สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 94 ไม่อาจไปรบกวนการพักผ่อนของเธอได้

ฝนห่าใหญ่ตกลงมาบนหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของชายหนุ่ม ให้ความรู้สึกมีเสน่ห์เซ็กซี่เป็นอย่างมาก

ซูสือเยว่มองฉินโม่หานไปด้วยอาการนิ่งอึ้ง เสียงสั่นออกมาเล็กน้อย “คุณ…หมายความว่าอะไร?”

หรือว่าเขาจะไม่ได้มาหาเธอเพราะโกรธเรื่องในอดีตของเธองั้นเหรอ?

“ความหมายของผมก็คือ”

ฉินโม่หานจับขากรรไกรล่างของเธอ พูดย้ำชัดออกมาทีละคำ “ซูสือเยว่ ผมถือสาเรื่องที่คุณเคยมีลูกให้คนอื่น”

หัวใจของหญิงสาวเย็นเฉียบขึ้นมาทันที

อย่างที่คิดเอาไว้เลย…

อะไรๆที่พูดออกมาว่าไม่มีทางจะรังเกียจเธอ ไม่มีทางจะไม่ต้องการเธอ มันโกหกทั้งนั้น

ถึงแม้ว่าเขาจะพิเศษ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังคงเป็นชายทั่วไปคนหนึ่ง

เขารับอดีตของเธอไม่ได้ เธอไม่โทษเขาหรอก

มันเป็นความผิดของเธอทั้งหมด ทั้งหมดเป็นเธอที่ปกปิดมันเอาไว้…

“ดังนั้นแล้วผมไม่อนุญาตให้คุณไปจากผม”

ฉินโม่หานหรี่ตาลง น้ำเสียงทุ้มต่ำ ดังก้องออกมา “คุณจะต้องอยู่ข้างกายผม ตั้งใจชดใช้ให้ผม มีลูกให้ผมสามคน”

“หนึ่งปีไม่ได้ก็สองปี สองปีไม่ได้ก็ทั้งชีวิต ไม่มีลูกให้ผมก็อย่าได้คิดจะไปจากผม!”

พูดจบ ในระหว่างที่ซูสือเยว่แสดงแววตาที่ตื่นตกใจออกมาอยู่นั้น ชายหนุ่มได้กอดเธอเข้ามาสู่ในอ้อมแขน

ความหนาวเหน็บของฝนกับความอบอุ่นที่หน้าอกของเขา ทำให้ซูสือเยว่เคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะหนึ่ง

พอรู้ตัวอีกที เธอก็ได้คว้าปกเสื้อด้านหน้าของชายหนุ่มเอาไว้ เอ่ยเสียงสั่นออกไป “ฉินโม่หาน…”

“ขอโทษ”

“ขอโทษนะคะ”

“ขอโทษ…”

“ฉันไม่ได้อยากจะหลอกคุณ เพียงแต่ตอนที่แต่งงานกับคุณเมื่อตอนนั้น…”

เธอไม่ได้พิจารณาอะไรมากมายเลยจริงๆ

เธอเพียงแค่อยากทำตามความต้องการของตระกูลซู ลบล้างบุญคุณที่ตระกูลซูได้เลี้ยงดูมา

“คนที่ควรจะต้องขอโทษคือผมต่างหาก”

ฉินโม่หานหลับตาลง กอดเธอแน่น “ผมคิดว่าคุณบริสุทธิ์มาตลอด ก็เลยไม่เคยได้สืบเรื่องของคุณเป็นจริงเป็นจัง”

“ยิ่งไม่คิดมาก่อนเลยว่าเมื่อก่อนคุณเคยเผชิญกับเรื่องแบบนี้…”

คำพูดที่ฟังดูอึมครึมของชายหนุ่มทำให้ซูสือเยว่รู้สึกว่าภายในใจมันร้อนผ่าวขึ้นมาทันที “ถ้าคุณรู้ก่อน แล้วคุณจะทำยังไง?”

“ผมจะดูแลคุณให้ดี”

“อย่างน้อย ไม่มีทางปล่อยให้คุณเหมือนอย่างตอนนี้”

คนคนนึงอยู่ในสุสานกอดป้ายหลุมศพร้องไห้อยู่เพียงลำพัง

เขาเองก็มีลูก เห็นสภาพของซูสือเยว่แล้ว เขาก็อดที่จะนึกถึงแม่ของซิงเฉินกับซิงหยุนขึ้นมาไม่ได้

ตรงหน้าได้ปรากฏภาพกองเพลิงขนาดใหญ่เมื่อห้าปีก่อน

ท่ามกลางควันไฟ เขาเห็นใบหน้าผู้หญิงคนนั้นได้ไม่ชัด ได้ยินเสียงแหบแห้งอ่อนแรงของเธอบอกเขาว่าให้เขาดูแลลูกให้ดี ให้เขาหาแม่ให้ลูกใหม่

แล้วเธอก็ยังบอกว่าเธอชอบดวงดาว

เขาขมวดคิ้วออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว “คุณชอบดาวมั้ย?”

“ชอบ…”

หญิงสาวพ่นออกมาคำนึงอย่างซึมๆ

วินาทีต่อมา เธอก็ได้เซไปข้างหลังอย่างอ่อนแรง

ฉินโม่หานจับเธอเอาไว้ จึงได้พบว่าเธอสลบไปแล้ว

ชายหนุ่มยื่นแขนออกไป กอดเธอเข้ามาในอ้อมแขน “ไปโรงพยาบาล!”

  ……

“ข้อมูลประวัติผู้ป่วยที่นายต้องการฉันหามาได้แล้ว แท้จริงแล้วเธอน่าสงสารมากเลย ตอนที่ท้องได้แปดเดือนก็เกิดอุบัติเหตุ ลูกได้เสียชีวิตในครรภ์ เธอไม่อาจทนรับมันได้จึงอาละวาดบ้าคลั่งออกมา”

ระหว่างที่สะลึมสะลืออยู่นั้น ซูสือเยว่ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของผู้ชายคนหนึ่ง

เธออยากลืมตาออกมา แต่ไม่ว่ายังไงก็ลืมไม่ได้เสียที

“ข้อมูลที่เธออยู่โรงพยาบาลบ้าทั้งหมดได้อยู่ตรงนี้หมดแล้ว”

“ตามคำอธิบายของเจี่ยนเฉิงพ่อแท้ๆของเธอ ตอนนั้นเธอคลอดลูกเสร็จแล้ว ได้ตามเขากลับไปพักฟื้นที่สลัม นึกไม่ถึงว่าเธอจะจุดไฟเตรียมที่จะเผาฆ่าตัวตายอยู่ที่บ้าน พ่อของเธอถึงได้รับรู้ว่าเธอแปลกๆไป จึงส่งเธอไปที่โรงพยาบาลบ้า”

“ในภายหลัง เธออยู่รับการรักษาบาดแผลเผาไหม้และรักษาโรคประสาทอยู่ตลอด เธอใช้เวลาครึ่งปีกว่าๆ กว่าจะฟื้นฟูสติกลับมาได้”

หลังจากที่เสียงของชายหนุ่มหยุดไป ข้างๆใบหูก็มีเสียงการเปิดกระดาษดังขึ้นมา

ต่อจากนั้น ก็เป็นเสียงทุ้มต่ำของฉินโม่หาน “งั้นฉันกับเธอก็มีวาสนาต่อกันจริงๆ”

“เธอเคยถูกไฟคลอก ฉันก็เคยถูกไฟคลอกมาเหมือนกัน”

“เธอไม่มีลูกแล้ว ฉันไม่มีแม่ของลูก”

คำพูดของเขาทำให้ภายในใจของซูสือเยว่นิ่งค้างไปเล็กน้อย

“ดังนั้นแล้วพวกนายทั้งสองคนก็ได้เติมเต็มให้แก่กันและกันสินะ”

ไป๋ยู่หนานทอดถอนหายใจออกมาเบาๆ “พวกคุณทั้งสองคนสามารถช่วยชดเชยให้แก่กันและกันได้”

“ช่วยชดเชยกันคำนี้มันใช้กันอย่างนี้งั้นเหรอ?”

ฉินโม่หานวางข้อมูลพวกนั้นลง มองเขาไปนิ่งๆ “โรคทางประสาทของเธอต่อจากนี้ไปมันจะกำเริบขึ้นมาอีกมั้ย?”

“ดูจากอาการแล้ว ในสถานการณ์ที่ได้รับการกระตุ้นที่รุนแรงจะมีโอกาสกำเริบขึ้นมาได้”

พูดจบ เขาก็ย่นคิ้วออกมา “นายกำลังเป็นกังวลอะไรอยู่?”

ฉินโม่หานหันหน้าไป มองหญิงสาวที่หลับตาแน่นอยู่บนเตียง “ฉันกลัวว่าหลังจากนี้เธอจะทำร้ายตัวเองอีก”

บาดแผลจากการเผาไหม้การบาดเจ็บจำพวกนั้น เขาเข้าใจความรู้สึกนั้นดี

ยังดีที่เธอเสียความทรงจำไป และจำความเจ็บปวดในตอนนั้นไม่ได้

“อีกเดี๋ยวฉันจะไปลองถามคุณหมอจิตเวชดู เบิกยาที่ต้องใช้พื้นฐานมาสักหน่อย ของแบบนี้มันไม่มีวิธีที่จะป้องกันมันได้”

พูดจบ ไป๋ยู่หนานเหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ “จริงสิ เมื่อกี้นี้พ่อของนายโทรเข้ามาให้ฉันไปที่คฤหาสน์เพื่อตรวจร่างกายให้กับเขา ฉันปฏิเสธไป บอกว่าซูสือเยว่กำลังเกิดเรื่องอยู่”

“อีกเดี๋ยวคุณปู่ก็คงเข้ามาเยี่ยมเธอด้วยตัวเอง นายจะอยู่ต้อนรับที่นี่หรือว่าจะเลี่ยงสักหน่อย?”

ฉินโม่หานเลิกสายตาขึ้นไปมองไป๋ยู่หนานอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย จากนั้นก็ผันร่างเดินออกไปด้านนอก “เลี่ยง”

เขาไม่อยากถูกพูดจู้จี้ใส่หรอกนะ

ไป๋ยู่หนานกลั้นยิ้มออกมา “งั้นก็ดี นายไปทำธุระของนายก่อน รอให้คุณปู่ไปแล้ว ฉันจะบอกนาย”

ฉินโม่หานหลุบตาลงไปมองเวลาเล็กน้อย มันเป็นเวลาแปดโมงเย็นกว่าๆแล้ว

เขาเองก็ควรจะกลับไปรายงานเรื่องวันนี้ให้กับเด็กทั้งสองคนด้วยสักหน่อยเหมือนกัน

ไม่อย่างนั้นแล้วด้วยระดับการให้ความสนใจที่ซิงหยุนกับซิงเฉินมีต่อซูสือเยว่ คืนนี้เธอไม่กลับไป พวกเขาทั้งสองคนเกรงว่าพวกเขาคงเอาแต่คิดไม่หยุดจนไม่เป็นอันนอนไป  

หลังจากที่ฉินโม่หานเดินออกไป ไป๋ยู่หนานยืนอยู่ตรงหน้าประตู มองใบหน้าของซูสือเยว่อย่างเงียบๆ

ผ่านไปนานสักพักหนึ่ง เขาก็ได้ถอนหายใจออกมา “ชั่วชีวิตนี้ของท่านชายฉินคงต้องอยู่ในมือคุณแล้ว”

พูดจบ เขาก็ผันร่างเดินออกไป

ซูสือเยว่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท หัวใจสั่นออกมาเล็กน้อย

ฉินโม่หานเขา…

เหมือนกับว่าจะไม่ได้ถือสาเรื่องที่เธอเคยมีลูกมาก่อน

สิ่งที่เขาแคร์นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเรื่องที่อาการป่วยของเธอจะกำเริบขึ้นมาอีกหรือเปล่า

น้ำตาหยดหนึ่งได้ไหลลงมาจากมุมขอบตาลงมาช้าๆ

เธอช่างโชคดีเสียเหลือเกิน ชีวิตนี้สามารถเจอกับผู้ชายอย่างฉินโม่หานได้

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ตรงประตูห้องผู้ป่วยได้มีเสียงที่ดูเป็นกังวลของท่านปู่ฉินดังขึ้นมา

“คุณอาฉินคุณอาเบาเสียงหน่อย อย่าส่งเสียงรบกวนให้เธอตื่นสิคะ”

ทันทีที่เสียงของคุณท่านหลุดออกไป เสียงของผู้หญิงเสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้นมา

ฟังจากเสียงแล้ว เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง

“หนูพูดถูก” คำพูดของลูกสาวพูดออกมาจบ ท่านปู่ฉินก็เบาเสียงออกมาทันที “จะไปรบกวนการพักผ่อนของเธอไม่ได้”

ซูสือเยว่ขมวดคิ้วออกมา ใจรู้ดีว่าคนผู้นี้คงจะเป็นพ่อของฉินโม่หาน ในตอนนี้เดิมทีแล้วเธอควรจะลุกขึ้นไปต้อนรับเขา แต่ทั้งร่างของเธอไม่มีเรี่ยวแรงอยู่เลยสักนิด

หญิงสาวพยายามฝืนดิ้นรนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังคงลืมตาออกไปไม่ได้

ดังนั้นแล้วเธอก็ต้องนอนอยู่บนเตียงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง สมองยังสะลึมสะลืออยู่

แต่ทว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?

“เชียนจิ่ว ยังคงเป็นหนูที่รู้ใจกันดี”

ท่านปู่ฉินทอดถอนหายใจออกมา “ตั้งแต่หนูถูกหลิงยี่พากลับตระกูลฉินมา มันก็สิบปีแล้วใช่มั้ย?”

เย่เชียนจิ่วตอบรับออกมานิ่งๆ “ค่ะ ตอนนั้นพี่รองสงสารฉัน พาฉันกลับตระกูลฉินมา คุณลุงดูแลฉันเหมือนกับเป็นลูกสาวแท้ๆ พี่ใหญ่พี่รองเองก็เห็นฉันเป็นน้องสาวแท้ๆด้วยเหมือนกัน”  

ซูสือเยว่ขมวดคิ้วออกมา

แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยจะรู้ชัดในเรื่องของโครงสร้างครอบครัวของฉินโม่หานเลย รู้เพียงแต่ว่าฉินโม่หานเป็นลูกชายคนที่สามของบ้าน แต่ก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตระกูลฉินยังมีลูกสาวบุญธรรมด้วยอีกคน

พวกเขาไม่เคยพูดออกมาต่อหน้าเธอมาก่อนเลย

“เฮ้อ”

ท่านปู่ ทอดถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ตอนนั้นทุกคนต่างก็นึกว่าหนูกับโม่หานจะได้คบกันเสียอีก ใครจะรู้ว่าโชคชะตาจะเล่นตลก ตอนแรกก็มีแม่ของซิงหยุนกับซิงเฉิน ในตอนหลังก็มามีเด็กคนนี้อีก…”

“มันก็ได้ผ่านไปแล้วทั้งนั้น”

เสียงของเย่เชียนจิ่วอ่อนโยนเป็นอย่างมาก “คุณอาฉินคุณลุงอยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่ก่อนนะคะ ฉันจะไปสอบถามพยาบาลถึงสาเหตุที่พี่สะใภ้เล็กสลบไปดูสักหน่อย”

ท่านปู่ฉินขมวดคิ้วออกมา “ไป๋ยู่หนานบอกมาแล้วไม่ใช่หรือไง ว่ามันเกิดมาจากการตากฝน?”

เย่เชียนจิ่วยิ้มออกมาอย่างน่ารัก “คุณอาฉินคุณลุงคิดง่ายเกินไปแล้วค่ะ”

“ใครจะโง่วิ่งออกไปข้างนอกขณะที่ฝนกำลังตกหนักอย่างนั้นกันคะ?”

ท่านปู่ฉินคิดไปสักพัก “ดี งั้นหนูไปเถอะ”

เย่เชียนจิ่วผันร่างออกไป

ในนาทีที่เธอผันร่างออกไปนั้นเอง ความเป็นห่วงเป็นใยบนใบหน้าของเธอได้แปรเปลี่ยนมาเป็นความเย็นชาทันที

เธอเฝ้าคอยอยู่ข้างๆฉินโม่หานมาตั้งหลายปี มีสิทธิ์อะไรมายึดครองตำแหน่งภรรยาของฉินโม่หานไปกัน?

วันนี้เกิดเรื่องให้ซูสือเยว่กับฉินโม่หานมีปัญหากัน สำหรับเธอแล้วมันเป็นโอกาสดีที่จะทำให้พวกเขาเลิกกัน!

  

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset