ซูจิ่นเฉิงมองใบหน้าของฉินโม่หานไปด้วยความตื่นตกใจ “ท่านชายฉิน นี่มัน…”
“ขอบคุณคุณที่บอกเรื่องพวกนี้กับฉัน”
ชายหนุ่มเลิกสายตาขึ้นมองซูจิ่นเฉิงไปนิ่งๆ ในดวงตาได้ประดับไปด้วยความเยือกเย็นที่ล้ำลึกจนมองไม่เห็นบึ้งลึกภายใน “ภาพพวกนี้คงจะแอบถ่ายมาตั้งแต่ตอนที่เธอยังไม่ได้คลอดลูก”
“ตอนที่เธอคลอด ก็ยังฉวยโอกาสช่วงที่เธอทุกข์ทรมาน เอากล้องไปจ่อหน้าเธอ”
เสียงของฉินโม่หานเยือกเย็นเสียงจนไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย “ดังนั้นแล้ว พวกคุณก็ใช่ว่าจะเพิ่งจะมารู้อดีตของเธอเอาตอนนี้ แต่รู้มาโดยตลอด สืบเสาะมาโดยตลอด”
ซูจิ่นเฉิงเห็นท่าไม่ดีขึ้นมาทันที จึงรีบแย้งออกไปทันที “เปล่า เปล่านะครับ!”
“ภาพพวกนี้พวกเราไม่ได้เป็นคนถ่าย พวกเราเอามาจากคนอื่น…”
“อย่างนั้นแล้วก็เป็นภาพที่คนอื่นถ่ายมา?”
ฉินโม่หานเปลี่ยนท่าทางที่สบายๆออกมา ขายาวพาดลงไปบนโต๊ะ มือทั้งสองข้างยกขึ้นกอดอก แสดงท่าทีที่ต้องการจะคิดบัญชีกับซูจิ่นเฉิงให้ถึงที่สุด “คุณสามารถบอกฉันมาโดยที่ไม่ต้องสนใจอะไร ใครเป็นคนถ่ายภาพ คุณใช้เงินเท่าไหร่ซื้อมันมา”
“ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าคนอื่นเขาจะแก้แค้น ที่เมืองหรงนี้ฉันเป็นพระเจ้า”
ซูจิ่นเฉิงนิ่งอึ้งไป
“ไม่ ไม่จำเป็นแล้ว…”
“อันที่จริงมันก็ผ่านมานานแล้ว ไม่จำเป็น…ไม่จำเป็นที่จะต้องสืบเสาะแล้ว”
แต่ฉินโม่หานกลับยกยิ้มจางๆออกมา “แต่ฉันอยากสืบให้มันกระจ่าง”
ใบหน้าของซูจิ่นเฉิงได้เปลี่ยนมาซีดออกมา
ไม่ว่ายังไงเขาก็นึกไม่ถึงเลย เรื่องมันกลายมาเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง?
สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเขาก็กระแอมออกมาเบาๆทีนึง “คุณอย่าไปสืบอะไรมากมายเลยดีกว่านะครับ”
“ผมให้คุณดูของพวกนี้ ก็แค่อยากให้คุณได้รู้ว่า…ซูสือเยว่เป็นผู้หญิงสกปรกแค่ไหน เป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอายมากแค่ไหน”
ฉินโม่หานใบหน้าบึ้งตึง กวาดตามองใบหน้าของเขาไปด้วยสายตาที่หยิ่งเย็นชาออกไป “ซูสือเยว่สกปรกยังไง?”
“เธอ เธอเคยมีลูกน่ะครับ…”
ชายหนุ่มเปลี่ยนท่าที่สบายๆ ก้มหน้าเลื่อนโทรศัพท์ในมือไป มุมปากยกยิ้มเยาะหยันออกมา “ผู้หญิงที่เคยมีลูกมาก่อนก็สกปรกแล้ว?”
ซูจิ่นเฉิงใบหน้าซีดเผือดออกมา
เขาสูดหายใจลึกๆ แล้วเอ่ยพูดออกมาต่อ “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้…ความหมายของผมก็คือซูสือเยว่เธอท้องก่อนแต่ง ไม่ว่าจะยังไงมันก็ดูไร้ยางอายทั้งนั้น…”
ฉินโม่หานมองเขาไปแวบนึง “สกปรก ไร้ยางอาย”
“คุณพูดออกมาว่าในสายตาของคุณซูสือเยว่ไม่ได้ต่างไปจากลูกสาวแท้ๆของคุณ อย่างนั้นแล้วถ้าหากว่ามีวันหนึ่งที่ซูโม่เป็นแบบนี้ คุณจะบรรยายเธอออกมาอย่างนี้มั้ย?”
ซูจิ่นเฉิงใบหน้าซีดเผือด ไม่พูดอะไร
“ในรูปพวกนี้ ซูสือเยว่ที่คุณเห็นนั้นเป็นคนที่สกปรกและไร้ยางอาย”
“แต่ในความคิดของฉันแล้ว มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด”
“ช่วงที่ผู้หญิงคนนึงต้องการให้คนในครอบครัวดูแลและคอยอยู่เป็นเพื่อนกันที่สุดนั่นก็คือตอนที่เธอท้อง”
“แต่ในภาพพวกนี้ นอกจากฟู๋เชียนเชียนที่ปรากฏออกมาเป็นครั้งคราวแล้ว ฉันก็ไม่เห็นคนในครอบครัวหรือเพื่อนคนไหนของเธอเลย”
“คนตระกูลซูของพวกคุณว่างหาคนแอบถ่ายรูปของเธอ แต่กลับไม่มีใครยอมหาเวลาไปเป็นห่วงเธอ ไปดูแลเธอเลย”
“นี่คือสิ่งที่คุณพูดออกมาว่าเห็นเธอเป็นเหมือนลูกสาวแท้ๆน่ะเหรอ?”
บนใบหน้าของซูจิ่นเฉิงในที่สุดก็ข่มกลั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว “ท่านชายฉิน จะว่าอย่างนี้ไม่ได้นะครับ…”
“ซูสือเยว่ตอนนั้นเพื่อที่จะหาเงินไปจัดการเรื่องสัญญาให้กับเฉิงเซวียนแฟนหนุ่มของเธอ ก็ได้ไปมีลูกให้คนอื่นอย่างไร้ยางอาย ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้ แต่ก็ไม่มีทางที่จะไปเป็นห่วงเป็นใยเธอกับไอ้เด็กที่อยู่ในท้องเธอหรอก…”
ความเยือกเย็นบนใบหน้าของฉินโม่หานก็ได้เพิ่มขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
เธอทำเรื่องพวกนี้ ทั้งหมดก็เพื่อเฉิงเซวียนคนนั้นงั้นเหรอ…
เขาได้นึกไปถึงคืนวันที่เธอเพิ่งจะแต่งให้กับเขาคืนนั้น
วันนั้น เธอนั่งอยู่บนโซฟาอ่านข่าวกับเซี่ยงหวั่นฉิงไปพลาง ดื่มเหล้าไปพลาง
เขายังจำได้ว่าวันนั้นเธอกอดเขาเอาไว้อย่างเศร้าๆ บอกให้เขาอย่าได้รังเกียจถ้าเธอสกปรก…
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว แววตาของชายหนุ่มก็เยือกเย็นขึ้นกว่าเดิม “ตอนนั้นค่ายกเลิกสัญญาของเฉิงเซวียนเท่าไหร่?”
เจอเขาถามสิ่งนี้ออกมา ซูจิ่นเฉิงตื่นตัวขึ้นมาทันที เขาพูดแนะนำออกมาเป็นน้ำไหลไฟดับ “ตอนนั้นเฉิงเซวียนไม่มีชื่อเสียง ค่ายกเลิกสัญญาและค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ในการลบล้างประวัติไม่ดีที่จะตามมา รวมๆกันแล้วก็ประมาณสองล้านหยวนครับ!”
“คุณว่าซูสือเยว่เป็นผู้หญิงน่ารังเกียจมั้ยล่ะครับ?”
“ถึงแม้ว่าพูดอย่างนี้มันจะไม่ค่อยจะดีนัก แต่ผมก็ต้องพูด ความต่ำตมอะไรพรรค์นี้ มันอยู่ในกระดูกอยู่ในสายเลือดแล้ว!”
“เธอเหมือนกับไอ้พ่อขี้เมาคนนั้นของเธอ เพื่อเงินแล้วก็ไม่แคร์อะไรเลย!”
“ไหนเลยจะเหมือนกับโม่โม่ของเรา…”
ฉินโม่หานหรี่ตาลง “ประมาณสองล้าน สำหรับซูซื่อกรุ๊ปแล้ว อันที่จริงมันก็ไม่ได้มากมายอะไรใช่มั้ยล่ะ?”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ!”
“ซูซื่อกรุ๊ปของพวกเราถึงแม้ว่าจะเทียบฉินซื่อกรุ๊ปไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นบริษัทที่มีมูลค่ากว่าร้อยล้าน…”
ฉินโม่หานลุกยืนขึ้น ร่างสูงใหญ่ของเขาได้ให้ความรู้สึกกดดันที่มองไม่เห็นให้กับซูจิ่นเฉิง
ชายหนุ่มมองชายวัยกลางคนตรงหน้าจากบนลงล่าง “ดังนั้นแล้ว ซูสือเยว่เผชิญกับความยากลำบากตอนนั้น ตระกูลซูกลับไม่ได้ช่วยเธอ”
“ถึงแม้ว่าสองล้านสำหรับซูซื่อกรุ๊ปแล้ว เพียงแค่เรื่องคำพูดประโยคเดียว พวกคุณเองก็ไม่ได้ช่วยเธอ สุดท้ายเธอก็ต้องเลือกใช้วิธีหาเงินของเธอเอง พวกคุณยังจะมาถ่ายของพวกนี้มาอีก เก็บไว้มาเหยียบย่ำเธอในอนาคต ใช่มั้ย?”
บรรยากาศภายในห้องหนังสือก็ได้นิ่งค้างไปทันที
ซูจิ่นเฉิงมองฉินโม่หานไปด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด
เขาอ้าปากพงาบๆ อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่กลับถูกแรงกดดันที่ทรงพลังของชายหนุ่มคนตรงหน้าทำเอาพูดออกไปไม่ออกเลยสักประโยคเดียว
“ไม่พูดก็หมายความว่ายอมรับแล้วใช่มั้ย?”
ฉินโม่หานแสยะริมฝีปากออกมาอย่างเยาะหยัน “เมื่อก่อนฉันคิดแค่ว่าเธอกับพวกคุณมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกัน แต่นึกไม่ถึงว่าเธออยู่ที่ตระกูลซู จะมีชีวิตอย่างนี้”
“ต่อจากนี้ไป ได้โปรดอย่าใช้สถานะที่เป็นพ่อเลี้ยงซูสือเยว่มาคิดไปเองอีก บุญคุณที่เธอติดค้างคุณมันควรจะคืนกลับไปหมดตั้งนานแล้ว”
“และก็อย่าไปพูดกับคนอื่นอีกว่าคุณเป็นพ่อตาของฉันอีก พ่อตาจริงๆของฉันควรจะเป็นคนที่อยู่ในสลัมคนนั้น”
พูดจบ ชายหนุ่มก็ยกเท้าเตรียมที่จะเดินออกไป
ตอนที่เดินไปถึงหน้าประตู เขาก็ได้หันหน้ากลับไปราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ กวาดสายตามองซูจิ่นเฉิงไปอย่างเย็นชา “ต่อจากนี้ไปถ้ามีข่าวเกี่ยวกับซูสือเยว่มีลูกแพร่ออกมา ฉันจะคิดบัญชีกับคุณทั้งหมด”
“ตระกูลซูทางที่ดีที่สุดก็จำใส่หัวเอาไว้ว่าอยู่ได้พูดเรื่องนี้ออกไป”
พูดไปแล้ว เสียงดัง “ปัง”ก็ได้ดังขึ้น ประตูห้องหนังสือได้ปิดลง
ซูจิ่นเฉิงยืนอยู่ตรงที่เดิม เห็นบานประตูปิดเข้าหากันแน่น ตัวเขาก็ได้ตกอยู่ในภวังค์ไป
ทำไมถึง…
คนที่มีสถานะอย่างฉินโม่หาน ควรจะถือสาเรื่องที่ซูสือเยว่เคยมีลูกมาก่อนสิ!
ทำไมเขาถึงได้ปกป้องซูสือเยว่อย่างนี้…
…………
“ไป๋ลั่ว”
ออกมาจากตระกูลซู ฉินโม่หานไม่ได้เห็นซูสือเยว่ และก็ไม่เห็นซูโม่ด้วยเช่นกัน
“ครับคุณผู้ชาย”
ไป๋ลั่วมองซอยที่อยู่ทางนั้น “คุณผู้หญิงกับคุณหนูซูโม่เข้าไปในซอยนั้นครับ เหมือนกับว่าจะตบตีคุณหนูซูโม่ไปยกนึงครับ…”
“ผมไม่กล้าจะเข้าไปดู ก็เลยคอยเฝ้าอยู่ตลอด…”
ฉินโม่หานย่นคิ้วออกมา หูก็ยังได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงที่อยู่ด้านในซอยได้อยู่
“พวกเธอเข้าไปนานแค่ไหนแล้ว?”
“ยี่สิบนาทีแล้วครับ”
ยี่สิบนาที…
ฉินโม่หานเดินเข้าไป “ไปดูหน่อย”
ยี่สิบนาที คงไม่ตบกันเสียเละไปแล้วเหรอ?
แต่พอเขาเข้าไปในซอย ก็ได้พบว่าภายในซอยที่มืดสลัว มีเพียงซูโม่ที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น
“ช่วยด้วย…”
ฉินโม่หานมองลงไปยังเธอ “ซูสือเยว่ล่ะ?”
“เธอไปแล้ว…”
ซูโม่ฉีกยิ้มอ่อนแรงไปให้เขา “ซูสือเยว่เธอคิดว่าตัวเองสกปรก เรื่องพวกนั้นถูกคุณรู้เข้าแล้วคุณจะโกรธ ก็เลยไป…”