ในเวลานี้เองผู้จัดการใหญ่เพิ่งจะสนใจผู้หญิงที่อยู่ด้านข้างฉินโม่หานคนนี้
เธอสวมชุดราตรีตัวยาวสีน้ำเงิน เผยผิวที่ดูขาวราวกับหิมะ แต่งหน้าอ่อน ๆ ไม่ฉูดฉาด ดูสวยงามมาก
เขานิ่งอึ้งไม่ได้สติไปอยู่นาน “คุณ…คุณก็คือซูสือเยว่?”
“เธอนี่แหละ”
พอเห็นผู้จัดการใหญ่จ้องเธอไม่วางตา ใบหน้าของฉินโม่หานก็เย็นชาลงก่อนที่จะถอดเสื้อตัวนอกคลุมลงบนร่างเธอ จากนั้นโอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่างเปิดเผย “ทำไม คุณคิดว่าภรรยาของผมควรที่จะขี้เหร่แล้วก็เฉยอย่างนั้นสิ?”
ผู้จัดการใหญ่เบิกตาโตด้วยความตกใจ!
เขารู้แล้วว่าอะไรคือเรื่องซุบซิบนินทาที่ไม่ควรรู้!
สุภาพสตรีที่ชื่อซูสือเยว่ท่านนี้ เป็นภรรยาของฉินโม่หานจริง ๆ เหรอ?
เขารีบก้มหน้าลงต่ำ ไม่กล้าสบสายตาซูสือเยว่แม้แต่นิดเดียว “เป็นเพราะผมมีอคติกับอาชีพนักแสดงแทนเองครับ เป็นความผิดของผมเอง”
“ผมเพียงแค่คิดไม่ถึงว่าคุณนายดูสะอาดบริสุทธิ์ หน้าตาสวยถึงขนาดนี้ กลับยอมเป็นแค่ตัวแทนนักแสดงในวงการบันเทิงคนหนึ่ง”
“คุณนายกับคุณผู้ชายช่างเป็นคู่สร้างคู่สม กิ่งทองใบหยก…”
ผู้จัดการใหญ่พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะหาคำพูดสวยหรูเท่าที่เขาพอจะนึกออก
ท่าทางที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของเขา ทำให้ซูสือเยว่รู้สึกขำอยู่บ้าง
แต่เธอคิดว่าจะให้ยิ้มต่อหน้าผู้จัดการใหญ่ก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก
เธอจึงเบือนหน้าหนีไป “ที่รักคะ พวกเราขึ้นไปด้านบนกันเถอะ”
คำพูดของหญิงสาว ทำให้ร่างของฉินโม่หานสั่นไหวเล็กน้อย
เขาก้มมองดูเธอ “เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ?”
ซูสือเยว่อึ้งไปสักพัก “ที่รักไง…”
เมื่อพูดออกไป เธอก็เพิ่งจะได้สติกลับมา นึกไม่ถึงเลยว่าเธอพลั้งปากพูดคำว่า “ที่รัก” สองคำนี้ออกมา
ใบหน้าของหญิงสาวเห่อร้อน “ท่าน…ท่านชาย พวกเราขึ้นไปชั้นบนกันเถอะ”
เธอคงจะต้องถูกคำชมของผู้จัดการใหญ่พวกนั้นทำเอาลอยไปแล้วแน่ ๆ
คิดไม่ถึงเลยว่าจะตะโกนเรียกฉินโม่หานกว่าที่รักในที่สาธารณะได้!
ชายหนุ่มมองเธออย่างล้ำลึกแวบหนึ่ง แล้วจึงโอบไหล่เธอขึ้นไปยังชั้นบน
จนกระทั่งเงาของคนทิ้งห่างไปไกล ฉินโม่หานจึงใช้น้ำเสียงที่ดูกดดันและรักใคร่เอ่ยว่า “เรียกว่าที่รักนี่มันฟังดูจั๊กจี้ดีนะ”
“ตูม——!”
ซูสือเยว่รู้สึกว่าตัวเขินอายจนหัวแทบจะระเบิดแล้ว!
เธอกัดริมฝีปากอย่างเอาเป็นเอาตาย รู้สึกว่าตัวเองหน้าเห่อร้อนจนจะทอดไข่ได้อยู่แล้ว
“เพียงแต่”
ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้คู่ของเธอ อุณหภูมิที่อุ่นร้อนและเสียงที่ทุ้มต่ำของเขาแทรกเข้ามาในหูของเธอ “จากนี้กลับไปที่บ้านค่อยเรียก”
“ผมกลัวผู้ชายคนอื่นจะได้ยิน”
เมื่อสิ้นเสียง เขาก็โอบเธอเดินไปข้างหน้าต่อ
ซูสือเยว่รู้สึกว่าทุกก้าวราวกับได้เดินอยู่บนเมฆก็มิปาน
ในห้วงสมองเกิดเสียงสั่นสะเทือน ส่วนร่างกายนั้นถึงหัวจะหนักแต่เท้ากลับเบา
ฉินโม่หานเขา…
หมายความว่าอย่างไร?
หัวของเธอสับสนและมึนงงอยู่นาน
เมื่อรอให้ได้สติกลับมาอีกครั้ง ฉินโม่หานก็ได้พาเธอมานั่งตรงที่นั่งชั้นสองแล้ว
ส่วนภายในห้องโถงชั้นที่หนึ่ง ก็ได้เริ่มงานพิธีมอบรางวัลแล้ว
เนื่องจากฉากความวุ่นวายของเฉิงเซวียนและเซี่ยงหวั่นฉิงก่อนหน้านี้ จึงทำให้กำหนดการในพิธีได้ล่าช้าไปถึงครึ่งชั่วโมง
ผลปรากฏว่ากลับไม่น่าเป็นห่วงเลยสักนิด
เพราะเรื่องของเฉิงเซวียนกับเซี่ยงหวั่นฉิง รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมที่กำหนดไว้ตามเดิมก็คือจี้หนานเฟิง ส่วนรางวัลนักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมตามเดิมก็ให้กับนักแสดงหญิงหน้าใหม่อีกคน
ซูสือเยว่เคยได้ยินชื่อนักแสดงหญิงหน้าใหม่คนนี้มาก่อน เป็นนักแสดงหญิงที่ทำงานภายใต้สังกัดของจี้หนานเฟิง ชื่อว่าหนานจื่อยี
เมื่อมองดูท่าทางที่จี้หนานเฟิงและหนานจื่อยียืนถือรางวัลเคียงคู่กันอยู่ที่กลางเวที ซูสือเยว่ก็พลันขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ฉินโม่หานยกไวน์แดงขึ้นจิบอย่างแผ่วเบาคำหนึ่ง “ผมให้คนไปตรวจสอบมาแล้ว จี้หนานเฟิงคนนี้ ระยะนี้ได้ตรวจสอบคุณมาโดยตลอด”
ซูสือเยว่อึ้งไปสักพัก “ตรวจสอบฉัน?”
“แน่นอน”
ฉินโม่หานหรี่ตาลง “คุณคิดว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมการพิธีมอบรางวัล?”
“นักแสดงหญิงหน้าใหม่ที่อยู่สตูดิโอเดียวกับเขา เดิมทีก็ไม่ได้มีพรสวรรค์หรือว่าคุณสมบัติอะไรอยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีเซี่ยงหวั่นฉิง คนที่ได้รางวัลต้องไม่ใช่เธอแน่นอน”
“พอเกิดเรื่องของเฉิงเซวียนกับเซี่ยงหวั่นฉิง เขาก็เป็นฝ่ายออกมาคลี่คลายความกระอักกระอ่วนและแน่นอนว่าการเสนอตัวเป็นผู้จัดการเรื่องมันทำให้เขาได้หน้า”
คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ซูสือเยว่ตัวแข็งทื่อไปแล้ว
“อย่างนั้น…จี้หนานเฟิงก็รู้มาก่อนแล้วว่าวันนี้จะ…”
“อืม”
ฉินโม่หานวางแก้วไวน์ลงด้วยท่วงท่าที่สง่างาม “เมื่อกี้นี้ที่เขานั่งอยู่ข้างคุณ ก็คงจะเป็นเพราะว่ามีเป้าหมาย”
ซูสือเยว่รู้สึกหนาวเหน็บหัวใจเล็กน้อย
เธอก็นึกว่าจี้หนานเฟิงอยากจะมาขอโทษตนเองจริง ๆ “หลังจากนี้อยู่ให้ห่างจากเขาหน่อย”
“ไม่มีใครช่วยใครอีกคนโดยที่ไม่หวังผล”
“อืม”
ซูสือเยว่พยักหน้าแรง ๆ
บางที…เธออาจจะใสซื่อเกินไปก็ได้
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าการที่จี้หนานเฟิงมาที่นี่ จะยังมีความหมายที่นี่อยู่อีกด้วย
เพียงแต่…
หญิงสาวหันไปมองดูฉินโม่หาน “ในเมื่อไม่มีใครที่ช่วยเหลืออีกคนโดยที่ไม่หวังผล ถ้าอย่างนั้นคุณล่ะ?”
“แล้วคุณล่ะ? ทำไมคุณถึงช่วยฉัน?”
ถึงแม้ว่าคืนนี้เธอจะมีแผนการเป็นของตัวเอง แต่ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากฉินโม่หาน บางทีทุกอย่างอาจจะไม่ราบรื่นอย่างนี้ก็ได้
“ผมช่วยคุณ ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?”
ฉินโม่หานหันไปมอง ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นมองดูใบหน้าของซูสือเยว่อย่างเงียบ ๆ “เธอเป็นภรรยาของชั้น”
“เหตุผลนี้เพียงพอไหม?”
ซูสือเยว่อึ้งไป ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมา
เพียงไม่นาน เธอก็ยื่นมือออกไปอย่างระมัดระวัง แล้วเกี่ยวนิ้วเขาเบา ๆ
“ขอบคุณค่ะที่รัก”
ผิวหนังของหญิงสาวเย็นและอ่อนนุ่ม สัมผัสที่เกลี้ยงเกลาและมีน้ำมีนวลนั้น ราวกับมีก้อนหินหนึ่งถูกโยนเข้ามาในหัวใจที่เดิมทีสงบนิ่งเหมือนทะเลสาบของฉินโม่หาน จากนั้นก็ทำให้เกิดระลอกคลื่นเป็นชั้น ๆ
อีกทั้งเสียงสุดท้ายที่เธอบอกว่า “ขอบคุณที่รัก” ก็ยิ่งทำให้ความคิดและจิตใจของฉินโม่หานซึ่งเดิมทีนั้นกำลังสงบนิ่งอยู่ก็พลันยุ่งเหยิงขึ้นมา
ชายหนุ่มไม่มีกะจิตกะใจจะดูพิธีรับรางวัลด้านล่างแล้ว
เขาลุกขึ้น แล้วเอ่ยปากด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า “กลับบ้าน”
“กลับตอนนี้เลยเหรอ?”
ซูสือเยว่รู้สึกมึนงงเล็กน้อย “ไม่รอให้จบก่อนเหรอ?”
“ไม่รอแล้ว”
ชายหนุ่มสะกดกลั้นอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน แล้วดึงแขนของเธอ ก่อนจะลากเธอเดินออกไปข้างนอก
ซูสือเยว่สวมรองเท้าแก้วคริสทัล เลยทำให้เดินช้า ในตอนที่ถูกเขาลากให้เดินไปตามทางนั้นก็เลยเดินซวนเซ ดูราวกับจะล้มได้ตลอดเวลา
เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ฉินโม่หานก็ต้องหยุดลง
“ช้าจะตายอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างร้อนใจ แล้วอุ้มเธอขึ้นมาเสียเลย
“ว๊าย——”
จู่ ๆ ก็ถูกชายหนุ่มอุ้มขึ้นมา ซู่สือเยว่ก็เอื้อมมือไปโอบรอบลำคอของเขาด้วยความตกใจเล็กน้อย
ฉับพลันนั้นกลิ่นหอมสดชื่นจากร่างของหญิงสาวโชยออกมา
ที่ที่กำลังโอบเธออยู่ก็เริ่มแน่นขึ้น ฝีเท้าก็ยิ่งก้าวเดินยาวขึ้น
สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้พาเธอกลับบ้าน แต่กลับพาขึ้นมาบนห้องชุดชั้นบนสุดของโรงแรมซิงฮั่น
ชายหนุ่มใช้เท้าเปิดประตูห้องออก
วินาทีที่ซูสือเยว่ถูกโยนลงบนเตียงถึงได้เข้าใจว่าที่ฉินโม่หานบอกว่าไม่รอแล้วนั้นมันหมายความว่าอะไร
เธอพยายามดิ้นรน “คือว่า…ให้ฉันอาบน้ำก่อนเถอะ”
“ด้วยกัน”
ฉินโม่หานดึงเนคไทออก แล้วดึงเธอเข้าไปที่อ่างอาบน้ำ
ซูสือเยว่รู้สึกเหมือนตัวเองจะขาดอากาศหายใจแล้ว
“เสื้อผ้า…”
ต่อให้บรรยากาศจะคลุมเครือแค่ไหน แต่เธอก็ยังไม่ลืมว่า ตัวเองยังสวมชุดราตรีราคาหลายแสนอยู่!
จะให้แช่จนพังไม่ได้!
การถอดเสื้อผ้าในน้ำนั้นยุ่งยากมาก เมื่อไม่ระวัง เธอก็เผลอไปโดนสติกเกอร์กันน้ำที่ปิดปานตรงหลังเอวออก
“นี่คือ…”
ฉินโม่หานหยิบสติกเกอร์แผ่นนั้น แล้วขมวดคิ้ว
ซูสือเยว่เม้มริมฝีปาก
ในเมื่อเธอกับฉินโม่หานมีความสัมพันธ์กันอย่างนี้แล้ว ถ้าบอกเขาไป…คงจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?