พอเห็นซูสือเยว่ ใบหน้ายิ้มแย้มเดิมทีของซูจิ่นเฉิงที่มีต่อฉินโม่หานเปลี่ยนไปในทันที
เขาใช้สายตาที่เยือกเย็นมองไปยังซูสือเยว่ “ทำไมเธอถึงกลับมา?”
เขานัดให้ฉินโม่หานมาที่บ้านแค่คนเดียวหนิ
ซูสือเยว่คงกังวลว่าเขาจะบอกอะไรฉินโม่หาน ก็เลยหน้าด้านตามมาสินะ?
พอนึกได้เท่านี้ มุมปากของเขาก็เกี่ยวยิ้มเยาะเย้ย “ลูกสาวแต่งงานไปหนึ่งเดือนกว่าแล้วไม่เคยพาลูกเขยกลับบ้านมา ฉันที่เป็นพ่อก็เลยออกหน้าเชิญท่านชายฉินมาเที่ยวที่บ้านไง”
“โม่โม่บอกว่าช่วงนี้เธอยุ่งอยู่กับข่าวลือกับพวกดาราชาย พ่อกลัวรบกวนลูก ก็เลยไม่กล้าติดต่อ……”
พูดจบ เขาก็มองซูสือเยว่อยู่นานพอสมควร “แต่พ่อไม่คิดว่า เธอยุ่งขนาดนี้ แค่ได้ยินว่าพ่อเชิญท่านชายฉินมาที่บ้าน ก็เลยรับตามมาเลย?”
“ลูกไว้ใจได้ พ่อไม่เอาเรื่องในอดีตของลูกมาบอกท่านชายฉินมั่วๆหรอก เธอไม่ต้องกลัวขนาดนี้!”
ซูสือเยว่ชะงัก เงยหน้ามองใบหน้าของซูจิ่นเฉิง
จากรอยยิ้มที่เยาะเย้ยของเขา เธอเข้าใจเป้าหมายวันนี้ของซูจิ่นเฉิงขึ้นมาทันที!
ก่อนหน้านี้ที่ฉินโม่หานพาเธอมานั้น ตลอดทางที่มาที่นี่ เธอคิดไม่ออกเลยว่า ซูจิ่นเฉิงจะคุยเรื่องอะไรกับฉินโม่หาน
แต่ตอนนี้ รอยยิ้มของซูจิ่นเฉิง เธอเข้าใจมันแล้ว!
คนที่เธอนับถือเป็นพ่อนั้น ต้องการจะฉีกหน้าของเธอ โดยการเอาเรื่องในอดีตทุกเรื่องบอกให้ฉินโม่หาน
สีหน้าของหญิงสาวเริ่มไม่ดี
เพียงไม่นาน เธอถึงจะหาเสียงเธอกลับมาได้ “คุณซูอยากจะสูญเสียทุกอย่างไปพร้อมกับฉันหรอคะ?”
ขอให้เขาอย่าลืม ตอนที่เธอแต่งงานกับฉินโม่หาน เขาซูจิ่นเฉิงเป็นคนจัดการเองทุกอย่าง!
ถ้าหากฉินโม่หานรังเกียจเธอขึ้นมา หรือถามหาความรับผิดชอบ ไม่เป็นผลดีต่อเธอแน่ๆ เขาซูจิ่นเฉิงต้องการสูญเสียทุกอย่างจริงๆหรอ?
ซูจิ่นเฉิงเกี่ยวยิ้มขึ้น แล้วมองหน้าเธออย่างเย็นชา
เขากำลังจะพูดต่อ แต่ประตูหน้าบ้านถูกเปิดออกเสียก่อน
ซูโม่เดินออกมาอย่างร่าเริง “พ่อคะ ให้พี่กับท่านชายฉินเข้าไปเถอะค่ะ ข้างนอกไม่ใช่ที่ที่คุยกัน”
ซูจิ่นเฉิงขมวดคิ้วเข้าหากัน ก่อนจะจ้องตาซูสือเยว่ ก่อนจะหันไปทำท่าผายมือเป็นการ “เชิญ”ให้เขา “ท่านชายฉิน เราเข้าไปคุยกันเถอะ ผมเตรียมชาไว้ให้คุณด้วย”
ฉินโม่หานเหลือบมองเขาเบาๆ หันตัวไปโอบไหล่ของซูสือเยว่ “ไป”
“ท่านชาย”
ซูโม่รีบยื่นมาจับแขนของซูสือเยว่ “คุณเข้าไปก่อนเลยค่ะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่นิดหน่อย”
ฉินโม่หานไม่อยากจะมองเธอเลยไม่แต้น้อย เขาก้มลงแล้วมองตาของซูสือเยว่ “จะคุยกับเขา หรือเข้าไปกับฉัน”
ซูสือเยว่เม้มปาก ก่อนจะมองหน้าซูโม่
เพียงไม่นาน เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วดึงมือฉินโม่หานออก “นายเข้าไปก่อนเลย”
ฉินโม่หานขมวดคิ้ว ส่งสัญญาณให้ไป๋ลั่วที่อยู่ไกลออกไปว่าให้คอยดูเธอไว้ แล้วเดินเข้าประตูตามซูจิ่นเฉิง
เขารู้ ว่าซูสือเยว่ต้องมีเรื่องที่ปิดบังเขาไว้แน่นอน
เขาไม่ใช่คนโง่สักหน่อย คำพูดของซูสือเยว่กับซูจิ่นเฉิงที่คุยกันเมื่อกี้ เขาได้ยินก็เข้าใจ
น่าจะเป็นเพราะซูจิ่นเฉิงกุมความลับบางอย่างของซูสือเยว่อยู่
แล้วความลับนี้ เป็นเรื่องที่เธอกลัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ชายหนุ่มมองย้อนกลับไปที่หญิงสาวที่หน้าซีดในระยะไกล ก่อนจะหันกลับแล้วเดินตามซูจิ่นเฉิงเข้าประตูไป
“ปัง” เสียงประตูถูกปิดลง
ซูสือเยว่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แล้วมองไปทางที่แผ่นหลังของฉินโม่หานหายไป หัวใจเธอเหมือนมีอะไรมาขุดให้ว่างจนรู้สึกไม่สบายใจ
เธอนึกถึงตอนที่อยู่ในรถเมื่อก่อนหน้านี้ เขากอดเธอไว้อย่างแน่น กับคำพูดที่บอกว่าจะไม่รังเกียจเธอ
ก่อนที่จะลงจากรถ เธอยังรู้สึกว่าเธอนั้นมีความสุขอยู่เลย
แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกแค่ว่าหลังของเธอเริ่มหนาวสั่น
เธอคิดว่าเธอก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ควรทำ
ซูจิ่นเฉิงให้เธอแต่งงาน เธอก็แต่ง
ครั้งก่อนที่ซูโม่วางแผนให้ประธานหวางทำเรื่องไม่ดีกับเธอ เธอก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากซูโม่
หลังจากที่แต่งงาน เธอพยายามที่จะไม่ติดต่อกับตระกูลวู หรือแม้แต่ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับตระกูลซูอีก
แต่ความพยายามเหล่านี้ที่เธอทำ เหมือนจะไม่ได้ทำให้ซูจิ่นเฉิงรู้สึกพอใจ
เขายังจะเอาเรื่องแย่ๆเมื่อก่อนของเธอ มาบอกฉินโม่หานทั้งหมดอีก
“ซูสือเยว่ เธอจะตามมาด้วยทำไม หาเรื่องใส่ตัวหรือไง?”
พอเห็นฉินโม่หานเดินตามซูจิ่นเฉิงเข้าประตูไปซูโม่เดินออกมาพร้อมรอยยิ้มที่เยือกเย็น
เธอยืนกอดอกอยู่ที่ขั้นบันได และใช้สายตามองต่ำลงมาที่ซูสือเยว่ “ดูท่าเธอแล้ว น่าจะรู้แล้วสินะว่าวันนี้พวกฉันจะทำอะไร?”
“รูปกับคลิปตอนนั้นของเธอ ฉันเอาให้พ่อหมดแล้ว”
ซูสือเยว่กัดฟัน เงยหน้าขึ้น จ้องมองเธออย่างเย็นชา “พวกเธอจะทำอะไรกันแน่?”
“ง่ายมาก”
ซูโม่ยกยิ้มมุมปาก หัวเราะจนตัวสั่น “เดิมทีคนที่ต้องแต่งงานกับท่านชายฉิน คือฉัน”
“ตอนนั้นฉันคิดว่าท่านชายฉินจะเป็นแบบที่เขาว่ากัน ที่ทั้งแก่ทั้งนิสัยไม่ดีขี้โมโห”
“แต่พอฉันเจอท่านชายฉินตัวจริง ฉันเพิ่งรู้ว่าที่เขาว่ากันนั้นมันเป็นเรื่องปลอม ฉันเข้าใจเขาผิดไปเอง”
“แต่ตอนนี้ก็เคลียร์หมดแล้ว ฉันก็น่าจะกลับไปอยู่เคียงข้างท่านชายฉิน แล้วเป็นคุณนายฉินดีๆ”
พูดจบ เธอก็มองไปทางไกลก่อนจะเริ่มเพ้อฝัน “เมื่อก่อนฉันใจแคบเกินไป ฉันรู้สึกว่าถ้าท่านชายฉินขี้เหร่ นิสัยก็ไม่ดี ถึงเขาจะรวยขนาดไหนฉันก็จะไม่ยอมแต่งงานกับเขาเด็ดขาด”
“แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่า เรื่องพวกนี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ขอแค่เขายอมให้เงินฉัน ยอมเลี้ยงฉัน ถึงเขาจะไม่ชอบฉัน แค่ฉันได้เห็นใบหน้าอันหล่อของเขาฉันก็มีความสุขแล้ว”
“ซูสือเยว่ อย่าคิดว่าฉันทำตัวไม่ดีกับเธอเลยนะ ขอแค่เธอไม่มายุ่ง แล้วเซ็นหย่ากับเขาเงียบๆ ฉันยอมให้เธอหนึ่งล้าน พอที่จะให้เธอกับพ่อเธอใช้ไปทั้งชาติแล้ว”
มือทั้งสองข้างของซูสือเยว่ที่แนบลำตัวกำมือแน่น
เธอเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องซูโม่ด้วยสายตาที่ดุร้าย “เพราะฉะนั้น เธอเห็นว่าฉินโม่หานหน้าตาดีกว่าที่เธอคิด ก็เลยรู้สึกเสียใจทีหลัง แล้วอยากแต่งงานกับเขา?”
“ประมาณนั้น”
ซูโม่เกี่ยวยิ้มเบาๆ “พ่อเข้าไปกับเขา ตอนนี้น่าจะเอาหลักฐานที่เธอเคยคลอดลูกให้เขาดูหมดแล้วแหละ”
“เห้อ ซูสือเยว่ เธอดูสิว่าฉันห่วงใยเธอแค่ไหน”
“ฉันรู้ว่าถ้าเธอเข้าไปกับท่านชายฉิน เธอคงทำใจไม่ได้ที่เห็นภาพพวกนั้น ฉันก็เลยตั้งใจขวางเธออยู่หน้าประตู”
มือของซูสือเยว่กำแน่นกว่าเดิม
เพียงไม่นาน เธอก็หัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น “งั้นฉันต้องขอบคุณที่เธอเป็นห่วงนะ”
เธอหันหน้า แล้วมองไปยังซอกมุมหนึ่งที่อยู่ไกลจากตรงนี้ มุมปากของเธอยกยิ้มขึ้น “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันก็ไม่สามารถจะไปเปลี่ยนใจฉินโม่หานไม่ให้ทิ้งฉันได้”
“แต่ว่า ช่วงนี้ ฉันก็ได้รู้ความชอบมากมายของฉินโม่หาน”
“ประสบการณ์พวกนี้ฉันเป็นคนสรุปเอาเอง น่าจะช่วยให้เธอมัดใจเขาได้ ถ้าไม่อย่างนั้น เธอก็รู้ ว่าคนอย่างเขา อารมณ์ร้ายแค่ไหน ถ้าเธออยากให้เขาสนใจเธอ เธอต้องเปลืองแรงมาก”
ซูโม่ชะงัก ส่วนใหญ่น่าจะเป็นเพราะไม่คิดว่าซูสือเยว่จะบอกเธอเรื่องนี้
แต่ว่า เธอรู้สึกสนใจความชอบของฉินโม่หานเป็นอย่างมาก!
“ว่ามา เงินเท่าไหร่ถึงจะบอกฉัน?”
“หนึ่งแสน”
แค่หนึ่งแสน?
“ดีล!”
ซูโม่ไม่พูดอะไรต่อ แล้วโอนเงินหนึ่งแสนให้ซูสือเยว่ทันที “ว่ามา”
พอเห็นแจ้งเตือนเงินเข้าในโทรศัพท์ มุมปากของซูสือเยว่ยกยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น
แต่เธอใช้สายตาที่จริงใจมองซูโม่ “เรื่องความลับพวกนี้ เราคุยกันที่นี่คงจะไม่ดี”
พูดจบ เธอก็ชี้ไปทางซอกด้านหลังทันที “ไปคุยที่นั่นดีกว่า ที่นั่นเงียบกว่า เธอจะได้อัดเสียงด้วย”
ซูโม่หัวเราะเยาะเย้ย “ไม่คิดว่าเธอจะใส่ใจขนาดนี้”
ซูสือเยว่ยกยิ้มขึ้น แน่นอนว่าเธอใส่ใจมาก!
ทั้งสองเดินเข้าไปในซอกมุมหนึ่ง
ไป๋ลั่วที่คอยสังเกตซูสือเยว่อยู่ทางไกลรีบตามไป
เขาเพิ่งจะเดินมาถึงหน้าทางเข้าของซอกตรงนั้น ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่ดังขึ้น
เสียงกรี๊ดนี่มัน……เหมือนไม่ใช่เสียงของคุณนาย……