เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นสองสามครั้ง และมันก็ทำให้คนที่เผลอหลับไปรู้สึกตัวตื่นขึ้น
“นี่เราเผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย” หญิงสาวมองออกไปทางหน้าต่าง ก่อนจะพบว่าดวงดาวพราวขึ้นเต็มท้องฟ้าแล้ว
“มืดแล้วนี่น่า”
ปัง! ปัง!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกสองครั้ง
วรันธาราหันไปมอง ก่อนจะร้องตะโกนถามออกไป “ใครคะ ป้าเดซี่หรือเปล่า”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่เสียงกำปั้นกระทบบานประตูยังคงดังซ้ำขึ้นอีกหลายครั้ง
“รอสักครู่นะคะ”
วรันธาราหญิงสาวรีบก้าวลงจากเตียง และกำลังจะเดินไปถึงประตูห้องอยู่แล้วเชียว แต่เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้
ถ้าไม่ใช่ป้าเดซี่ล่ะ แต่เป็นคนอื่น?
เมื่อคิดได้แบบนี้ หญิงสาวจึงถลันกลับไปที่เตียง และมองหารอยแผลเป็นปลอมที่วางเอาไว้
“อยู่ตรงไหนนะ”
ในขณะที่หล่อนพยายามมองหาอุปกรณ์อำพรางใบหน้า เสียงเคาะประตูก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่คราวนี้มีเสียงดังตามติดมาด้วย
“เควิน…!”
หญิงสาวครางในลำคอด้วยความตื่นตกใจ ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่มองหาสิ่งที่ต้องการเจอพอดี
“มา… มาได้ยังไงเนี่ย”
“เปิดประตูหน่อยครับ”
“แป๊บแปบ…แป๊บ แปบนะคะ” วรันธารารีบปั้นเสียงแก่ชรา พร้อมกับรีบเอารอยแผลเป็นปลอมปิดที่ใบหน้าอย่างรวดเร็ว
“มาแล้วค่ะ”
หล่อนรีบวิ่งไปที่ประตูห้อง ยืนรวบรวมความกล้าอยู่สองสามอึดใจก็ตัดสินใจเปิดออกไป
เควิน คาสโตรเซ่นยืนจังหาอยู่ตรงหน้า ความหล่อเหลาของเขากระแทกใส่หน้าของหล่อนทุกครั้งที่ได้พบเห็น หัวใจของหล่อนสะท้าน ต้องใช้ความพยายามมากมายนักกว่าจะละสายตาจากความสมบูรณ์ของชายหนุ่มได้
“คุณ… เควินมาธุระอะไรกับยายเหรอคะ”
เควินอมยิ้มให้เป็นอันดับแรก ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ขอผมเข้าไปข้างในได้ไหมครับ”
ไม่ได้! หล่อนปฏิเสธในใจ แต่นอกใจจำต้องยิ้มและเอ่ยอนุญาตอย่างไม่มีทางเลือก
“ได้… ได้สิคะ เชิญค่ะ”
ห้องพักของหล่อนคับแคบลงถนัดตาเมื่อมีผู้ชายรูปร่างสูงราวกับตึกสิบชั้นอยู่ภายใน
“เอ่อ คุณเควินมีธุระอะไรกับยายเหรอคะ” หล่อนถามคำถามเดิมอีกครั้ง เพราะเขายังไม่ยอมตอบ
หลังจากตวัดสายตาสำรวจภายในห้องพักของหญิงชราตรงหน้าอย่างละเอียดลออแล้ว เควินจึงเลื่อนสายตามาจ้องหน้าคู่สนทนาแทน
“วันนี้ทำความสะอาดห้องของผมเป็นยังไงบ้างครับ”
วรันธารารู้สึกไม่ต่างจากการถูกเอามีดแหลมจี้ลงบนหัวใจ หรือว่าเควินจะรู้ หรือว่าเขาสงสัย ไม่นะ… ไม่นะ…!
“เอ่อ ก็ดีค่ะ มี… มีอะไรหรือเปล่าคะ”
พ่อเจ้าประคุณสุดหล่อระบายยิ้มอีกแล้ว แต่ทำไมนะดวงตาสีน้ำเงินอมดำคู่นั้นกลับไม่ให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับริมฝีปากหยักสวยเลย
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่จะชมเชยว่ายายทำความสะอาดได้ดีมาก”
วรันธาราลอบเป่าปากอย่างโล่งอก “ขะ ขอบคุณค่ะ มันเป็นหน้าที่ของยายอยู่แล้วค่ะ”
เควินจ้องหน้าคู่สนทนา ก่อนจะมองเลยไปยังเตียงสีขาวเล็กแคบที่อยู่ด้านหลังของวรันธารา
“ยายดูวัยรุ่นมากนะครับ”
“คุณ… เควินหมายถึง…”
วรันธาราหันหลังกลับไปมองบนเตียงตามที่สายตาของเควินจ้องอยู่ ก่อนที่ใบหน้าจะซีดเผือด โทรศัพท์ของหล่อนวางอยู่บนเตียง ทำไมหล่อนสะเพร่าแบบนี้นะ
“อ้อ… ยาย… ยายชอบไอโฟนน่ะค่ะ มันทันสมัยดี แต่ก็ใช้ไม่ค่อยเป็นหรอก…”
“หรือครับ”
“ค่ะ…”
วรันธาราเสหลบสายตาคาดคั้นของเควิน เนื้อสาวสั่นเทาจนแทบจะซ่อนเอาไว้ไม่มิด
“เอาเป็นว่าผมไม่กวนเวลาพักผ่อนของยายแล้วล่ะครับ หวังว่าพรุ่งนี้เราคงได้พบกันอีก”
เควินพูดแปลกๆ แต่เพราะความหวาดกลัวทำให้หล่อนไม่ได้ใส่ใจมันนัก ตอนนี้ต้องเอาเหตุการณ์ตรงหน้าให้รอดเสียก่อน
“เอ่อ… เดินกลับดีๆ นะคะ” วรันธารารีบเดินมาส่งเควินที่ปากประตูทันที
“ขอบคุณครับ”
เควินหันมายิ้มให้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้รอยยิ้มที่เห็นมันดูเลือดเย็นจนน่าเส้นขนที่แผ่นหลังลุกชัน
“อ้อ ผมลืมบอกไป… แผลเป็นของยายมหัศจรรย์ดีนะครับ เช้าอยู่ข้างซ้าย พอค่ำๆ อยู่ข้างขวา”
วรันธาราอ้าปากค้าง รีบยกมือขึ้นกุมหน้าของตัวเอง
“เอ่อ… คือ… คือว่า…”
หล่อนพยายามจะหาข้อแก้ตัว แต่เควินเดินหายไปในความมืดเสียแล้ว ทิ้งให้ วรันธาราจมดิ่งอยู่กับความผิดพลาดครั้งร้ายแรงที่สุดในชีวิตตามลำพัง
“เขา… เขาเหมือนจะรู้… เขาเหมือนจะรู้ว่าเรา…”
หญิงสาวปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา พลางเดินกลับไปกลับมาราวกับหนูติดจั่น
“จะทำยังไงดีล่ะ คิดสิ คิดสิธาร คิดสิ…” ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาราวกับคนบ้า
ต้องไป… ต้องออกไปจากที่นี่ ใช่… นี่แหละคือทางรอดเดียวที่มี เพราะ เควินคงจะรู้แล้ว คงจะรู้หมดแล้วว่าหล่อนไม่ใช่ยายแก่อย่างที่พยายามยนามแสดงออก
เขาฉลาดเหลือเกิน ในขณะที่หล่อนก็สะเพร่าอย่างไม่น่าให้อภัย
วรันธารารีบตรงปรี่ไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าออกจากตู้ จากนั้นก็เก็บข้าวของทุกชิ้นของตัวเองยัดลงไปในนั้น ก่อนจะเฝ้ารอ… เฝ้ารอเวลาที่จะสามารถเดินทางออกไปจากคฤหาสน์คาสโตรเซ่นอย่างปลอดภัย