วรันธาราแทบจะกระโจนฝ่าประตูกระจกเข้ามาในสำนักพิมพ์ซันไทมส์เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ในความเป็นจริงแล้วหล่อนทำแบบนั้นไม่ได้ จึงจำต้องเดินแกมวิ่งเข้าไปแทน
“วิลเลี่ยม หัวหน้าอยู่ในห้องใช่ไหมคะ”
เพื่อนร่วมงานวัยเดียวกันถูกตั้งคำถามทันที
“อยู่ครับ เห็นคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงานนั่นแหละ ว่าแต่คุณเถอะได้ข่าวว่าลาพักร้อนไม่ใช่เหรอ”
“ฉันมีธุระน่ะ”
วรันธาราเดินจากโต๊ะของวิลเลี่ยมมุ่งหน้าตรงไปยังห้องทำงานส่วนตัวของแอนโทนี่ แต่ระหว่างก็ถูกเพื่อนร่วมงานสาวจอมอิจฉาเรียกเอาไว้เสียก่อน
“สวัสดีจ้ะแม่นักข่าวใหญ่”
วรันธาราพยายามจะไม่ใส่ใจกับคำกระแหนะกระแหนของวาเนสซ่าแต่ก็ทนไม่ได้นานเมื่อเจ้าหล่อนพูดขึ้นมาอีก
“ไหนเคยประกาศว่าจะไม่ทำข่าวซุบซิบนินทายังไงล่ะจ๊ะ”
“หุบปากไปเลยนะเนส ฉันไม่มีอารมณ์มีมาทะเลาะกับเธอตอนนี้หรอก”
“แหม พอพูดแทงโดนใจดำเข้าหน่อยทำเป็นทนฟังไม่ได้เชียวนะ”
วาเนสซ่าลุกขึ้นจากเก้าอี้ พร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปยืนเผชิญหน้ากับวรันธาราด้วยท่าทางหาเรื่องสุดฤทธิ์
“เธอมันก็แค่คนที่ชอบกลืนน้ำลายตัวเอง พวกปากว่าตาขยิบ”
“เนส!”
“ฉันพูดผิดตรงไหนกันล่ะ”
วรันธารานับหนึ่งถึงสิบในใจอยู่สามรอบ ก่อนจะกัดฟันโต้ตอบออกมา
“คนที่ใช้??ไต่เต้าไต่อย่างเธอไม่มีทางเข้าใจความเป็นฉันได้หรอก หลีกทางไปซะ”
วรันธาราผลักวาเนสซ่าจนพ้นทาง ก่อนจะเดินไปกระชากประตูห้องทำงานของแอนโทนี่ออกและก้าวเข้าไปข้างใน
“ร่วงเมื่อไหร่ ฉันเหยียบเธอซ้ำแน่”
วาเนสซ่ามองอย่างเจ็บใจ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งบนโต๊ะทำงานของตัวเอง
แอนโทนี่กำลังคุยอยู่กับสปอนเซอร์รายใหญ่รีบทำตาดุใส่วรันธาราที่พรวดพราดเข้ามาอย่างไม่พอใจมาก
“ได้ครับ ซันไทมส์ของเรายินดีมากครับ เดี๋ยวผมให้เลขาโทรกลับไปแจ้งรายละเอียดอีกรอบนะครับคะ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ”
และเมื่อลูกค้าวางสายไปแล้วเขาก็สาดอารมณ์ใส่หญิงสาวทันที
“คุณพรวดพราดเข้ามาทำไม ผมยังไม่ได้อนุญาตเลย อ้อ แล้วนี่ผมพึ่งให้คุณลาพักผ่อนไม่ใช่เหรอ มาทำไม ผมถามว่ามาทำไม”
วรันธาราเดินไปหยุดที่โต๊ะทำงานของแอนโทนี่ สองแขนเท้ากับโต๊ะกระจกตัวใหญ่เอาไว้
“ธารต้องการให้หัวหน้าลบรูปทั้งหมดของเควิน คาสโตรเซ่นทิ้งค่ะ”
แววตาของวรันธารามุ่งมั่นและจริงจังจนแอนโทนี่รู้สึกขยาด แต่เพราะผลประโยชน์ที่จะได้รับจากสปอนเซอร์ทำให้เขาเลือกที่จะมองข้ามมันไป
“ผมไม่ลบ และพรุ่งนี้ผมจะเอารูปของเควิน คาสโตรเซ่นที่เหลือขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ซันไทมส์อีกรอบด้วย”
“แต่ธารขอร้องนะคะหัวหน้า อย่าทำแบบนั้นเลย…”
“ผลประโยชน์สำหรับผมมันยิ่งใหญ่มาก”
แอนโทนี่ระบายยิ้มละโมบก่อนจะหรี่ตาแคบจ้องมองวรันธาราที่กำลังไม่สบายใจอยู่ด้วยความเบื่อหน่ายรำคาญ
“คุณควรกลับไปสงบสติอารมณ์ได้แล้ว คุณวรันธารา ก่อนที่ผมจะหมดความอดทนกับคุณ”
“ต่อให้หัวหน้าจะไล่ธารออก แต่ธารก็ต้องทำให้หัวหน้าลบรูปพวกนั้นทิ้งให้ได้”
“คุณไม่มีสิทธิ์ กลับไปได้แล้ว กลับไปสิ!”
“ธารไม่กลับค่ะ ถ้าหัวหน้าไม่ยอมลบ ธารจะแฉทุกเรื่องกับนักข่าวสำนักพิมพ์อื่น”
แอนโทนี่หน้าแดงก่ำด้วยโทสะ เขาลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมโต๊ะทำงานกระจกออกมาเผชิญหน้ากับวรันธาราในระยะกระชั้นชิด
“คุณกล้าทำลายหม้อข้าวของตัวเองหรือ วรันธารา”
วรันธาราขยับเท้าถอยหลังหนีออกมาสองก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง ขณะจ้องประสานสายตากับคู่สนทนาจอมละโมบอย่างไม่เกรงกลัว
“ถ้ามันคือทางเลือกสุดท้าย ธารก็จะทำค่ะ”
“วรันธารา!”
แอนโทนี่ที่ในหัวมีแต่เงินตรายกมือขึ้นจะฟาดลงบนหน้าของลูกน้องสาว แต่ประตูห้องทำงานถูกกระแทกจากด้านนอกให้เปิดเข้ามาเสียก่อน พร้อมๆ กับมือใหญ่ทรงพลังของใครบางคนยกขึ้นขวางเอาไว้
“อย่าแตะต้องผู้หญิงคนผม!”
“เควิน คาสโตรเซ่น…” แอนโทนี่ครางในลำคออย่างเหลือเชื่อกับภาพที่เห็น แต่ไม่ว่าจะกะพริบตาสักกี่ครั้ง ผู้ชายที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่เบื้องหน้าก็คือ เควิน คาสโตรเซ่นจริงๆ
และไม่ใช่แค่แอนโทนี่หรอกที่ตกใจ เพราะวรันธาราเองก็ตกใจแทบสิ้นสติเหมือนกัน
“คุณ… เควิน…”
เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองหล่อน แม้มือใหญ่ของเขาจะกลับดันให้หล่อนไปซ่อนตัวอยู่ที่ด้านหลัง ในขณะที่ตัวเองยืนประจันหน้ากับแอนโทนี่จอมละโมบแทน
“คุณเควินตัวจริงเสียงจริงใช่ไหมครับ”
“ผมเควิน คาสโตรเซ่นตัวจริง”
แอนโทนี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าซันไทมส์ของผมจะได้รับเกียรติจากมหาเศรษฐีลึกลับอย่างคุณเควินแบบนี้ ผมดีใจที่สุดเลยครับ”
“แต่ผมไม่ดีใจ”
เควินเค้นเสียงกระด้าง นัยน์ตาดุดันเอาเรื่อง
“หยุดนำภาพของผมลงข่าวซะ ถ้าไม่อยากถูกเผาทั้งสำนักพิมพ์”
แอนโทนี่ตกใจหน้าซีด แต่ก็ยังพยายามรักษาภาพพจน์
“แหม คุณเควินนี่อารมณ์ขันจริงๆ เลยนะครับ”
“ผมไม่ใช่คนตลก ไม่ได้มีอารมณ์ขัน และตอนนี้ก็กำลังอยากจะฆ่าคนด้วย”
แอนโทนี่ได้ยินก็รีบถอยหลังกรูดไปซ่อนอยู่หลังโต๊ะทำงานของตัวเอง แต่กระนั้นก็ยังไม่วายพูดออกมาท
“ฆ่าคนมันผิดกฎหมายนะครับ”
“ผมทำได้ทุกอย่างที่คุณคาดไม่ถึงคุณแอนโทนี่ ชวาฟกี้”
แอนโทนี่ไม่กล้าสบตาของเควินเพราะมันน่ากลัวเหลือเกิน
“ผมจะแจ้งตำรวจ และคุณก็จะเป็นข่าวใหญ่โต ถ้าคุณคิดจะมาทำลายซันไทมส์”
“ถ้าผมกลัวก็คงไม่มา เอาเป็นว่าถ้าพรุ่งนี้ยังมีรูปผมบนลงบนหนังสือพิมพ์ซันไทมส์อีกล่ะก็ ผมจะเผาที่นี่ซะ”
เควินพูดจบก็เตรียมตัวจะเดินออกไป แต่ก็ต้องชะงักกับถ้อยคำของแอนโทนี่
“คุณจะมาโทษผมได้ยังไงกัน ในเมื่อคุณไม่ระวังตัวเอง ภาพพวกนี้ถึงได้หลุดออกมาได้ยังไงล่ะครับ”
เควินแค่นยิ้ม ขยับเข้าไปยืนชิดกับขอบโต๊ะทำงาน และโน้มตัวเข้าไปหาคนที่อยู่อีกฟาก
“ถ้าคุณไม่ใช่วิธีสกปรกส่งคนเข้าไปในบ้านของผม ภาพพวกนี้ก็คงไม่หลุดออกมา”
“มันไม่ใช่ความคิดของผมสักหน่อย ผมซื้อภาพนี้มาจากวรันธาราต่างหาก จริงไหมคุณวรันธารา”
คนที่ยืนตัวแข็งเป็นหินอยู่นานสะท้านไปทั้งตัว เมื่อสายตาคมกริบสีน้ำเงินอมดำตวัดมองมา หล่อนตัวสั่น ปากสั่นเทา แม้จะพยายามพูดแต่สิ่งที่ผ่านลำคอออกไปมีเพียงแค่ความว่างเปล่าเท่านั้น
“ตอบคุณเควินไปสิคุณวรันธารา ว่าผมไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คุณเป็นคนคิดและคนทำคนเดียว”
แอนโทนี่ทำหน้าตาดุดันใส่วรันธารา แต่หญิงสาวก็ยังคงยืนนิ่ง หน้าตาซีดเซียว
“ผมจะไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมา แต่พรุ่งนี้ถ้ามีภาพของผมบนหนังสือพิมพ์ของคุณอีกล่ะก็ เกิดเรื่องใหญ่แน่”
แล้วเควินก็หมุนตัวเดินตรงไปยังประตูห้อง แต่ไม่ช้าก็หยุด และเดินกลับมาใหม่ แอนโทนี่เห็นก็ตกใจ
“คุณจะเอาอะไรจากผมอีก คุณเควิน”
เควินไม่ตอบ แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่หญิงสาวที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่แทน
“มากับผม”
ข้อมือเล็กถูกคว้าเอาไว้ พร้อมกับการกระชากลากถูให้กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามออกไป ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์
“เฮ้ย… มีใครถ่ายภาพเอาไว้ได้ไหม มีหรือเปล่า”
แอนโทนี่รีบตะโกนถามลูกน้องของตัวเอง แต่ทุกคนส่ายหน้า
“พวกเราไม่กล้าหรอกครับหัวหน้า คุณเควินดุจะตายไป”
วิลเลี่ยมรีบตอบก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
“โธ่เว๊ย ทำไมพวกเอ็งถึงโง่ขนาดนี้วะ”
แอนโทนี่บ่นอุบอย่างหัวเสีย จนวาเนสซ่าที่ยังไม่ได้ออกไปนอกห้องต้องเดินเข้ามาหยุดข้างตัว และปลอบใจเสียงหวาน
“อย่าไปสนใจนักข่าวกระจอกพวกนั้นเลยค่ะหัวหน้า”
วาเนสซ่าเริ่มลูบไล้มือไปตามต้นแขน และบ่าของแอนโทนี่
“ผมไม่มีอารมณ์ตอนนี้ ออกไปก่อน”
วาเนสซ่าชักสีหน้า ก่อนจะรีบปั้นยิ้ม
“แล้วถ้าเนสบอกว่า… เนสถ่ายรูปของเควิน คาสโตรเซ่นเอาไว้ได้ล่ะคะ หัวหน้าจะยังไล่เนสอีกหรือเปล่า”
“คุณพูดจริงเหรอเนส… นี่คุณไม่ได้หลอกผมใช่ไหม”
ท่าทางของ แอนโทนี่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนทันที
“จริงสิคะ ตอนที่เควินมา เนสไปเข้าห้องน้ำพอดี เลยไม่ถูกหมอนั่นบังคับให้เก็บโทรศัพท์มือถือเอาไว้ใต้โต๊ะค่ะ เนสก็เลย… แอบถ่ายรูปมาได้หลายรูปเลยค่ะ”
“ไหนเอามาให้ผมดูสิ”
แอนโทนี่คว้าโทรศัพท์มือถือของวาเนสซ่าไปเลื่อนดูรูป ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ
“มีรูปตอนที่เควินลากวรันธาราออกไปด้วย รับรองพรุ่งนี้สปอนเซอร์วิ่งเข้าชนเราเละแน่ๆ”
“แล้วแบบแนบนี้จะให้รางวัลอะไรเนสล่ะคะ” วาเนสซ่ายิ้มยั่วยวน แอนโทนี่จึงรีบดึงเข้ามาจูบปาก
“เอาไว้ลุ้นคืนนี้สิครับ”
“ไม่เอาหรอกค่ะแค่เซ็กซ์น่ะ เนสอยากได้อย่างอื่นด้วย”
“แล้วคุณอยากได้อะไรล่ะ แค่บอกมาผมจะมอบให้คุณทุกอย่างเลย แค่คุณบอกมาเท่านั้น เนสคนสวย”
วาเนสซ่ายิ้มปลื้มพึงพอใจ
“เนสอยากได้สร้อยเพชรสักชุด แล้วก็… ตำแหน่งผู้ช่วยของคุณยังไงล่ะคะ”
แอนโทนี่ชะงักไปเล็กน้อย แต่พอนึกได้ถึงความเจริญรุ่งเรืองของซันไทมส์ที่จะตามมาทำให้เขารีบตอบรับ
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ ผมจะทำหนังสือแต่งตั้งคุณอาทิตย์หน้า”
“ขอบคุณค่ะหัวหน้า”
วาเนสซ่าจูบแก้มของแอนโทนี่เบาๆ และจะเลื่อนไปที่ปาก แต่แอนโทนี่ปรามเสียก่อน
“ผมต้องโทรหาสปอนเซอร์ เอาไว้คืนนี้เจอกันนะ”
“ก็ได้ค่ะ”
แม้จะรู้สึกขัดใจแต่วาเนสซ่าก็ทำตามแต่โดยดี
“เนส…”
คนที่กำลังจะก้าวเท้าออกไปนอกห้องชะงักและหมุนตัวกลับมามอง
“เปลี่ยนใจอยากให้เนสจูบแล้วใช่ไหมคะ”
แอนโทนี่ระบายยิ้ม
“ส่งรูปทั้งหมดที่คุณมีมาให้ผมทางไลน์ด้วย เดี๋ยวนี้เลยนะ”
วาเนสซ่าหน้าหงิกแต่ก็รับปาก
“ค่ะ หัวหน้า”
“ขอบใจมาก วาเนสซ่าคนสวย”
ประตูห้องทำงานปิดสนิทลงแล้ว แอนโทนี่จึงรีบต่อสายหาสปอนเซอร์รายใหญ่เพื่อบอกเล่าถึงหมัดเด็ดที่ตัวเองมีอยู่ในมือทันที ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีสปอนเซอร์รายไหนกล้าปฏิเสธที่จะไม่ลงโฆษณากับซันไทมส์เลยแม้แต่เพียงที่เดียว