สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 74 คืนนี้มีฉากต่อสู้กันแน่นอน

ซูสือเยว่สะดุ้งตื่นจากฝันร้าย เหงื่อเย็น ๆ ไหลอาบไปทั่วหมอน

เธอเงยหน้ามองด้านนอกหน้าตาแวบหนึ่ง ตอนนี้เป็นเช้าของอีกวันแล้ว

ด้านนอกหน้าต่างมีแสงแดดจ้าและแสงก็ส่องเพียงพอเป็นอย่างมาก

หญิงสาวเช็ดเหงื่อเย็น ๆ แล้วถอนหายใจออกมายาว ๆ ก่อนจะกลับไปนอนที่เตียง

เธอไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงได้ฝันอย่างนี้

เห็นได้ชัดว่ารอบข้างของเธอไม่เคยมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้น

ทุกอย่างในความฝันเหมือนจริงมาก ดูเหมือนเธอจะเคยมีประสบการณ์อย่างนั้นจริง ๆ

อีกอย่าง ไฟที่รุนแรงขนาดนั้น หากว่าเป็นความจริง เธอก็คงจะถูกเผาตายไปแล้ว

เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วบอกกับตัวเองว่าหนังเรื่องเมื่อวานจะต้องทำให้เธอคิดฟุ้งซ่านไปแล้วแน่ ๆ ถึงได้ฝันแปลกประหลาดออกมาแบบนี้ได้

ซูสือเยว่หลับตาลง แต่ก็ยังไม่ทันจะได้สติดี โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นมาซะก่อน

คนที่โทรมาคือพ่อบังเกิดเกล้าของเธอเองเจี่ยนเฉิง

“ไม่มีเงินอีกแล้วเหรอ?”

ซูสือเยว่หลับตาลง น้ำเสียงมีความเบื่อหน่ายอยู่เล็กน้อย “พ่อคะ นี่พ่อจะดื่มเหล้าทุกวันต่อไปแบบนี้ไม่ได้นะคะ”

“ถึงแม้พ่อจะเคยเป็นหน่วยรบพิเศษ แต่ถึงอย่างไรก็อายุมากแล้ว ดื่มขนาดนี้น่ะ ไม่ช้าก็เร็วร่างกายก็ต้องทรุดโทรม”

“พ่อควรจะออกไปทำงาน…”

“สือเยว่”

เธอพูดยังไม่ทันจบ แต่เจี่ยนเฉิงก็เอ่ยตัดบทเธอขึ้นมา “ที่พ่อโทรศัพท์หาลูก ก็เพราะอยากจะบอกลาลูก”

บอกลา?

ฉับพลันนั้นซูสือเยว่ก็เบิกตาโตทันที แล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียง “พ่อจะไปไหน?”

“พ่อเคยบอกลูกแล้วไม่ใช่เหรอ เมื่อในอดีตหลังจากที่พ่อปลดประจำการจากหน่วยรบพิเศษ ก็เคยเป็นบอดี้การ์ดให้คนอื่นอยู่หลายปี”

“เดิมทีหลายวันมานี้นายจ้างได้เรียกพ่อ บอกให้พ่อกลับไปคุ้มครองเธอต่อ”

“ตอนนี้พ่อกำลังอยู่ที่สนามบิน เป็นเพราะเวลามันกระชั้นชิดมาก ก็เลยไม่ได้บอกลาต่อหน้าลูก”

มือที่กุมโทรศัพท์มือถือของซูสือเยว่สั่นเล็กน้อย “พ่อคะ ความจริงแล้วหนู…ที่หนูเพิ่งพูดไปเมื่อกี้นี้ก็แค่เพราะเป็นห่วงพ่อ หนูไม่ได้รังเกียจพ่อเลย”

“พ่อ…อย่าไปนะ”

“ถ้าพ่อไม่มีเงินหนูจะเอาให้พ่อเอง”

“อย่าไปเลย…”

ร่างกายของเจี่ยนเฉิงเพิ่งจะดี ตอนนี้ก็เป็นชายชราที่อายุห้าสิบกว่าแล้ว เธอไม่อยากให้เขาต้องไปทำงานที่เสี่ยงตายแบบนั้นอีก

ถึงแม้หลายปีมานี้ปากเธอจะบอกว่ารังเกียจเจี่ยนเฉิง แต่เธอรู้ว่าเจี่ยนเฉิงคนนี้เป็นคนที่ดีกับเธอที่สุดในโลกแล้ว

เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในช่วงเวลาสิบแปดปีแรกของเธอ

แต่หลังจากห้าปีที่พ่อและลูกได้รู้จักกัน เจี่ยนเฉิงเองก็ดูแลเธอไว้ไม่น้อย

เขาสอนการต่อสู้ให้เธอ สอนว่าควรจะต่อสู้อย่างไร สอนให้เธอรู้ว่าจะปกป้องตัวเองอย่างไร

ถ้าหากไม่มีเจี่ยนเฉิง เธอก็คงจะเป็นนักแสดงฉากต่อสู้แทนที่สมบูรณ์ขนาดอย่างนี้ไม่ได้หรอก

“เด็กดี”

เจี่ยนเฉิงที่อยู่ในอีกปลายสายถอนหายใจ “ที่พ่อกลับไปครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อเงิน แต่เพื่อตอบแทนบุญคุณ”

“ห้าปีมานี้พ่อกลัวว่าจะทำให้ลูกเสียเวลา ก็เลยไม่กล้าที่จะติดต่อลูกมากมาโดยตลอด หลังจากไปต่างประเทศแล้ว คงจะยิ่งติดต่อกันน้อยลง”

“สือเยว่ ลูกดูแลตัวเองดี ๆ นะ”

ซูสือเยว่กัดริมฝีปาก น้ำตารินไหลโดยที่ไม่มีเสียง “อย่างนั้นตอนที่พ่ออยู่ต่างประเทศก็ระวังตัวดี ๆ นะคะ”

“พ่อรับปาก”

เจี่ยนเฉิงยิ้มอย่างแผ่วเบา

เพียงไม่นาน ก็ดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรขึ้นได้ “จี้หยกที่ให้ลูกไปเมื่อครั้งที่แล้ว ลูกต้องเก็บไว้ให้ดีนะ อย่าให้ใครเห็นสุ่มสี่สุ่มห้า เข้าใจไหม?”

พอได้ยินเขาพูดถึงจี้หยกนั้น หัวใจของซูสือเยว่ก็จมดิ่งลงอย่างกะทันหัน

“จี้หยกอันนั้น หนูทำหายไปแล้วค่ะ”

ครั้งก่อนตอนที่เธอออกมาจากบ้านของเจี่ยนเฉิงก็ได้ถูกคนของประธานหวางลักพาตัวไป จากนั้นมาก็ยุ่งอยู่ตลอด

พอเธอนึกถึงจี้หยกนั้นขึ้นมา ก็หาไม่เจอเสียแล้ว

เธอเองก็เคยย้อนกลับไปยังซอยที่ถูกจู่โจม ทั้งยังได้ยินมาว่าวันนั้นมีตำรวจที่สอบสวนคดีแล้ว แต่ก็ยังหาไม่พบ

“ขอโทษนะคะคุณพ่อ”

ซูสือเยว่ไม่ได้เล่าเรื่องที่ตัวเองถูกจู่โจม “เป็นเพราะหนูไม่ระวังเอง…”

เจี่ยนเฉิงที่อยู่ในปลายสายก็เงียบไปนานเลยทีเดียว

“บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตาก็ได้”

เจี่ยนเฉิงถอนหายใจ “ลูกไม่ต้องโทษตัวเองไป จี้หยกนั้นมีราคาแค่ไม่กี่ตังค์”

“ความจริงแล้วพ่อเองก็ไม่รู้ว่าการที่เอาจี้หยกนั้นให้ลูกเป็นเรื่องที่ดีหรือว่าไม่ดี…”

บางทีชะตาชีวิตอาจถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ซูสือเยว่กับคนคนนั้นอาจจะไม่ได้พบกันอีก

ตอนนี้พอมาคิดดูแล้วบางทีอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้

“ลูกก็ทำเหมือนว่าไม่เคยมีจี้หยกนั้นมาก่อนก็แล้วกัน”

“ดูแลตัวเองดี ๆ ซ่อนปานของลูกเอาไว้ให้ดี แล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปให้ดี”

ซูสือเยว่เม้มริมฝีปาก “พ่อคะ พ่อยังมีรู้จี้หยกนั้นอยู่ไหม?”

“ทำของที่คุณแม่ทิ้งเอาไว้ให้หายไป หนูเองก็รู้สึกผิดมากจริง ๆ ระยะนี้หนูเองก็ได้โพสต์ประกาศขอความช่วยเหลือโดยให้เงินรางวัลในอินเทอร์เน็ต แต่ว่าไม่มีรูป หนูเองก็เพิ่งเคยเห็นแค่หนึ่งครั้ง เลยอธิบายไม่ถูก…”

“ไม่มีรูป!”

น้ำเสียงที่เคร่งขรึมของเจี่ยนเฉิงดังขึ้นมา “บอกแล้วว่าไม่ต้องหาก็ไม่ต้องหา!”

“ต่อให้ไม่มีรูป ลูกก็ไม่ต้องตามหามันอีก เรื่องนี้หยุดลงไว้เท่านี้แหละ!”

พอพูดจบแล้ว เขาก็ถอนหายใจ “ถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว พ่อต้องไปแล้ว”

“จำเอาไว้ ไม่ต้องหาแล้ว!”

ซูสือเยว่ขมวดคิ้วแน่น ยังอยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ปลายสายโทรศัพท์นั้นกลับเหลือเพียงแค่เสียงสายไม่ว่างตู๊ด ๆ เท่านั้น

เธอถอนหายใจออกมาด้วยความสงสัย ในตอนที่โทรศัพท์ออกไปอีกครั้งหนึ่งนั้น เจี่ยนเฉิงก็ได้ปิดโทรศัพท์ไปแล้ว

ดังนั้นจึงได้วางโทรศัพท์มือถือลงอย่างช่วยไม่ได้ ซูสือเยว่เปิดคอมขึ้นมา

โพสต์ประกาศให้รางวัลกับการตามหาจี้หยกในครั้งก่อนนั้น มีคนมากมายตอบกลับมาแล้ว ทั้งยังมีนักสืบเอกชนทิ้งข้อมูลการติดต่อไว้ให้เธอโทรหาพวกเขาอีกด้วย

ซูสือเยว่สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วลบประกาศออก

เธอไม่รู้ว่าทำไมบิดาถึงได้มีปฏิกิริยาตอบกลับที่ตื่นเต้นขนาดนี้ได้

จี้หยกชิ้นนั้น เป็นเพียงแค่สิ่งของที่แม่ของเธอมอบเอาไว้ให้ก็เท่านั้นเอง ทำไมถึงต้องทำลับลมคมในขนาดนี้ด้วย?

ซูสือเยว่คิดไม่ออก อย่างนั้นก็ไม่ต้องคิดเสียเลยแล้วกัน

แล้วเวลานี้มีอีเมล์เข้ามาพอดี

เธอเปิดอีเมล์ หัวหน้านักเขียนบทเพิ่งจะส่งบทละครใหม่มาให้เธอ

ซูสือเยว่กวาดสายตามองดูคร่าว ๆ แวบหนึ่ง เนื้อหาเปลี่ยนไปเยอะมากเลยทีเดียว

เดิมทีในหัวสมองของนางรองมีเรื่องความรักก็กลายเป็นบทบาทที่มีแต่เรื่องธุรกิจอยู่เปี่ยมล้นแทน ฉากแสดงอารมณ์กับเฉิงเซวียนเป็นเพียงแค่บทเสริมไปแล้ว

แล้วก็เป็นเพราะว่าได้ตัดฉากแสดงอารมณ์ออกไปไม่เหลือสักนิดเดียว ดังนั้นต่อไปนี้ในเวลาที่ซูสือเยว่ต้องถ่ายละคร ก็จะไม่มีฉากที่จับคู่กับเฉิงเซวียนอีกแล้ว

วันที่ถ่ายทำละครครั้งต่อไปกับเฉิงเซวียน ก็คือวันพิธีมอบรางวัลวัวทองสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมนั่นเอง

พิธีมอบจะจัดขึ้นในช่วงเย็น

ผู้ช่วยของเฉิงเซวียนเริ่มร้องตะโกนใส่กองถ่ายตั้งแต่เช้าตรู่ “รีบมาแต่งหน้าให้เจ้าชายแห่งวงการบันเทิงเฉิงเร็วเข้า!”

“ตอนบ่ายนี้เจ้าชายแห่งวงการบันเทิงเฉิงจะต้องเตรียมไปการพิธีมอบรางวัลในตอนเย็นนะ!”

“มีใครไม่รู้บ้างว่านักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในปีนี้ก็คือเฉิงเซวียนของพวกเรา? ระวังหน่อยนะ! นี่เป็นว่าที่นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเชียวนะ!”

……

“มีอะไรเจ๋งกัน”

ช่างแต่งหน้าของซูสือเยว่กระซิบบ่นพึมพำ “ยังไม่ถึงพิธีมอบรางวัลในช่วงเย็นสักหน่อย ตอนนี้ทำอย่างกับได้รางวัลแล้วอย่างไงอย่างนั้นแหละ เกลียดจริง ๆ เลย!”

พอพูดจบแล้ว ช่างแต่งหน้าก็ทำปากยื่นแล้วมองดูซูสือเยว่ “อีกอย่างได้ยินมาว่าแฟนเก่าของเฉิงเซวียนคนนั้นน่ะ เดิมทีถูกตัดสิทธิ์เรื่องคุณสมบัติของการเป็นนักแสดงหน้าใหม่ไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้มีชื่อของเธอเพิ่มเข้ามาเมื่ออาทิตย์ก่อน”

“ว่ากันว่ามีแววที่จะได้รางวัลสูงมาก”

หล่อนใช้แขนกระแทกตัวซูสือเยว่เบา ๆ “เธอว่า วันนี้จะได้เห็นฉากที่พวกเขาขับเคี่ยวกันไหม?”

ซูสือเย่วครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วยิ้ม “คืนนี้มีฉากต่อสู้กันแน่นอน”

 แต่ไม่ใช่ฉากที่แฟนเก่ากับแฟนเก่ามาเจอหน้ากันแล้วต่อสู้กันแบบนั้น

เพราะอย่างไรเสียซูสือเย่วก็รู้ดีว่าความจริงแล้วเฉิงเซวียนกับเซี่ยงหวั่นฉิงยังไม่ได้เลิกกัน

ฉากต่อสู้ที่เธอหมายถึงนั้น…เป็นอีกแบบหนึ่ง

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset