“ท่านชายฉิน…?”
ซูโม่จับขากางเกงของฉินโม่หานเอาไว้อย่างอ่อนแรง ดวงตาทั้งสองข้างมองเขาไปอย่างน่าสงสาร “ตอนนี้คุณคงจะรู้ว่าซูสือเยว่เป็นผู้หญิงที่สกปรกน่าขยะแขยงมากแค่ไหนแล้วใช่มั้ยล่ะคะ?”
“ทั้งๆที่เรื่องพวกนั้นล้วนแล้วแต่จะเป็นเธอที่ทำลงไปเองทั้งนั้น เธอมาลงความโกรธที่ฉัน แล้วยังทำร้ายฉันจนกลายเป็นอย่างนี้อีก…”
ซูโม่รอยช้ำและรอยบวมแดงบนหน้าตัวเอง เอ่ยออกมาทั้งน้ำตาว่า “แต่ถึงแม้ว่าฉันจะเจ็บมาก แต่ฉันก็มีความสุข”
“อย่างน้อยฉันก็ได้ช่วยท่านชายฉินให้ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูสือเยว่…”
คำพูดของหญิงสาว ทำให้ฉินโม่หานได้ย่นคิ้วออกมาจางๆ
เขาเตะเอามือของซูโม่ออกไปอย่างไม่แยแส มองลงไปยังใบหน้าที่บวมช้ำของเธอ “ถ้าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับสือเยว่ขึ้นมา ฉันจะฝังพวกเธอทั้งตระกูลซูไปให้เธอ!”
พูดจบ ชายหนุ่มก็ได้ผันร่างเดินออกไปทางรถ
ไป๋ลั่วตื่นตกใจ รีบเดินตามเข้ามา “คุณผู้ชายครับ ต้องเรียกคุณหมอมาให้เธอหรือเปล่าครับ?”
ผู้หญิงคนนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ถูกคุณผู้หญิงทำร้ายมา…
อีกทั้งดูจากสภาพแล้วเหมือนจะบาดเจ็บหนักเลยทีเดียว
ฉินโม่หานไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา “เธอได้รับบาดเจ็บในซอยทางเข้าบ้านตัวเอง คิดว่าจะตายได้หรือไง?”
ไป๋ลั่ว “…”
เหมือนกับว่าจะมีเหตุผล
“ส่งคนออกไปตามหา ตรวจกล้องวงจรปิดไปด้วย ฉันต้องการรู้ว่าซูสือเยว่ไปไหน!”
ขึ้นรถไป ฉินโม่หานโทรหาซูสือเยว่ไปพลาง ออกคำสั่งไปพลาง
“ครับ!”
……
บนรถโดยสารสาธารณะ โทรศัพท์ของซูสือเยว่ดังขึ้นมาไม่หยุด
เธอมองไปแวบนึง ชื่อที่ปรากฏออกมาคือ “ที่รัก”
เธอมองไปสักพัก แล้วก็ได้กดปิดเสียงไปทันที
ตอนนี้หัวใจเธอกำลังสับสนไปหมด ไม่มีกะจิตกะใจไปเป็นเพื่อนฟู๋เชียนเชียนแสดงละครเลยแม้แต่น้อย
เก็บโทรศัพท์กลับลงไปในกระเป๋า ซูสือเยว่เลิกสายตาขึ้นมองท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง พร้อมกับทอดถอนหายใจออกมา
ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังแดดจ้าอากาศดีอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับครึ้มฟ้าครึ้มฝน เมฆดำต่ำลงมาจนเหมือนกับว่ากำลังจะทลายลงมาก็ไม่ปาน
นี่เหมือนกับอารมณ์ของเธอไม่มีผิด
ทั้งๆที่ก่อนหน้าที่ไปตระกูลซู เธอยังมีความสุขสุดๆเพราะว่าฉินโม่หานบอกมาว่าไม่รังเกียจเธอ แต่ตอนนี้กลับเหลือเพียงความรู้สึกมืดมน
แต่แท้จริงแล้วนี่มันก็เป็นผลที่เธอจะต้องรับมันอยู่แล้ว
ใครๆก็ต้องชดใช้ให้กับความบ้าระห่ำในวัยเยาว์ของตัวเองกันทั้งนั้น ใครเขาใช้ให้ตอนนั้นเธอโง่อย่างนั้นล่ะ เพื่อเฉิงเซวียน ไม่ว่าเรื่องที่เกินไปแค่ไหนก็ยอมทำทั้งนั้น
โทรศัพท์ยังคงสั่นอยู่ในกระเป๋าไม่หยุด
ซูสือเยว่เลิกสายตามองขึ้นไป มองท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างไปอย่างเหม่อลอย มุมปากยกยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
หลังจากวันนี้ไป เธอไม่อาจเหมือนกับเมื่อก่อนได้อีกแล้ว ที่ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้น
…………
ฉินโม่หานโทรไปหาซูสือเยว่ประมาณสิบสายไปติดๆ แต่ก็ไม่มีการตอบกลับใดๆกลับมา
ด้านนอกหน้าต่างรถก็มีฝนเทลงมาห่าใหญ่
ชายหนุ่มโยนโทรศัพท์ไปข้างๆด้วยความกระวนกระวาย นิ้วมือเรียวยาวของเขาปิดลงไปบนดวงตาทั้งสองข้าง “ทางกล้องวงจรปิดเป็นยังไงบ้าง?”
“ตรวจเจอแล้วครับ”
เจอกับเจ้านายที่ระเบิดอารมณ์ออกมาได้ทุกเมื่อ ไป๋ลั่วก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆออกไป “คุณผู้หญิงเธออยู่บนรถโดยสารสาธารณะหมายเลข207 ตอนนี้คงจะอยู่ที่สถานีปลายทางแล้ว…”
ฉินโม่หานย่นคิ้วออกมา “สถานีปลายทางของหมายเลข207อยู่ที่ไหน?”
“อยู่ที่…”
ไป๋ลั่วลังเลไปชั่วขณะ “อยู่ที่สุสานหนานซานครับ”
แววตาของฉินโม่หานเยือกเย็นออกมาทันที!
ตรงหน้าได้ปรากฏภาพซูสือเยว่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหลุมฝังศพเล็กๆด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
“ขับรถ!”
ฝนห่าใหญ่ที่ตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั่วทั้งเมืองหรงได้กลืนหายไปหมด
ท่ามกลางฟ้าร้องฟ้าผ่า รถทุกคันล้วนแล้วแต่จะถูกบังคับให้ชับช้าลง
แต่รถมาเซราติสีดำคันนั้นกลับขับเร็วเหมือนกับดาบคมก็ไม่ปาน มุ่งตรงผ่านใจกลางเมืองขับมุ่งไปยังสุสานหนานซาน
ในสุสานของสุสานหนานซาน
ซูสือเยว่นั่งอยู่ตรงหน้าหลุมศพเล็กๆนั้น แขนกอดไปที่หลุมศพที่ไม่มีตัวอักษรนั้นแน่น
ลูกของเธอเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนด มีอายุเพียงแปดเดือนเท่านั้น
ไม่มีชื่อ ไม่มีหน้าตา
เธอรู้แค่เพียงว่าตัวเองเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล ต่อจากนั้นมาตอนที่มีความทรงจำกลับมาแล้ว ก็ได้ผ่านไปครึ่งปีหลังไปแล้ว
เจี่ยนเฉิงบอกเธอว่าลูกของเธอไม่อยู่แล้ว แต่เงินได้รับมาแล้ว เฉิงเซวียนไม่เป็นไรแล้ว
เธอร้องไห้อยู่นานมากๆ
ถึงแม้ว่าตอนแรกเธอก็รู้อยู่แล้วว่าลูกคนนี้ได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้วว่าไม่มีวาสนากับเธอ ถึงแม้ว่าจะเกิดมาแล้ว ชั่วชีวิตนี้ก็จะไม่มีทางได้มาเกี่ยวข้องกับเธอ
แต่เธอนึกไม่ถึงว่าลูกของเธอจะไม่อาจได้ลืมตาดูโลกเลยสักวันเดียว
เธอเองก็เคยถามเจี่ยนเฉิงไปด้วยเหมือนกันเกี่ยวกับรายละเอียดช่วงครึ่งปีที่เธอเสียความทรงจำไปนั้น
เจี่ยนเฉิงบอกแค่เพียงว่าเธอเสียสติไปเพราะว่าเสียใจมากที่ได้สูญเสียลูกไป
เขาถึงขนาดที่ให้เธอดูหลักฐานที่เธอเข้าพักที่โรงพยาบาลบ้า
เห็นบันทึกการรักษาพวกนั้นของตัวเองแล้ว ซูสือเยว่ถึงได้ยืนยันจนแน่ใจแล้วว่าลูกของเธอได้ตายไปแล้ว
เจี่ยนเฉิงบอกว่าเป็นเด็กผู้ชาย ตอนที่เกิดออกมาก็มีสีเขียวช้ำไปทั้งร่าง ศพก็ไม่ได้เก็บเอาไว้เช่นกัน
ดังนั้นแล้วหลุมศพที่อยู่ในอ้อมแขนเธอนั้นมันว่างเปล่า
ลูกที่ไม่มีชื่อ ตรงป้ายที่หลุมฝังศพก็เลยว่างเปล่า
และในตอนนี้ หัวใจของเธอเองก็ว่างเปล่าไปด้วยเช่นกัน
หญิงสาวกอดป้ายหลุมศพเอาไว้แน่น น้ำตาเทลงมาเหมือนกับฝนห่าใหญ่ที่อยู่ในอากาศ
น้ำฝนกับน้ำตาได้ผสมเข้าด้วยกัน เธอใช้นิ้วมือจับป้ายหลุมศพเอาไว้แน่น “ตอนนั้นแม่ควรจะไปพร้อมกันกับลูก…”
นับตั้งแต่นาทีที่เธอตอบรับเรื่องนั้นไป เธอควรจะรู้ว่าเพื่อเฉิงเซวียน เธอได้ทำลายทุกสิ่งอย่างในอนาคตของเธอไปด้วยมือเธอเอง
สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมาอย่างนี้ เป็นเธอที่ทำตัวของเธอเองทั้งนั้น
อันที่จริงเมื่อตอนนั้นเธอควรจะตายตามลูกไปด้วย
เธอไม่ควรที่จะร้องขอให้ชีวิตของตัวเองต่อจากนี้ไปได้มีชีวิตที่สดใสที่มันเกินตัวพวกนั้น
ไม่ควรคิดว่าเจอกับซิงเฉินกับซิงหยุนแล้ว จะเป็นการช่วยชดเชยให้กับชีวิตที่ผ่านมาของเธอ
หญิงสาวกอดป้ายหลุมศพเอาไว้ ร้องไห้จนฟ้ามืด
“คุณผู้ชายครับ นั่นคือคุณผู้หญิงล่ะมั้งครับ…”
รถมาเซราติสีดำจอดลงตรงหน้าประตูทางเข้าสุสาน ไป๋ลั่วมองผู้หญิงที่กำลังนั่งกอดป้ายหลุมฝังศพอยู่บนพื้นคนนั้นด้วยอาการตื่นตกใจ
คุณผู้หญิงถึงแม้ว่าบางครั้งจะดูน่ารัก แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ยังดูสวยจับใจอยู่ดี
นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋ลั่วเห็นเธอมีสภาพที่เสียการควบคุมกิริยาของตัวเองได้ถึงขนาดนี้…
“คุณผู้ชาย…”
คำพูดประโยคที่สองของเขาไม่ทันได้พูดออกมา ประตูรถก็ได้เปิดออกทันที
“ซูสือเยว่”
ท่ามกลางฝนตกหนัก เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มมันสงบนิ่งและทรงพลัง
ซูสือเยว่ที่เอาแต่กอดป้ายหลุมศพร้องไห้มาตลอดตื่นตกใจขึ้นมา ได้เงยหน้าขึ้นไปทันที
ตรงหน้า ได้มีชายชุดดำกำลังยืนกางร่มอยู่ตรงหน้าเธอ กำบังเธอให้อยู่ใต้ร่ม
ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและความโกรธเขียนอยู่เต็มไปหมด
หญิงสาวนิ่งอึ้งไป
เขายังถือสากันอยู่
ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาไม่มีทางไล่ตามกันมาถึงที่นี่ด้วยอารมณ์ที่โกรธอย่างนี้หรอก
ผ่านไปได้สักพัก ซูสือเยว่ก็ได้เงยหน้าขึ้นไป มองใบหน้าของฉินโม่หาน “ที่แท้ก็เป็นท่านชายฉิน มาเร็วจังเลยนะคะ”
เสียงของหญิงสาวแหบแห้งออกมาเล็กน้อย ประดับไปด้วยอาการสั่นออกมาเบาๆหลังจากที่ร้องไห้มา “ตอนนี้เย็นมากแล้ว”
ฟ้ามืดขึ้นมาบ้างแล้ว
ซูสือเยว่มองฉินโม่หาน สายตาไม่มีความอบอุ่นและเยื่อใยที่เคยมี “พรุ่งนี้เถอะ”
“คืนนี้ฉันจะไปนอนที่บ้านฟู๋เชียนเชียนสักคืน พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปเก็บกระเป๋า แล้วพวกเราก็ไปหย่ากันที่สำนักงานกิจการพลเรือน…”
ในเมื่อเขาแคร์อดีตของเธอ เธอก็ไม่จำเป็นจะต้องฝืนอยู่ข้างกายเขาอีก
ความฝันฉากใหญ่ มันก็ควรจะตื่นขึ้นมาได้แล้ว
จะเสียดายก็แต่เธอยังไม่ทันได้ทำอาหารเลี้ยงอำลาให้ซิงหยุนกับซิงเฉินดีๆเลยสักมื้อ
คิ้วของฉินโม่หานขมวดเข้าหากันแน่น
เขาโยนร่มกันฝนทิ้งไป แล้วดึงซูสือเยว่ขึ้นมา จ้องมองเธอไปด้วยสายตาที่เยือกเย็น “โทรหาคุณไม่รับสาย ผมตามหาคุณเกือบจะทั่วทั้งเมืองหรง แต่นึกไม่ถึงว่าคุณจะมาพูดเรื่องหย่ากับผม?”
“ซูสือเยว่ ผมบอกคุณเอาไว้เลยว่าผมจะไม่มีทางหย่า ชั่วชีวิตนี้ของคุณอย่าได้คิดที่จะหนีไปจากผม!”