนนี้กล้าเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องที่เธอไม่มีมารยาทที่ดีงามต่อหน้าคนมากมาย!
ท่าทางจะเบื่อชีวิตแล้วสินะ!
เธอจ้องเธออย่างร้ายกาจ “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ผู้หญิงต่ำๆ อย่างเธอต้องมาสอนฉัน!”
“ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็คือคุณผู้หญิงใหญ่แห่งตระกูลซูที่แท้จริง แต่ว่าเธอมันก็เป็นแค่คนชั้นต่ำที่ถูกตระกูลซูเอาไปเลี้ยงผิดเป็นเวลา18ปี เธอกล้าดียังไงมาชี้นิ้วใส่ฉัน!”
ซูสือเยว่ถอนหายใจ ก้มหน้าลง “พี่รู้ว่าภูมิหลังของพี่ไม่ดี และก็ไม่ได้มีคุณสมบัติอะไรที่จะไปสอนเธอ”
“ฉันก็แค่คิดว่า โม่โม่ ยังไงเธอก็คือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลซู ตอนที่ออกมาข้างนอกทำอะไรก็รู้จักขอบเขตหน่อย อย่าให้ตระกูลซูต้องขายหน้า”
“เมื่อก่อนตอนที่ฉันยังอยู่ตระกูลซูนั้น ต้องคงความรุ่งโรจน์ของตระกูลซูไว้ในใจตลอดเวลา ไม่เคยกล้าพูดจามั่วซั่วด้านนอกเลย ฉันไม่รู้แม้แต่ที่พวกเธอพูดว่า ‘รอแขก’ว่ามันแปลว่าอะไร”
ซูสือเยว่ก้มหน้าลง น้ำเสียงดูเศร้าโศกเป็นอย่างมาก “พ่อกับแม่เลี้ยงดูฉันมา ฉันทนไม่ไหวที่จะเห็นเธอทำให้ชื่อเสียงของพวกท่าน……”
คนรอบข้างเริ่มพูดคุยกันดังขึ้นเรื่อยๆ
“เมื่อก่อนฉันเคยรู้จักซูสือเยว่มาก่อน ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นลูกจากตระกูลยากจน แต่ว่าเมื่อก่อนตอนที่อยู่ที่ตระกูลซูนั้น แท้จริงแล้วเขาเป็นคนใจกว้างและสุภาพ และไม่เคยทำให้ตระกูลซูอับอาย “
“แต่แล้วก็อย่างที่เห็น คุณหญิงใหญ่ที่แท้จริงของตระกูลซูตอนนี้นั้น……คิๆๆๆ ”
“ใช่เลย คำว่า‘รอแขก’ยังพูดออกมาได้ ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนน่าจะสัมผัสกับเรื่องพวกนี้มาไม่น้อยเลย……”
ซูโม่โกรธจนหน้าแดงจนซีด ซีดจนแดง
ฝั่งตรงข้ามร้านอาหารมีรถ Maserati สีดำจอดอยู่ที่นั่น
ชายในชุดสูทสีดำพิงเบาะหลังของรถและมองดูเหตุการณ์ที่ทางเข้าร้านอาหาร
ทุกคนกำลังพูดถึงธาตุแท้ของซูโม่ แต่ไม่มีใครสังเกตเลยว่า ตอนที่ซูสือเยว่ก้มหน้าลงนั้น มีร่องรอยของความเจ้าเล่ห์ในดวงตาของเธอ
ฉินโม่หานเอามือที่เรียวยาววางที่หน้าต่างรถที่ลดต่ำ และรอยยิ้มที่ทะนุถนอมก็ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเขา
ไม่โง่นี่
ฝั่งซูโม่มีคนเยอะ แต่ฝั่งซูสือเยว่นั้นอยู่แค่คนเดียว
ถ้าเกิดว่าเริ่มแรกก็ตัวต่อตัวเลย ก็จะมีแต่เธอที่เสียเปรียบ
ดังนั้นเธอก็เลยใช้กลยุทธ์นี้
ตอนแรกที่พวกซูโม่พูดจารังเกียจพวกเธอนั้น เธอก็เสแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน รอให้สายตาของคนรอบข้างมองมา ถึงได้เริ่มโต้กลับ
ตอนนี้มีวงแสดงความคิดเห็นสาธารณะเล็กๆ เกิดขึ้นที่ทางเข้าร้านร้านอาหารหลันซี ภายใต้สายตาของคนหมู่มาก ซูโม่ก็ไม่กล้ารังแกเท่าไหร่แล้ว
ใช้เวลาแค่ไม่ถึงสิบนาที ในการทำให้ซูโม่ที่ภาคภูมิใจทั้งโกรธเคืองและหมดหนทาง
ดูเหมือนว่าเธอจะฉลาดกว่าที่เขาคิดไว้มาก
“ซูสือเยว่!”
ซูโม่จ้องหน้าซูสือเยว่อย่างโหดร้าย เธอแทบจะทนไม่ไหวที่จะบิดหัวของซูสือเยว่ออกมา เอาไว้ใต้เท้าแล้วก็เหยียบเป็นร้อยครั้งพันครั้ง!
แต่ว่าตอนนี้คนรอบข้างกำลังมองเธออยู่!
ท่ามกลางผู้คนที่มองดูผู้คน มีคนรู้จักครอบครัวของตระกูลซูด้วย!
ถ้าเธอเป็นโรคโรคฮิสทีเรีย ก็ตรงกับคำพูดของซูสือเยว่พอดี ว่าเธอเป็นอันธพาลที่ไร้การศึกษา!
“เธอรอดูเลยนะ!”
พอทิ้งประโยคนี้ไว้ ซูโม่ก็พาพวกที่ตามมานั้นเข้าไปในร้านอาหารทันที
“น้องสาว อย่าลืมคำพูดของพี่สาวนะ!”
เธอยิ้มและโบกมือไปทางที่ซูโม่จากไป รอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ
“ฮ่าๆๆๆๆ ——!”
รอให้ทุกคนแยกย้ายกันไป ซูสือเยว่ก็ยืนอยู่หน้าประตู ยิ่งคิดยิ่งมีความสุข แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เพราะว่าหลายปีที่ผ่านมาเธอนิสัยดี เลยทำให้ซูโม่เกิดภาพลวงตาว่าเธอเป็นคนรังแกได้ง่ายๆ ยังงั้นเหรอ?
แม้แต่ซูสือเยว่ยังนึกไม่ถึงว่า ซูโม่จะประเมินศัตรูต่ำไปแบบนี้
ผู้หญิงคนนี้สูดลมหายใจเข้าเรื่อยๆ หยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหาครูฉินอย่างอารมณ์ดี “ครูฉิน ฉันรอคุณอยู่ที่ทางเข้าร้านอาหารเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว คุณจะมาเมื่อไรเหรอคะ “
ครูฉินตอบช้อความไวมาก “ใกล้ถึงแล้ว”
พอได้รับคำตอบซูสือเยว่ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ยืนรอตรงนั้นต่อไป
“สือเยว่ ซูสือเยว่!”
ทันใดนั้น ด้านหลังก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
เธอขมวดคิ้ว แล้วก็หันหน้าไปทันที
พอหันหน้าไป ก็มีฝ่ามือหนึ่งกำลังจะตบลงมาที่ใบหน้าของเธออย่างแรง——
อยากจะหลบตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว สัญชาตญาณสั่งให้ซูสือเยว่หลับตาลง
แต่ว่าความเจ็บที่คาดการณ์ไว้นั้นมันไม่ได้เกิดขึ้น
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงที่ทุ้มต่ำและเฉยเมยของผู้ชายคนหนึ่ง “คุณซู คนอัปยศอดสูจะทนไม่ได้ถ้าถูกทำให้เสียหน้า นี่โมโหเพราะว่าอับอายเหรอครับ? ”
เสียงนี้……
ซูสือเยว่เงยหน้าขึ้นด้วยความช็อก แล้วก็ลืมตาทั้งสองข้าง
ตรงหน้าเธอนั้น ชายร่างสูงปกป้องอยู่ตรงหน้าเธอเหมือนกับต้นไม้ตระหง่าน มือหนาจับมือของซูโม่ ใบหน้าที่เยือกเย็นเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “การลอบโจมตี ก็สอดคล้องกับตัวตนที่ไร้การศึกษาของคุณดีนะครับ”