ซูสือเยว่มองฉินโม่หานอย่างตกใจ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ฝัน……ฝันดี”
“ฉันไปทำงานก่อนนะ”
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าอย่างลึก แล้วส่งยิ้มไปทางเธอ จากนั้นปิดประตูลง แล้วหันตัวเดินจากไป
ซูสือเยว่มองไปยังประตูที่ปิดสนิทอย่างงุนงง ผ่านไปนานพอสมควรกว่าจะเรียกสติกลับมาได้
เพียงไม่นาน เธอก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคุมหัวเอาไว้
ใบหน้าเธอร้อนผ่าว แต่หัวใจเธอรู้สึกฟูจนหัวเราะออกมา
เป็นคืนที่หลับฝันดี
เช้าวันที่สอง ซูสือเยว่ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่
ตอนที่เธอตื่นมานั้น ฉินโม่หานกำลังนอนหลับสนิทอยู่ข้างๆเธอ
เธอไม่รู้ว่าเขาเข้ามานอนเมื่อไหร่ เธอกลัวจะไปรบกวนเวลานอนของเขา จึงออกจากห้องด้วยเสียงเงียบที่สุด
ตอนที่เธอลงมาทำอาหารเช้านั้น เธอเห็นไป๋ลั่วที่นอนอยู่ตรงโซฟาของห้องรับแขก
ท้องฟ้ายังไม่ค่อยสว่าง คนรับใช้ในบ้านก็ยังไม่เริ่มทำงานกัน
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว ลังเลอยู่ชั่วขณะ สุดท้ายก็ย่องเบาเดินเข้าไป แล้วหยิบผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขา
ไป๋ลั่วเป็นผู้ช่วยที่ตัวติดฉินโม่หาน ฉินโม่หานทำงานนานแค่ไหน ไป๋ลั่วก็จะอยู่กับเขานานเท่านั้น
ดูจากท่าทางไป๋ลั่วแล้ว เมื่อคืนน่าจะทำงานกันจนดึกมากแน่ๆ ถึงงไม่ได้กลับบ้านไป
“คุณนาย”
น่าจะเป็นเพราะได้ยินเสียงรอบข้าง ไป๋ลั่วลืมตาขึ้นอย่างระแวดระวัง
พอเห็นว่าเป็นซูสือเยว่ เขาถึงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา
เขาเหล่ตามองเวลา เพิ่งจะเช้าหกโมงครึ่ง
ไป๋ลั่วหาว “คุณตื่นเช้าขนาดนี้เลย?”
“เมื่อคืนพวกคุณทำงานกันจนถึงกี่โมงหรอ?”
“ตีสามกว่าครับ”
ไป๋ลั่วลุกขึ้นนั่ง แล้วเดินไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ
“คุณไม่นอนต่อแล้วหรอ?”
“ไม่แล้วครับ เดี๋ยวคุณชายจะมีประชุมต่อตอนประมาณแปดโมงครับ ผมต้องรอปลุกเขาครับ”
ซูสือเยว่รู้สึกสงสารขึ้นมา “คุณกับ…… ฉินโม่หานใช้เวลาเช้ามืดสลับกันหรอ?”
“ครับ”
ไป๋ลั่วยิ้มบางๆ “ชินแล้วครับ”
แต่การพักผ่อนที่ไม่เป็นเวลาแบบนี้ จะทำร้ายร่างกายไปเท่าไหร่
ซูสือเยว่เม้มปาก เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรไป
เธอสุดหายใจเข้าลึกๆ หันหลังแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว “ฉันไม่เข้าใจอะไรเลย ช่วยอะไรพวกนายก็ไม่ได้ งั้นทำอาหารอร่อยๆฝีมือฉันให้กินแล้วกัน”
หญิงสาวสวมผ้ากันเปื้อน จากนั้นก็เริ่มยุ่งกับการทำอาหาร
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง อาหารเช้าแสนอร่อยถูกเสิร์ฟวางบนโต๊ะ
เธอหยิบจานใบเล็กหนึ่งในนั้นมาวางไว้หน้าไป๋ลั่ว “อันนี้ของคุณ”
ไป๋ลั่วรู้สึกปลื้มใจ “แบบนี้คงไม่ดีมั้ง……”
“ไม่เป็นไรหรอกหน่า”
ซูสือเยว่มองหน้าเขาอย่างจริงจัง “ฉันดูออก ว่าคุณภักดีต่อฉินโม่หาน”
“ถ้าไม่มีคุณคอยดูแล จากการพักผ่อนไม่เป็นเวลาของเขาแล้ว ร่างกายคงแย่ไปนานแล้ว”
“ขอบคุณครับ”
เธอดึงผ้ากันเปื้อนออก “ฉันต้องไปทำงานแล้ว”
วันนี้มีฉากที่ต้องถ่ายช่วงเช้า ต้องรีบถ่ายให้ทันตอนที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น
“ช่วยฉันบอกฉินโม่หานหน่อยนะ ว่าคราวหลังอย่าโต้รุ่งแบบนี้อีกแล้ว มันไม่ดีต่อร่างกาย”
พูดจบ เธอก็เดินไปยังห้องโถง สวมรองเท้าแล้วหยิบเสื้อกันหนาวก่อนจะเดินออกไป
ไป๋ลั่วที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองแผ่นหลังของเธอที่เดินจากไป เขาสติหลุดเล็กน้อย
“คุณน้าไป๋ลั่ว”
ทันใดนั้น เสียงใสของเด็กดังขึ้นในหูของเขา
ไป๋ลั่วรีบหันหน้าไปดู
ด้านหลังของเขา คือซิงเฉินที่สวมชุดนอนสีเหลืองยืนอยู่
……น่าจะเป็นซิงเฉินมั้ง?
แท้จริงแล้วไป๋ลั่วไม่เคยจะแยกซิงเฉินกับซิงหยุนออก
แต่ เด็กชายที่อยู่ด้านหลังเขายิ้มอย่างไร้เดียงสาน่าจะเป็นคุณชายเล็กซิงเฉิน
เพราะบุคลิกของคุณชายเล็กซิงหยุน นั้นเป็นคนค่อนข้างเก็บตัวและเงียบ ไม่เคยจะยิ้มแบบนี้ออกมา
เขากระแอมไอ ก่อนจะยกมือขึ้นทักทาย “คุณชายเล็กซิงเฉิน”
“ครับ”
เด็กชายมองไป๋ลั่วด้วยรอยยิ้ม “คำพูดเมื่อกี้ของหม่ามี๊ คุณต้องบอกต่อแดดดี๊นะครับ”
ไป๋ลั่วพยักหน้า “ผมบอกแน่นอนครับ”
“คุนน้าไป๋ลั่ว”
เด็กชายกะพริบตาให้เขา “คุณก็รู้ใช่ไหมครับ ว่าแด๊ดดี้อยากให้หม่ามี๊มีน้องสาวให้พวกเรามาตลอด”
“ถ้าคุณเอาคำพูดเมื่อกี้ของหม่ามี๊ไปบอกแด๊ดดี้ด้วยวิธีที่แด๊ดชอบ แด๊ดน่าจะมีความสุขมากกว่า”
ไป๋ลั่วนิ่งไป เพียงไม่นานเขาก็รีบพยักหน้า “เข้าใจครับ!”
“งั้น สู้ๆนะครับ!”
…………
พอถึงแปดโมง ฉินโม่หานโดนไป๋ลั่วปลุกตื่นขึ้นมาทประชุม
การประชุมยืดเยื้อไปประมาณครึ่งชั่วโมง
หลังจากที่ประชุมเสร็จ ไป๋ลั่วเดินมายืนหลังชายหนุ่มด้วยความเคารพ “คุณชายคุณนายตื่นมาทำมื้อเช้าให้คุณตั้งแต่เช้าตรู่เลยครับ”
“ก่อนเธอจะออกไปเธอฝากผมมาบอกคุณ……”
ไป๋ลั่วที่กำลังจะพูดออกมา ดันนึกถึงเรื่องที่“ซิงเฉิน”เน้นย้ำเขาก่อนหน้านี้
และแล้วเขาก็สูดหายใจเข้าอย่างลึก “คุณนายบอกว่า เพื่อลูกสาวของคุณกับแก หวังว่าจากนี้คุณจะพักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายจะต้องแข็งแรง แกถึงจะยอมมีลูกสาวให้คุณครับ”
ขณะที่พูดประโยคนี้ออกมา เขาอดไม่ได้ที่จะใช้หางตาเหลือบมองไปทางชั้นบน
ใบหน้าของเด็กชายโผล่ออกมา บริเวณระเบียงบันได
เขายกนิ้วโป้งขึ้นให้กับไป๋ลั่ว แล้วหันหลังกลับเข้าห้องนอน
เพราะฉะนั้นไป๋ลั่วไม่มีทางเห็น ว่าหลังจากที่เด็กชายหันหลังนั้น รอยยิ้มที่ปรากฏบนหน้าได้หายไป กลายเป็นใบหน้าที่เย็นชาเหมือนเดิม
เขากลับเข้าห้องเด็ก มองไปยังซิงเฉินที่นอนหลับสนิทไม่รู้ตัว ริมมุมฝีปากเขายกยิ้มขึ้น
“น้องชาย ไม่ได้มีแค่นายที่ปลอมตัวเป็นฉันเป็นนะ”
พูดจบ เขาเปลี่ยนชุดนอนกลับคืน นั่งลงบนเก้าอี้เงียบๆ แล้วอ่านหนังสือต่อ
……
การถ่ายทำทั้งวัน ซูสือเยว่รู้สึกเหนื่อยแต่ก็ตื่นตัว
พอตกเย็นเลิกงาน เธอที่ยืนรอรถอยู่หน้ากองถ่าย
ได้ยินเสียงนินทากันไม่หยุดของนักแสดงหญิง
“พวกเธอว่า นักแสดงชายยอดเยี่ยมอย่างจี้หนานเฟิงไปทำให้ใครไม่พอใจกัน? ทำไมวันนี้ถึงได้มีข่าวโยงกับดาราหญิงไปทั่วแบบนี้?”
“เมื่อวานฉันยังรู้สึกว่าที่เขาเจอกับซูสือเยว่คงจะไม่จริง ไม่คิดว่าวันนี้จะมีคนรูปปล่อยออกมาเยอะขนาดนี้!”
“พอแบบนี้แล้ว นักแสดงชายยอดเยี่ยมจี้น่าสงสารจริงๆ วันนี้ดาราหญิงพวกนั้น น่าจะสิบกว่าคนเลยมั้ง ทุกคนคงอยากจะเกาะเขาดัง……”
……
ซูสือเยว่ที่ฟังพวกเธอนินทากัน ขมวดคิ้ว แล้วกดเข้าดูเวยป๋อ
โอ้โห
ข่าววงการบันเทิงทั้งหมดมีแต่ข่าวของจี้หนานเฟิง
แล้วเนื้อหาข่าวทั้งหมดก็เกี่ยวข้องกับดาราหญิงทั้งนั้น
“จี้หนานเฟิงและหนานจื่อยีเข้าออกพร้อมกัน”
“จี้หนานเฟิงร่วมดินเนอร์กับหานซู่ซู่”
“ความสัมพันธ์ระหว่างจี้หนานเฟิงและลั่วเยียน”
“จี้หนานเฟิงคบผู้หญิงกี่คนกันแน่?”
……
ทั้งหน้ากระดาน มีแต่ข่าวของจี้หนานเฟิงกับดาราหญิง
พอเทียบกับข่าวพวกนี้แล้ว รูปคู่ของซูสือเยว่กับจี้หนานเฟิง ดูเทียบกันไม่ได้เลย ถึงขั้นไม่มีการถกเถียงอะไรกัน
ซูสือเยว่รู้สึกอยากหัวเราะ
เธอนึกถึงพวกแฟนคลับผู้หญิงที่ล้อมและดักเธอไว้เมื่อวาน
เมื่อวานพวกเธอแทบจะบ้าคลั่งเพราะรูปคู่ของเธอกับจี้หนานเฟิง ข่าววันนี้ พวกเธอคงคลั่งกันไปแล้ว?
ทันใดนั้น มาเซราติคันสีดำจอดลงตรงหน้าเธอ
หน้าต่างรถถูกเลื่อนลง เผยหน้าใบหล่อของฉินโม่หาน “ขึ้นรถ”
ซูสือเยว่รีบเปิดประตูเข้ารถ
หลังจากที่เข้ามานั่งในรถ เธอยังคงเลื่อนโทรศัพท์ข่าว ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกตลก
ในข่าวยังมีตอนที่นักข่าวสัมภาษณ์จี้หนานเฟิงวันนี้ สีหน้าจี้หนานเฟิงที่ทำอะไรไม่ถูก
พอเห็นว่าเธอเอาแต่หัวเราะกับโทรศัพท์ ฉินโม่หานขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ “โทรศัพท์น่าดูกว่าฉัน?”
ซูสือเยว่ชะงัก ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลง “กำลังดูข่าวของจี้หนานเฟิงหน่ะ”
พอเธอพูดเช่นนั้นออกมา ก็ดันนึกถึงเรื่องบางอย่าง
“เมื่อวานนายบอกว่า……จะจัดการจี้หนานเฟิง”
“ข่าวบนโซเชียลพวกนี้ นายคงไม่ได้เป็นคนทำหรอกใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ฉัน”
สายตาที่นิ่งของฉินโม่หานมองไปยังนอกหน้าต่าง “ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น”
เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ ต้องเป็นฝีมือของซิงหยุนกับซิงเฉินแน่นอน
ชายหนุ่มตอบกลับ ทำให้ซูสือเยว่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
เธอกระแอมอเสียงเบา แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยดื้อๆ “ทำไมวันนี้ถึงมารับฉันเองหล่ะ?”
“วันนี้ซูจิ่นเฉิงติดต่อฉันมา”
ฉินโม่หานหันหน้ามามองเธอ “เขาบอกให้ฉันไปเที่ยวบ้านตระกูลซู แล้วเน้นย้ำว่าไม่ให้พาเธอไปด้วย”
“แต่นอกจากเธอแล้ว ฉันไม่มีอะไรที่ต้องคุยกับเขา ก็เลยกะจะพาเธอไปด้วย”