เช้าตรู่ แสงอาทิตย์ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามายังวิลล่าตระกูลฉินจางๆ
ภายในห้องครัว ซิงเฉินสวมชุดที่เหมือนกับชุดเกราะ มือข้างหนึ่งถือหน้ากากเหล็ก มืออีกข้างถือตะหลิวเอาไว้ ยืนอยู่บนม้านั่งเล็กๆมองไข่ทอดในกระทะไปอย่างอกสั่นขวัญแขวน
ไข่ทอดส่งเสียงดังชี่ๆออกมา ซิงเฉินอดไม่ได้ที่จะร้องเรียกออกมา “พี่ชายๆ อันนี้มันคงจะไม่ระเบิดหรอกใช่มั้ย!”
“พระเจ้ามันน่ากลัวเกินไปแล้ว! ฉันคงไม่ได้เผาครัวที่บ้านของเราหรอกใช่มั้ย?”
“ไข่ทอดนี่มันจะสุกเมื่อไหร่กันอ่ะ สามสิบวิแล้วนะ!”
“หนวกหู”
ในอีกด้านหนึ่งของห้องครัว ซิงหยุนกำลังเอาผักและผลไม้ที่หั่นเสร็จเรียบร้อยแล้วมาจัดตามรูปทรงที่มันดูสบายตาเป็นอย่างมากเอาไว้เรียบร้อย
“พี่ชาย…”
เสียงของซิงเฉินยังคงดังเสียดหูออกมา
ในที่สุดเด็กผู้ชายตัวน้อยก็ได้นิ่วคิ้วออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เลิกสายตาขึ้นมองเขา “อย่างแรก ก๊าซธรรมชาติมันปลอดภัย ขอเพียงแค่มันไม่รั่วไหลออกมา มันก็ไม่ระเบิดออกมาง่ายๆหรอก”
“อย่างที่สอง ฉันเปิดไฟอ่อนให้นาย ห้องครัวที่บ้านพวกเรามันคงไม่เปราะบางขนาดนั้นหรอก”
“อย่างที่สาม สามสิบวิมันก็แค่การเริ่มต้น นายต้องมีความอดทน”
พูดจบ เขาก็มองชุดเกราะบนร่างของซิงเฉินไปด้วยดวงตาที่ประดับไปด้วยความระอา “ตัวนี้ฉันจำได้ว่ามันแสนนึงใช่มั้ย?”
ซิงเฉินชะงักไป แล้วก็ได้พยักหน้าตอบออกมา “เหมือนว่าจะใช่”
ชุดเกราะชุดนี้เป็นตัวที่ถูกใจในตอนที่คุณปู่พาเขาไปร่วมงานนิทรรศการหนึ่งเมื่อก่อนหน้านี้
คุณปู่โอ๋เขา ก็เลยเปิดประมูลในราคาที่สูงมาให้เขา
ซิงหยุนมองไปอย่างเหยียดๆ ดึงเขาลงมาจากม้านั่งเล็กๆ “เพื่อไข่ทอดหนึ่งชิ้น นายต้องโอเวอร์ขนาดนี้เลย?”
พูดไป เด็กน้อยก็ได้เข้าไปเอง ยืนขึ้นไปบนม้านั่งเล็กๆ ในมือถือตะหลิว พลิกไข่ทอดไปอีกด้านหนึ่งอย่างกล้าหาญและยังเงอะๆงะๆ
แต่ไม่รู้ว่าทำผิดไปตรงไหน ไข่ทอดที่เดิมทีมันก็ยังสมบูรณ์ดีอยู่นึกไม่ถึงว่าตรงไข่แดงมันจะแตกไปเสียแล้ว แล้วมันก็เป็นเหมือนกันไปทุกจุด
ดังนั้นแล้วเขาก็เลยตักไข่อีกใบขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
แตกอีกแล้ว
ปากเล็กๆของซิงเฉินเบะออกมาอย่างไม่พอใจ “พี่ชาย! พี่ทำไข่ของฉันพัง!”
นี่เป็นไข่แห่งความรักที่เขาเตรียมเอาไว้ให้กับหม่ามี๊!
ถูกพี่ชายของเขาทำพังไปแล้ว!
ซิงหยุนย่นคิ้วออกมา “ก็แค่ไข่ใบเดียวเองไม่ใช่หรือไง ฉันทอดให้นายใหม่อีกใบนึง”
“ฉันไม่เอา ฉันจะเอาไข่ใบนี้!”
ซิงเฉินโวยวายขึ้นมา เริ่มแหกปากตะโกนเสียงดังในครัวขึ้นมา “พี่ชาย พี่ชดใช้ไข่ของฉันมาเลย!”
“พี่มีสิทธิ์อะไรมาทำไข่ของฉันพัง!”
บนตึก
ซูสือเยว่เพิ่งจะสวมเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยเตรียมจะเดินลงไปชั้นล่าง ก็ได้ยินเสียงดังของซิงเฉินที่ชั้นล่าง
ทั้งร่างของเธอได้ชะงักไปอย่างจัง
“ฉันมีแค่ไข่สองใบ พี่ทำไข่ฉันพังไปหมดแล้ว!”
“ฉันเจ็บ!”
“พี่ชาย พี่ชดใช้ไข่ของฉันมา!”
ซูสือเยว่ “…”
…คำพูดชวนให้คิดลึกนี่มันอะไรกัน?
“เป็นอะไรไป?”
เห็นซูสือเยว่หยุดอยู่ตรงบันไดไม่ขยับ ชายที่อยู่ด้านหลังเธอก็ย่นคิ้วออกมาเล็กน้อย ก้าวเดินเข้ามาอย่างสง่างาม
ดังนั้นแล้วเขาเองก็ได้ยินเสียงโกรธเกรี้ยวของซิงเฉินที่ด้านล่างด้วยเช่นกัน
ฉินโม่หาน “…”
ชายหนุ่มย่นคิ้วออกมา เดินอ้อมซูสือเยว่ออกไป สาวก้าวใหญ่ๆลงไปชั้นล่าง “เกิดอะไรขึ้น?”
ได้ยินเสียงแด๊ดดี้ของตนแล้ว ซิงเฉินก็เหมือนกับเจอผู้ช่วยชีวิตขึ้นมาทันที
เขาวิ่งเข้ามาในอ้อมแขนของฉินโม่หานด้วยใบหน้าที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม “แด๊ดดี้ พี่ชายเขาทำไข่ของผมพังหมดเลย!”
“เขาทำร้ายผม จากนั้นก็หัวเราะแล้วปล่อยผ่านไป ไม่ขอโทษผม แล้วก็ไม่ชดใช้ความเสียหายของผมด้วย!”
ฉินโม่หานมีแววตาที่ตกใจออกมา
เขาได้อุ้มซิงเฉินขึ้นมา สาวก้าวใหญ่ๆเดินออกไปข้างนอก
ซิงเฉินที่สวมเสื้อเกราะอยู่บนร่างลนลานขึ้นมา นี่แด๊ดดี้ของเขาจะทำอะไร?
“เตรียมรถ ไปโรงพยาบาล”
เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มออกคำสั่งไปอย่างเย็นชา
ซิงเฉินงงงวยขึ้นมา
ซิงหยุนขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจขึ้นมาว่าแด๊ดดี้ของเขาเข้าใจผิดอะไรขึ้นมาทันที
เด็กน้อยหัวเราะออกมาหนักมาก “แด๊ดดี้ ซิงเฉินไม่เป็นอะไร ไม่ต้องไปโรงพยาบาล”
“ไข่ที่เขาพูดถึง ก็คือไข่ไก่ทอดของเขาที่ผมทำพังไป”
ฉินโม่หาน “…”
อาศัยช่วงที่ร่างของชายหนุ่มนิ่งแข็งไป ซิงเฉินก็รีบกระโดดลงมาจากอ้อมแขนของเขาไปทันที เข้าไปหลบอยู่ด้านหลังของซิงหยุนอย่างระมัดระวัง “แด๊ดดี้ ผมทำไข่ทอดได้ไม่ดี…ไม่ต้องไปหาคุณหมอหรอกมั้ง?”
ซูสือเยว่ที่ยืนอยู่ด้านบนในที่สุดก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมา
เธอค้ำราวบันไดหัวเราะออกมาจนเหนื่อยหอบ “ซิงเฉิน ครั้งหน้าพูดจาก็พูดออกมาให้เต็มๆ ไม่อย่างนั้นแล้วจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้!”
บนใบหน้าของเด็กน้อยที่อยู่ในชุดเกราะรูปทรงนักรบกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมออกมา “ทำไมผมถึงไม่รู้เลยว่าทุกคนกำลังพูดอะไรกันอยู่…”
“นายไม่ต้องรู้หรอก”
ซิงหยุนยักไหล่ออกมานิ่งๆ ลากเขาเข้าไปในห้องครัว “ยกมื้อเช้าไป”
“…อ้อ”
ซิงเฉินยกมื้อเช้าไปเสิร์ฟบนโต๊ะไปพลาง แล้วยังมีความสงสัยไปพลาง
หม่ามี้กับพี่ชายกำลังหัวเราะอะไรอยู่กันแน่?
ทำไมสีหน้าของแด๊ดดี้ถึงได้น่าเกลียดอย่างนั้น…
เพียงไม่นาน เด็กน้อยทั้งสองคนก็ได้ยกมื้อเช้าทั้งหมดขึ้นไปเสิร์ฟบนโต๊ะ
มื้อเช้าที่จริงแล้วมันเรียบง่ายอย่างมาก
ผักผลไม้เรียกน้ำย่อยที่ซิงหยุนทำ
ไข่ทอดเละเทะที่ซิงเฉินทำมา
แล้วยังมีขนมปังปิ้งที่เครื่องปิ้งขนมปังได้อุ่นเสร็จแล้ว และนมที่ผ่านความร้อนจากไมโครเวฟมา
ไม่นับว่ามากมาย แต่ละอย่าง ล้วนแล้วแต่จะเป็นสิ่งที่เด็กน้อยทั้งสองคนทำกันมาเองกับมือทั้งนั้น
“ได้ยินแด๊ดดี้บอกว่าเมื่อเย็นวานหม่ามี้ตากฝนแล้วยังเข้าโรงพยาบาล”
นั่งกันอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหาร ซิงหยุนมีท่าทางเป็นผู้ใหญ่ที่อยู่ในร่างเด็ก เอ่ยพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ดังนั้นแล้ววันนี้ผมกับน้องก็เลยตื่นนอนกันมาตั้งแต่เช้าตรู่ อยากจะเตรียมอาหารเช้าด้วยความรักให้กับหม่ามี้ แสดงความเป็นห่วงที่พวกเรามีให้กับหม่ามี้กันสักหน่อย”
“ใช่!”
ซิงเฉินที่ได้ถอดชุดเกราะออกเป็นที่เรียบร้อยแล้วได้ดันไข่ทอดไปทางมือของซูสือเยว่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “หม่ามี้ ผมน่ะต้องฝ่าอันตรายถึงชีวิตเพื่อทำไข่ทอดให้หม่ามี้เลยนะ!”
ซูสือเยว่มองไข่ทอดสีขาวๆเหลืองๆที่อยู่ในจาน ได้ยินเขาพูดออกมาว่า “ฝ่าอันตรายถึงชีวิต” ภายในใจมันก็เกิดความอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าแม่ของซิงหยุนกับซิงเฉินเป็นคนยังไง แต่ว่าสามารถคลอดลูกที่รู้ความเป็นเด็กดีอย่างนี้ออกมาได้ เธอจะต้องเป็นคนที่มีจิตใจดีแน่เลยล่ะมั้ง?
คิดถึงตรงนี้แล้ว เธอก็ได้หายใจเข้าลึกๆ มองเด็กน้อยทั้งสองคนได้ด้วยความจริงใจ “ขอบคุณพวกหนูนะ”
“ความเป็นห่วงของพวกหนู หม่ามี้รับมันมาแล้ว”
“อย่างนั้นแล้วต่อจากนี้ไปหม่ามี้จะออกจากบ้านไปไกลๆอีกไม่ได้นะ!”
ซิงเฉินเบะปากออกมา เอ่ยเตือนออกมาเบาๆ
“จะมาเพราะว่าตัวเองคิดไม่ตก แล้วก็ไม่บอกอะไรกับพวกเราสามคน ก็เลยไปเสียใจอยู่เองก็ไม่ได้นะ”
ซิงหยุนเสริมออกมาเงียบๆ “และก็ยิ่งไม่สามารถไม่เชื่อใจพวกเราด้วย ไม่ว่าคนอื่นเขาจะว่ายังไง ผมกับน้องก็เลือกแล้วว่าคุณเป็นหม่ามี้ของพวกเรา”
ฉินโม่หานที่อยู่ข้างๆคีบอาหารให้ซูสือเยว่ไปนิ่งๆ “ผมก็ด้วย”
ซิงเฉินมองซิงหยุน สองพี่น้องแลกเปลี่ยนสายตาให้กัน
“แด๊ดดี้ แด๊ดดี้ก็ด้วยอะไร?”
“อาหารมื้อนี้เป็นพวกเราทำให้หม่ามี้กิน จะสารภาพความรู้สึกออกไปมันก็เป็นพวกเราสารภาพความรู้สึกไปให้กับหม่ามี้ แด๊ดดี้จะมาฉวยโอกาสไปไม่ได้!”
“แด๊ดดี้อยากแสดงความรู้สึกของตัวเอง ทำไมไม่อาหารเอง?”
“แล้วยังมาบอกว่าผมก็ด้วย สามคำนี้มันจะไม่จริงใจกันเกินไปแล้ว!”
ฉินโม่หาน “…”
เขากวาดสายตามองเด็กทั้งสองคนที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามของโต๊ะไปด้วยสายตาเยือกเย็น “ดูเหมือนว่าวันนี้พวกนายทั้งสองคนจะว่างกันมากเลย”
“ไม่สู้ให้คนนึงไปเล่นหมากรุกเป็นเพื่อนคุณปู่ แล้วอีกคนนึงก็ไปซ้อมมวยกับลุงรองไม่ดีกว่าเหรอ?”
ซิงหยุน “…”
ซิงเฉิน “…”
เด็กทั้งสองคนมีสีหน้าซีดเผือด หันหน้าไปมองซูสือเยว่กันอย่างพร้อมเพรียง “หม่ามี้ หม่ามี้จัดการสามีของหม่ามี้หน่อยสิ!”
ซูสือเยว่ที่กำลังกินข้าวอยู่ได้ชะงักไปเล็กน้อย
“เอ่อ…”
เธอเม้มริมฝีปาก กำลังจะพูดอะไรออกไป มือถือของเธอก็ดังขึ้นมา
เป็นสายของหัวหน้าผู้กำกับที่เป็นคนโทรเข้ามา
หญิงสาวเอาโทรศัพท์มาวางสายไป “เอ่อ ฉันจะต้องไปทำงานแล้ว”
พูดจบ เธอก็กินข้าวเช้าเสร็จไปอย่างรวดเร็ว ถือกระเป๋าเดินออกจากประตูไป
ภายในห้องรับประทานอาหารสามคนพ่อลูกต่างฝ่ายต่างมองตากัน
“ซิงหยุนไปเล่นหมากรุกกับคุณปู่ ซิงเฉินไปซ้อมมวยกับลุงรอง”
“พวกเราไม่ไป!”
ซิงเฉินเถียงคอขึ้นเอ็นออกมา “พวกเราไม่ได้ทำผิด!”
ซิงหยุนเอ่ยออกมาด้วยความสงบ “คุณฉินโม่หาน คุณช่วยใจเย็นหน่อย”
“ถ้าคุณลงโทษพวกเรา…”
เด็กน้อยเชิดหน้าขึ้น สบตากับฉินโม่หานไปอย่างไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย “พวกเราจะทำให้คุณได้รู้จักกับอะไรที่เรียกว่าทุกคืนไม่อาจได้นอนกับภรรยาได้”