ในทางเดินของโรงพยาบาล พยาบาลสาวสองคนกำลังกระซิบกระซาบกัน
“เมื่อกี้ท่านผู้อำนวยการยังโมโหอยู่เลย บอกว่าหมอไป๋ใช้ในนามองค์กรมาควบคุมจัดการเขา ให้คนมารวบรวมเอาข้อมูลผู้ป่วยของโรงพยาบาลบ้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต…”
“ทำไมจู่ๆหมอไป๋ถึงได้เป็นห่วงเป็นใยผู้ป่วยของโรงพยาบาลบ้าขึ้นมา?”
“เธอไม่รู้ มันมีผู้หญิงคนนึง อนาถสุดๆ…ตอนนั้นเพราะว่าลูกเสียชีวิตไป เลยเป็นบ้า ไม่ง่ายเลยกว่าจะรักษาให้ดีขึ้นได้ แต่ผลสุดท้ายในวันนี้สามีคนปัจจุบันดันมารู้เรื่องในอดีตของเธอขึ้นมาอีก…”
“เธอทั้งตากฝนและทั้งยังเศร้าเสียใจมา ตอนนี้นอนสลบอยู่ที่โรงพยาบาลเราอยู่เลย…น่าสงสารจริงๆ…”
คำพูดของเหล่าพยาบาลทำให้ฝีเท้าของเย่เชียนจิ่วหยุดลง
เธอนึกไตร่ตรองขึ้นมาเล็กน้อย ริมฝีปากก็ยกยิ้มเย็นออกมา
ผู้หญิงที่น่าสงสารคนนั้นที่ออกมาจากปากของเหล่าพยาบาลพวกนี้ คงไม่ใช่ภรรยาคนใหม่คนนั้นของฉินโม่หานหรอกนะ?
เธอสาวก้าวใหญ่ๆเข้าไป “ผู้หญิงคนนั้นที่พวกเธอพูดถึงเป็นใครกัน?”
เห็นเย่เชียนจิ่วเดินเข้ามา เหล่าพยาบาลพวกนั้นก็พากันมองหน้ากัน ต่างไม่กล้าที่จะพูดกันออกมา
เย่เชียนจิ่วขมวดคิ้วออกมา เอาอั่งเปาออกมาจากในกระเป๋าปึกหนึ่งออกมา “พูดมาสิ”
หลังจากที่ตกอยู่ในความเงียบอยู่นาน พยาบาลคนหนึ่งก็ได้ยืนออกมาอย่างกล้าหาญ “พวกเราหมายถึงผู้ป่วยหญิงที่พักอยู่ที่ห้อง302กันค่ะ…”
302 ก็คือห้องที่ซูสือเยว่พักอยู่
เย่เชียนจิ่วหรี่ตาลงอย่างเย็นชา แล้วก็ได้ควักเงินออกมาอีกปึกหนึ่ง “ยังมีข้อมูลที่ละเอียดกว่านี้อีกมั้ย?”
เหล่าพยาบาลได้เม้มปากกันออกมาเล็กน้อย ไม่ส่งเสียงออกมา
เย่เชียนจิ่วทิ้งเงินให้ตกลงไปบนพื้นอย่างไม่แยแส ผันร่างเดินไปยังโถงบันไดที่อยู่สุดทางเดิน
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่ารอบๆไม่มีใคร เธอก็ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายไปยังหมายเลขหนึ่ง
“พี่เหลียง ช่วยฉันเช็คเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งหน่อย”
เสียงผู้หญิงทางปลายสายเย็นชาไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา “เอาไปทำอะไร?”
“ผู้หญิงที่ฉันต้องการจะเช็กดูชื่อว่าซูสือเยว่ เมื่อก่อนเธอเคยเกิดลูกมาคนหนึ่ง ฉันต้องการข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้”
มีเพียงแค่คำพูดปากเปล่าไม่มีหลักฐาน ตอนนี้เธอเพียงแค่ได้ยินการเม้ามอยจากปากของพวกพยาบาลเกี่ยวกับซูสือเยว่เพียงเท่านั้น ของพวกนี้ไม่อาจจะเอามาเป็นหลักฐานได้
เธอจะต้องเอาหลักฐานที่เป็นจริงมา ถึงจะสามารถทำให้คุณลุงเชื่อได้
ท่านปู่ตระกูลฉินถึงแม้ว่าจะใจดี แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังเป็นคนแก่ที่หัวโบราณคนนึง
ถ้าเกิดมีหลักฐานที่ชัดเจนแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องลงมือ คุณลุงก็จะไล่มันออกไปเอง
“ตอนนี้ฉันยุ่งมาก”
เสียงของผู้หญิงที่อยู่ปลายสายมีอาการไม่สบอารมณ์ออกมา “เรื่องจำพวกนี้เธอไปเช็กเอาเองมันก็จบแล้วไม่ใช่หรือไง?”
“พี่เหลียง นานๆทีฉันจะหาพี่สักครั้ง พี่จะมาทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ?”
“เย่เชียนจิ่ว ฉันไม่ใช่คนใช้ของเธอ”
เย่เชียนจิ่วยกยิ้มจางๆออกมา “พี่เหลียง ดูพี่พูดออกมาสิ แน่นอนว่าฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่ยุ่งอยู่น่ะ”
คำพูดของหญิงสาวทำให้ผู้หญิงที่เธอเรียกว่าพี่เหลียงเงียบอยู่นาน
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ ทางปลายสายก็มีเสียงการกดแป้นพิมพ์ดังเข้ามา “ฉันจะลองช่วยเธอหาดู”
“ลำบากพี่แล้ว พี่เหลียง”
เย่เชียนจิ่วยิ้มประจบออกมา “ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องเล็กๆอย่างนี้พี่จะต้องช่วยฉันอยู่แล้ว”
“เพราะถึงยังไงเรื่องเมื่อห้าปีก่อนก็เป็นพี่ทั้งนั้นที่ช่วยฉันแก้ไขปัญหาให้”
ได้ยินเธอหยิบยกเรื่องเมื่อห้าปีก่อนขึ้นมา หญิงสาวที่ชื่อว่าพี่เหลียงที่อยู่ทางปลายสายคนนั้นก็ได้มีอารมณ์ดิ่งลงไปทันที
“เรื่องเมื่อห้าปีก่อนเป็นตัวเธอเองที่จัดการไม่เรียบร้อย”
“ฉันก็บอกไปแล้วว่าเธออย่าวิ่งวุ่นไปทั่ว เธอหลุดความจริงเรื่องที่ไม่ได้ท้องออกไปเอง จะมาโทษฉันไม่ได้”
เย่เชียนจิ่วยิ้มเย็นออกมา “ฉันก็ไม่ได้บอกนี่ว่าจะโทษพี่ เพียงแค่พูดเรื่องเก่าๆกับพี่ไปเท่านั้นเอง ทำไมถึงต้องอ่อนไหวง่ายขนาดนั้นด้วย”
พี่เหลียงไม่ได้พูดไร้สาระกับเธอออกไปอีก “ผู้หญิงคนนั้นที่เธออยากให้เช็กชื่อว่าอะไร?”
“ซูสือเยว่”
“สือตัวเดียวกับคำที่แปลว่าลาก่อน กับเยว่ที่แปลว่าพระจันทร์?”
“ใช่”
ปลายสายตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ พี่เหลียงก็เอ่ยเสียงเบาออกมา “ตัดใจเสียเถอะ”
เย่เชียนจิ่วเลิกคิ้วออกมา เสียงเย็นขึ้นมาทันที “พี่หมายความว่าอะไร?”
“ข้อมูลที่ลูกหล่อนเสียชีวิตในครรภ์มันเป็นของปลอม เธอเอาข้อมูลปลอมพวกนี้ไปโจมตีหล่อน ไม่ช้าก็เร็วมันก็จะทำให้เธอดูแย่ลง”
“ข้อมูลปลอม?”
เย่เชียนจิ่วขมวดคิ้วแน่น “จะเป็นข้อมูลปลอมไปได้ยังไง…”
“มันเป็นข้อมูลปลอม”
เสียงของพี่เหลียงจากทางปลายสายฟังดูไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อย “ยังจำข้อมูลผู้ป่วยของผู้หญิงที่ลูกได้เสียชีวิตในครรภ์ที่ฉันเคยปลอมแปลงให้เธอเมื่อห้าปีก่อนชุดนั้นได้มั้ย?”
“ผู้หญิงคนนั้น…ก็คือซูสือเยว่”
“ถ้าเกิดฉินโม่หานรู้เรื่องทั้งหมด เธอลองเดาดูสิว่าเธอจะยังมีชีวิตอยู่ได้หรือเปล่า”
เย่เชียนจิ่วกำโทรศัพท์แน่น ตัวเธอเหมือนกับถูกฟ้าผ่าลงมาก็ไม่ปาน นิ่งขยับร่างกายไปไหนไม่ได้
จะเป็นไปได้ยังไง…
ซูสือเยว่ก็คือผู้หญิงเมื่อตอนนั้น!?
บนโลกนี้ทำไมมันถึงได้มีเรื่องที่บังเอิญได้ถึงขนาดนี้!
“พี่เหลียง พี่แน่ใจ…ว่าเป็นหล่อนใช่มั้ย?”
“เรื่องทั้งหมดในตอนนั้นล้วนแล้วแต่จะผ่านมือฉันมาทั้งนั้น ฉันจะต้องแน่ใจอยู่แล้ว!”
“ถ้าไม่เพราะในตอนหลังฉันได้หาคนมาทำการวินิจฉัยการป่วยทางจิตให้หล่อน บังคับให้ลบล้างความทรงจำในช่วงครึ่งปีนั้นของหล่อนออกไป เธอนึกว่าตอนนี้เธอจะยังได้อยู่ในตระกูลซูอยู่อีกมั้ยล่ะ?”
เย่เชียนจิ่วลนลานขึ้นมา
“งั้นจะทำยังไงดี…”
“ไม่ยังไง”
พี่เหลียงหยุดไปสักพัก แล้วพูดออกมาต่อ “ไม่หล่อนตาย เธอก็ตาย ไม่มีทางเลือกอื่น”
“เรื่องนี้มันต้องค่อยๆคิดวางแผนไป ไม่สามารถทำการโดยที่ไม่คิดให้รอบคอบแล้วไปแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ ถ้าเธอไปกระตุ้นให้หล่อนจำเรื่องทุกอย่างขึ้นมาได้ ถึงตอนนั้นแล้วคนที่จะตายก็เป็นเธอ!”
พูดมาเท่านั้นแล้ว พี่เหลียงที่อยู่ทางปลายสายก็ได้วางสายไปทันที
เย่เชียนจิ่วนิ่งแข็งอยู่ตรงที่เดิม รู้สึกได้ว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดมันได้ถูกสูบออกไปหมด
เมื่อก่อนหน้าวันนี้ เธอไม่เคยใส่ใจซูสือเยว่อะไรเป็นจริงเป็นจังเลย
นักแสดงแทนที่ไม่นับว่าเป็นนักแสดงด้วยซ้ำ มันจะทำอะไรขึ้นมาได้?
เมื่อก่อนเธอคิดเสมอว่าเธอใช้ชีวิตอยู่ที่ตระกูลฉินมาสิบปี และได้ถูกคนยกย่องด้วยสถานะคู่หมั้นของฉินโม่หานมาสิบปี ดังนั้นแล้วซูสือเยว่ก็เป็นเพียงแค่ของใหม่ที่ฉินโม่หานจะลิ้มลองเป็นการชั่วคราวเท่านั้น
แต่เธอนึกไม่ถึงเลยว่าซูสือเยว่ดันมาเป็นผู้หญิงเมื่อห้าปีก่อนคนนั้นเสียได้…
ถ้าหล่อนนึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมา ถ้าฉินโม่หานรู้ว่าผู้หญิงคนเมื่อห้าปีก่อนยังไม่ตาย…
เย่เชียนจิ่วรู้สึกว่าสมองของตัวเองแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว!
ทำไมถึงได้…
ไม่ได้ ไม่อาจปล่อยให้ซูสือเยว่อยู่ข้างๆฉินโม่หานต่อไปได้อีกแล้ว
ผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนกับระเบิดเวลาลูกหนึ่ง ที่จะเปิดโปงเรื่องเมื่อห้าปีก่อนออกมาได้ทุกที่ทุกเวลา!
ถ้าฉินโม่หานรู้ว่าไฟไหม้เมื่อตอนนั้น เธอเป็นคนวางเพลิงเอง อีกทั้งเธอก็ยังเอาลูกสาวของเขาไปให้…
เย่เชียนจิ่วได้มีเหงื่อเย็นไหลอาบออกมาทั่วทั้งหัว
“โย่ว นี่มันคุณเย่ไม่ใช่เหรอ?”
เหงื่อเย็นของเย่เชียนจิ่วยังไม่หายไป ข้างหูก็ได้ยินเสียงเย้าหยอกของชายหนุ่มดังเข้ามา
เธอเรียกสติคืนกลับมา รีบหันไปมองตามเสียงทันที
ตรงปากทางทางขึ้นลงบันได ไป๋ยู่หนานกำลังยกมือขึ้นกอดอก มองเธอมาด้วยสายตาที่นิ่งเรียบ “สีหน้าดูแย่อย่างนี้ ทำไม ถูกใครทิ้งมา?”
เย่เชียนจิ่วมองเขาไปด้วยสายตาที่เหยียดหยาม เก็บโทรศัพท์ เตรียมที่จะเดินอ้อมเขาออกไป
แต่เธอนึกไม่ถึงว่าคำพูดนั้นของพี่เหลียงเมื่อกี้นี้ได้ทำให้ขาของเธออ่อนเปลี้ยไปเสียแล้ว
ทันทีที่เธอเดินออกไปก้าวหนึ่ง ทั้งร่างก็ได้ล้มเข้าไปในอ้อมกอดของไป๋ยู่หนานทันที——
ไป๋ยู่หนานถอยไปข้างหลังก้าวหนึ่งอย่างรวดเร็ว
เสียง “ปัง” ดังขึ้น ร่างของเย่เชียนจิ่วได้ลงไปจูบกับพื้น
“จุ๊ๆๆ ไม่ระวังเลยจริงๆ”
ไป๋ยู่หนานแสยะยิ้มเยาะเย้ยตรงมุมปากออกมา “ยังดีที่ฉันหลบเร็ว ไม่อย่างนั้นแล้ว คงถูกเธอทับตายแน่เลย”