เมื่อมองดูใบหน้าที่อวดดีของเซี่ยงหวั่นฉิง ซูสือเยว่ก็ยิ้มอย่างจนปัญญา
“ความมั่นใจถือเป็นสิ่งที่ดี”
“เพียงแต่”
มุมปากของหญิงสาวโค้งขึ้นมาเล็กน้อย “ตอนนี้พวกเธอยังไม่ได้รับรางวัลนี่ เริ่มวางแผนเสียตั้งแต่ตอนนี้ ดูจะเร็วเกินไปหน่อยไหม?”
“ยังเร็วไปเหรอ?”
เฉิงเซวียนหัวเราะอย่างเย็นชา “อีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ฉันก็จะคว้ารางวัลที่สมควรเป็นของฉันมาได้แล้ว”
“แล้วนายมั่นใจว่าภายในหนึ่งชั่วโมงนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยเหรอ?”
เซี่ยงหวั่นฉิงกลอกตามองบน “ซูสือเยว่ พูดมากขนาดนี้ นี่เธอคงจะทนรับความกระทบกระเทือนที่อีกเดี๋ยวฉันกับเฉิงเซวียนก็จะได้รางวัลไม่ได้สินะ?”
ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องรางวัลในคืนนี้เลยสักนิด
ไม่เพียงแต่ผู้กำกับเฉินจ่ายเงินให้เธอแล้ว ซูโม่ยังให้ค่าน้ำร้อนน้ำชาเพื่อเธอไว้ไม่น้อยเช่นกัน
ก่อนจะมาที่นี่ เซี่ยงหวั่นฉิงก็ยังแอบเปิดดูซองจดหมายของผู้ที่จะได้รับรางวัลมาแล้ว
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในคืนนี้ก็คือเฉิงเซวียน ส่วนนักแสดงนำหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมก็คือเธอ ดังนั้นไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีก!
“แล้วแต่เธอจะคิด”
ซูสือเยว่หาวหวอด “เพียงแต่ ในเมื่อเธอแน่ใจว่าตัวเองจะต้องได้รับรางวัลแน่ ๆ อย่างนั้นไม่สู้เธอได้รับรางวัลเสร็จแล้วค่อยมาคุยโวโอ้อวดกับฉันเถอะ”
“ท่าทางของพวกเธอในตอนนี้ มันทำให้ฉันอยากจะหัวเราะ”
“เธอ!”
เซี่ยงหวั่นฉิงจ้องมองหล่อนอย่างดุร้ายแวบหนึ่ง จากนั้นหัวเราะ “ซูสือเยว่ นี่เธอพูดเองนะ”
“หลังจากที่งานพิธีจบลง เธอก็อย่าเพิ่งไปแล้วกัน!”
หญิงสาวยิ้มอย่างแผ่วเบา “วางใจเถอะ ฉันไม่ไปไหน”
เมื่อสิ้นเสียง ซูสือเยว่ก็มองหล่อนอย่างเบื่อหน่ายแวบหนึ่ง แล้วหลับตาลงเพื่อพักสายตา
ความจริงแล้วเธอเองก็ไม่รู้ว่านักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในคืนนี้จะเป็นใคร บางทีอาจจะเป็นเฉิงเซวียน หรืออาจจะเป็นคนอื่นก็ได้เช่นกัน
แต่ที่เธอรู้ก็คือ นักแสดงนำหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของฉันในคืนนี้ ไม่มีทางเป็นเซี่ยงหวั่นฉิงเด็ดขาด
ไม่ใช่เพราะเธอรู้ข่าวเบื้องหลังอะไรหรอกนะ แต่เป็นเพราะ…
ในบรรดากรรมการตรวจสอบนักแสดงนำหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม มีผู้กำกับเฉิน อีกอย่างเขาก็มีคะแนนเสียงค่อนข้างมาก
เพียงไม่นาน ผู้คนก็พากันทยอยเข้ามาในที่จัดงานกันหมดแล้ว
เนื่องจากซูสือเยว่เป็นน้องใหม่ในวงการบันเทิง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพรมแดงหรือว่าการพูดคุยทักทาย เลยไม่มีส่วนของเธอเลยแม้แต่นิด ทว่าเธอเองก็ยินดี เมื่อมองดูความคึกคักอีกด้านหนึ่ง ส่วนอีกฟากหนึ่งก็เป็นฟู๋เชียนเชียนที่กำลังถ่ายวิดีโออย่างโอ้อวด
จนกระทั่งจี้หนานเฟิงปรากฏตัวต่อหน้าเธอในตอนนี้
ซูสือเยว่อึ้งไปสักพัก “คุณมาได้อย่างไร?”
ถ้าเธอจำไม่ผิดละก็ รางวัลวัวทองปีนี้ จี้หนานเฟิงต่อหน้าสื่อมวลชนแล้วว่าตัวเองจะไม่เข้าร่วมการคัดเลือก
เพราะอย่างไรเสียหลายปีมานี้เขาเองก็เหมารางวัลมาจนเกือบหมดแล้ว
เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คนอื่นได้รับรางวัล เขาจึงเป็นฝ่ายถอนตัวออกจากการเข้าคัดเลือก
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว”
จี้หนานเฟิงนั่งลงด้านข้างซูสือเยว่ มองดูข้างหน้าไปด้วย พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบไปด้วย “ผมอยากมาดูนักแสดงนำชายหลายคนที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าชิงรางวัลวัวทอง”
“ไม่มีใครเลยที่มีฝีมือในการแสดงเหมาะสมตามมาตรฐานจริง ๆ”
เมื่อพูดจบแล้ว เขาก็หันไปมองซูสือเยว่อย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง “คนเดียวที่ตรงตามมาตรฐานก็คือนักแสดงนำชายที่ชื่อว่าเฉิงเซวียน”
“เพียงแต่การแสดงออกของเขายังไม่คงที่อยู่อีกมาก”
“ถึงแม้การแสดงก่อนหน้านี้จะไม่มีข้อผิดพลาดเลยสักนิด แต่หนึ่งเดือนมานี้ การแสดงกลับดูธรรมดาๆ”
“แต่นี่ไม่ใช่เพราะเขาไม่ใส่ใจ ผมคิดว่าเขาคงจะเปลี่ยนครูสอนการแสดงใหม่”
จี้หนานเฟิงถอนหายใจ “ถึงอย่างไรผมเองก็ได้รับรางวัลวัวทองมาหลายปีแล้ว เลยไม่อยากให้คุณค่าที่แท้จริงของมันต้องด้อยค่าลง ดังนั้นก่อนหน้านี้หนึ่งอาทิตย์ ผมก็เลยไปหาคณะกรรมการแล้วส่งผลงานของผมไป”
เมื่อสิ้นเสียง เขาก็กวาดสายตามองดูซูสือเยว่แวบหนึ่ง “เกินความคาดหมายเหรอ?”
ซูสือเยว่พยักหน้า “เกินความคาดหมายมาก”
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าเฉิงเซวียนจะคว้ารางวัลมาได้หรือเปล่า แต่ตอนนี้เธอเชื่อมั่นเลยว่าเฉิงเซวียนไม่มีทางได้แน่นอน!
“ก่อนหน้านี้พวกเราเข้าใจกันผิดนิดหน่อย”
จี้หนานเฟิงเปลี่ยนเป็นท่านั่งที่สบาย ๆ และนั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้างซูสือเยว่ “หลังจากกลับไปวันนั้น ซิงกวงก็ได้อธิบายที่มาที่ไปทุกอย่างโดยละเอียดให้ผมฟังแล้ว”
“ผมต้องขอโทษกับการกระทำที่ผมมีต่อคุณและสามีของคุณในวันนั้นด้วย”
“หลังจากนี้ผมยังต้องถ่ายหนังร่วมกับคุณ ผมเลยหวังว่าระหว่างคุณกับผมจะไม่มองหน้ากันไม่ติดมากจนเกินไปนัก”
ซูสือเยว่อึ้งไปสักพัก
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่มีฐานะอย่างจี้หนานเฟิงจะมานั่งข้าง ๆ เธออย่างเปิดเผยก็เพื่อที่จะขอโทษตน
หญิงสาวยิ้มอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร “ความจริงฉันลืมไปตั้งนานแล้วค่ะ”
“คุณลืม แต่ผมไม่ลืม”
จี้หนานเฟิงยิ้มแล้วมองดูนักข่าวที่ถ่ายรูปพวกเขาจากไกล ๆ “เรื่องที่ผมนั่งข้างคุณ คงพอที่จะขึ้นพาดหัวข่าวของคุณในวันนี้แล้ว”
“ก็ถือเสียว่าเป็นคำขอโทษจากผมก็แล้วกัน”
ซูสือเยว่ : “……”
ถ้าเขาไม่พูดเธอก็คงจะไม่เห็น นึกไม่ถึงเลยว่ารอบข้างจะมีนักข่าวมากมายกำลังถ่ายรูปเธอกับจี้หนานเฟิงอยู่!
มิน่าล่ะเมื่อครู่นี้เธอถึงได้รู้สึกเย็น ๆ ที่ด้านหลังมาโดยตลอด
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นหันไปพูดแล้วก็ยิ้มให้กับจี้หนานเฟิง
บริเวณชั้นสองของที่จัดงานภายในห้องชั้นพิเศษ มีชายหนุ่มในชุดสีดำคนหนึ่งกำลังบีบแก้วไวน์ทรงสูงอยู่ สายตาที่เย็นยะเยือกจ้องมองไปที่ผู้หญิงในชุดราตรีสีน้ำเงินคนนั้น
“โม่หาน ทำอะไรอยู่เหรอ?”
พอเห็นเขายืนนิ่งไม่ขยับมาโดยตลอด ไป๋ยู่หนานก็เดินขมวดคิ้วเข้ามา
เพียงพริบตาเดียว ก็มองเห็นท่าทางพูดคุยกันอย่างสนุกสนานระหว่างซูสือเยว่กับจี้หนานเฟิงที่ชั้นล่าง
“ไม่แปลกใจเลยที่มายืนนิ่งอยู่ตรงนี้”
ไป๋ยู่หนานตบไหล่ฉินโม่หานเบา ๆ แล้วพูดหยอกล้อว่า “ดูจากท่าทางแล้วคงจะคุยเรื่องงานกันอยู่ พวกเขาต้องแสดงละครร่วมกันไม่ใช่เหรอ?”
“หรือว่านายจะช่วยซูสือเยว่ไขว่คว้าโอกาส”
“ไม่จำเป็นต้องหึง”
ฉินโม่หานหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วเงยหน้ามองเขา “ใครบอกว่าฉันหึง?”
“แล้วทำไมนายถึงยืนนิ่งอยู่ตรงนี้ไม่ขยับ?”
ไป๋ยู่หนานทำปากยื่น “อย่าลืมนะว่าคืนนี้พวกเราไม่ได้มาดูความสนุก”
ชายหนุ่มหันไปมองเขาแวบหนึ่ง “ไม่ได้มาดูความสนุก ถ้าอย่างนั้นมาดูอะไร?”
ไป๋ยู่หนาน: “……”
การที่พวกเขามาในงานพิธีมอบรางวัลของวงการบันเทิง เห็นได้ชัดเลยว่ามาเพื่อตรวจสอบสายลับทางธุรกิจผู้หนึ่ง
ก่อนหน้านี้ได้รับข่าวมาว่าสายลับทางธุรกิจคนนั้นจะติดต่อกันในตอนที่มอบรางวัล ดังนั้นพวกเขาจึงได้มาเฝ้าต้นไม้เพื่อดักรอกระต่าย
แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าหลังจากมาที่นี่แล้ว ฉินโม่หานจะไม่มีกะจิตกะใจจะตรวจสอบสายลับอีกแล้ว
เพราะในสายตาของเขามีแต่ซูซือเยว่!
“ไม่ต้องมองแล้ว”
ไป๋ยู่หนานเอื้อมมือออกมาบดบังสายตาของเขาเอาไว้ “หล่อนเป็นภรรยาของนาย พอกลับบ้านไปนายก็ได้ดูตามใจชอบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
ฉินโม่หานหรี่ตาลง แล้วปัดมือของเขาออก ดวงตาที่ทอประกายยังคงมองไปทางซูสือเยว่และไป๋ยู่หนาน
นี่…
ไป๋ยู่หนานกลอกตามองบน “อย่างนั้นนายยังจะตรวจสอบเรื่องสายลับอยู่ไหม?”
“มีนายแล้ว”
ฉินโม่หานมองเขานิ่ง ๆ แวบหนึ่ง “นายไปเถอะ”
ไป๋ยู่หนาน : “……”
สรุปแล้วฉินซื่อกรุ๊ปเป็นบริษัทของฉินโม่หานหรือว่าเป็นของเขากันแน่!
ทำไมถึงต้องให้เขาหา?
แต่ว่า…
ไป๋ยู่หนานถอนหายใจ
ในความเป็นจริงแล้วสูญเสียเงินไปแค่ไม่กี่ล้าน สำหรับฉินโม่หานแล้ว ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง
เขาเป็นฝ่ายเสนอเรื่องการตรวจสอบนี้ออกมาเอง ความจริงแล้วไป๋ยู่หนานก็ยังรู้สึกเกินความคาดหมายมากอยู่เหมือนกัน
คิดไม่ถึงเลยว่าท่านชายฉินที่ปกติแล้วงานยุ่งมาก คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นฝ่ายออกโรงมาตรวจสอบสายลับกระจอกคนหนึ่งได้
บางที นับตั้งแต่แรกเริ่ม สายตาของฉินโม่หานก็คงแค่จะมาดูซูสือเยว่อยู่แล้วสินะ…
พอพูดถึงตรงนี้ ไป๋ยู่หนานก็เงยหน้าขึ้น คิดอยากจะจากไป แต่ก็ได้ยินฉินโม่หานเอ่ยเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาว่า
“นายว่า ถ้าฉันเข้าวงการบันเทิงจะเป็นยังไง?”
ไป๋ยู่หนานเกือบจะสะดุดล้มลงไปแล้ว
เขาหันหน้าไปอย่างอ่อนแรง “นี่นายได้รับความกระทบกระเทือนอะไรรึเปล่า?”
ชายหนุ่มมองไปทางซูสือเยว่อย่างตั้งใจ “เห็นเธอคุยกับเขาแล้วรู้สึกไม่สบายใจ”
ไป๋ยู่หนาน: “……”
พี่ใหญ่ นี่ยังไม่เรียกว่าหึงอีกเหรอ?