วรันธาราค่อยๆ แง้มประตูห้องออกทีละนิด ขณะจ้องมองออกไปด้านนอกอย่างระมัดระวัง
“สายป่านนี้แล้ว คนอื่นของออกไปทำงานกันแล้วล่ะ”
หญิงสาวปลอบตัวเอง ก่อนจะก้าวเท้าออกไป แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง
“ฮั่นแน่! พึ่งตื่นหรือครับน้องธาร”
“พี่ซันนั่นเอง ทำธารตกใจหมดเลยค่ะ” วรันธาราหันไปเจอว่าเป็นซันนี่ก็เป่าปากโล่งอก
“ก็พี่เองน่ะสิครับ”
สายตารู้ทันของซันนี่ทำให้วรันธาราต้องเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที “แล้ว… ทำไมวันนี้ไม่ไปทำงานคะ แล้ว… พี่แม็กล่ะหายไปไหน อย่าบอกนะว่าพี่ซันโดดงาน”
“วันนี้พี่ลาพักผ่อนน่ะ ส่วนไอ้แม็กมันออกไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วยังไม่กลับมาเลย สงสัยหิ้วสาวไปนอนด้วยแน่ๆ”
วรันธาราพยักหน้ารับหงึกๆ ก่อนจะเอ่ยขอตัว “งั้นธารขอตัวก่อนนะคะ มีธุระน่ะค่ะ”
“แหม… ธุระกับหนุ่มตัวสูงคนเมื่อคืนนี้ใช่หรือเปล่าล่ะ”
คนที่หวาดระแวงอยู่แล้วชะงักกึก เบิกตากว้างตกใจ “พี่ซัน… พี่ซันเห็นด้วยหรือคะ”
ซันนี่พยักหน้ารับ “ไม่ใช่แค่เห็นนะ แต่พี่ได้ยินด้วยล่ะ ชัดเจนเลย”
วรันธาราตาเหลือก “ได้… ได้ยินด้วย…?!”
“ใช่ครับ ชัดมาก… ระบบเฮชดีเลยล่ะ”
วรันธาราอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี “นั่น… นั่นไม่ใช่เสียงครางนะคะ คือ… ไม่ใช่เสียงของธารเลย…”
“เสียงคราง…? ใครครางครับ” ซันนี่ถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“ก็… ก็พี่ซันบอกว่าได้… ได้ยินเสียง…”
“อ๋อ พี่ได้ยินเสียงน้องธารคุยกับแฟนที่หน้าประตูตอนตีสองน่ะ พี่กลับมาพอดี… ว่าแต่… คราง… ใครครางอะไรเหรอ”
วรันธาราลอบเป่าปากโล่งอก “ไม่มี… ไม่มีใครครางหรอกค่ะพี่ซัน ธาร… ธารขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิครับน้องธาร…”
“ธาร… ธารรีบค่ะ” แล้ววรันธาราก็แทบจะวิ่งออกจากตรงนั้นไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ซันนี่มองตามไป และยกมือขึ้นเกาศีรษะ
“ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วย แปลกจัง” แล้วคนพูดก็เดินกลับไปยังห้องพักของตัวเอง
วรันธารานั่งหน้าแดงก่ำอยู่บนรถแท็กซี่ มือเล็กกุมกันแน่น ร่างกายปั่นป่วนเจียนจะระเบิด เพราะเควินเพียงคนเดียว หล่อนถึงต้องมารู้สึกเหมือนเป็นนักโทษคดีทำอนาจารแบบนี้ ดูสิ… หวาดระแวงไปหมด
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือกรีดร้องขึ้น ซึ่งมันเป็นเพลงโปรดของหล่อนเลยทีเดียวก็ว่าได้ วรันธาราระบายลมหายใจออกจากปากช้าๆ เพื่อตั้งสติ ก่อนจะหยิบขึ้นมามอง
“อีตาบ้า”
และเมื่อเห็นว่าใครก็อดที่จะโมโหไม่ได้
“โทรมาทำไมคะ ฉันไม่ว่างจะคุยกับคุณหรอก” หล่อนทำเสียงห้วนไปตามสาย แต่คนปลายสายหาได้สนใจไม่
“มาหาผมเดี๋ยวนี้”
“ฉันยังนอนไม่ตื่น ขี้เกียจอาบน้ำ ขี้เกียจแปรงฟัน วันนี้จะนอนทั้งวัน ดังนั้นจึงไปหาคุณไม่ได้หรอก” แล้ววรันธาราก็แสร้งทำเป็นยกมือขึ้นปิดปากหาวปลอม จนลุงคนขับรถแท็กซี่ชำเลืองมองอย่างงงๆ หล่อนยิ้มให้ลุงแกแล้วก็ก้มหน้าลงเอามือป้องปาก
“แต่ถ้าบอกว่าเป็นคำสั่งล่ะ”
“ก็สั่งไปสิคะ แต่ฉันไม่ทำตาม แค่นี้นะคะ ง่วงมากตาจะปิดแล้ว”
“ห้ามวางสายเชียวนะ” เขาสั่งเสียงเผด็จการมาตามสาย
“อะไรของคุณอีกล่ะ” วรันธาราโต้กลับไปอย่างโมโห แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะตอบกลับมา
“คุณหัวเราะทำไมน่ะ หรือว่าเป็นบ้าไปแล้ว”
“ลงมาจากรถแท็กซี่ซะ ผมจะไปจอดรอคุณข้างหน้า”
คนฟังอ้าปากค้างและรีบหันไปมองที่ด้านหลังของรถ ซุปเปอร์คาร์คุ้นตาวิ่งตามมากระชั้นชิดหล่อนรีบกดตัดสายมือไม้สั่น
“แย่แล้ว…”
“มีอะไรหรือเปล่าแม่หนู”
ลุงคนขับรถแท็กซี่อดที่จะถามไม่ได้
“คือ… คือลุงช่วยขับรถให้เร็วกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ พอดี… พอดีหนูถูกผู้ชายตามล่าตัวน่ะค่ะ”
ลุงคนขับรถแท็กซี่ฟังแล้วก็หน้าตาตื่น “จริงเหรอ? ได้… ลุงจะเหยียบให้มิดคันเร่งเลย ว่าแต่หนูจะให้ลุงไปส่งที่ไหนเหรอ”
“เอ่อ… ซันไทมส์ค่ะ สำนักพิมพ์ซันไทมส์”
“รับทราบครับ”
แล้วรถแท็กซี่ก็เพิ่มความเร็วมากขึ้น ใช้ความชำนาญทางขับนำไปไกลกว่าเดิม แต่เควินก็ยังขับตามอย่างไม่ลดละ วรันธาราที่นั่งกระวนกระวายอยู่บนรถจึงต้องเปลี่ยนแผนใหม่
“ลุงคะ จอดที่สถานีตำรวจข้างหน้าเลยนะคะ”
“ได้… ได้แม่หนู”
รถแท็กซี่ยังไม่ทันจอดสนิท วรันธาราก็รีบหยิบเงินค่าโดยสารให้กับลุงและกระโจนลงไปทันที
เควินเลี้ยวรถเข้ามาจอดในสถานีตำรวจ ก่อนจะก้าวเข้าไปภายในด้วยท่าทางทระนง
“คุณตำรวจคะ คนนี้แหละค่ะ ที่ตามฆ่าฉัน… ผู้ชายคนนี้เลยค่ะ”
วรันธาราชี้นิ้วมาที่เควิน และแต่งเรื่องเป็นฉากเป็นตอน ในขณะที่ตำรวจหนุ่มมองเควินสลับกับมองวรันธาราอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
“คุณแน่ใจนะครับว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ตามล่าคุณจริงๆ”
“แน่ใจค่ะ แน่ใจที่สุด ยังไงคุณตำรวจช่วยจับเอาไว้ก่อนนะคะ ฉันจะได้หนีพ้น”
เควินจ้องหน้าวรันธาราอย่างมีโทสะ ในเมื่อหล่อนมาไม้นี้เขาก็จะเล่นให้จุกเลย
“นี่คุณเป็นอย่างที่ผู้หญิงคนนี้บอกจริงหรือเปล่า” ตำรวจไม่อยากเชื่อเพราะเควินแต่งตัวดี๊ดี ไม่น่าจะเป็นคนบ้าหรือคนโรคจิตอย่างที่ถูกกล่าวหาได้
“ผมต้องขอโทษสารวัตรด้วยนะครับคะ”
“เอ่อ ผมแค่หมวดครับ” นายตำรวจยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ถูกเลื่อนยศให้กลางอากาศ
“อ้อ ขอโทษที่ครับ ราศีคุณตำรวจเปล่งประกายมากนึกว่าเป็นสารวัตรแล้ว แต่ถึงตอนนี้เป็นแค่หมวด อีกไม่นานเกินปีก็คงได้ขึ้นเป็นสารวัตรครับ ผมรับรอง”
“โอ้ ขอบคุณมากครับ คุณพูดจาดีแบบนี้ ไม่น่าจะเป็นผู้ร้ายได้ ผมว่าผู้หญิงคนนี้ต้องถูกดำเนินคดีข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานแล้วล่ะ”
“อ้าว… คุณตำรวจทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะ” วรันธารามึนตึบ ในขณะที่เควินยิ้มเลือดเย็น
“ก็คุณแจ้งความเท็จนี่ ผู้ชายแต่งตัวดี พูดจาสุภาพแบบนี้จะเป็นคนร้ายไปได้ยังไงกัน ผมว่าคุณนั่นแหละน่าสงสัย มาตามผมไปห้องสอบสวน”
วรันธาราหน้าซีดเผือด เมื่อเรื่องกลับตาลปัตรแบบนี้ “ไม่นะคะ ฉันมีธุระต้องรีบไปทำ”
“คุณตำรวจครับ ผมลืมบอกคุณไป ผู้หญิงคนนี้เป็นเมียของผมน่ะครับ แต่เธอโกรธที่ผมไม่ยอมทำการบ้านกับเธอมาหลายอาทิตย์แล้ว เธอก็เลยต้องมาเรียกร้องความสนใจแบบนี้ครับ ผมขอโทษแทนด้วยนะครับ”
วรันธาราอ้าปากค้างกับวาจาน่าละอายของเควิน “คนบ้า ฉัน… ฉันไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้นสักหน่อย”
“โธ่ ที่รัก เอาเป็นว่าสามวันต่อจากนี้ผมจะจัดให้แบบนอนสต๊อปเลยนะครับ หายโกรธนะ”
ถ้าทำได้วรันธาราคงกรีดร้องเสียงดังลั่นสถานีตำรวจไปแล้ว แต่เพราะทำไม่ได้จึงต้องยืนกัดฟันกรอดอยู่แบบนี้
“งั้นคราวหน้าคราวหลังก็อย่าขาดงานบ้านงานเรือนล่ะ รู้อยู่ว่าเมียชอบ ก็ทำๆ ไปเถอะ ครอบครัวจะได้ไม่แตกแยก”
“ขอบคุณมากครับคุณตำรวจ งั้นผมขอตัวพาเมียกลับไปทำการบ้านก่อนนะครับ”
เควินก้าวเข้ามาคว้าแขนกลมกลึงเอาไว้ ก่อนจะลากไปที่รถอย่างเผด็จการ
“นี่ปล่อยฉันนะ” วรันธาราดิ้นรนตลอดทาง
“หรืออยากโดนข้อหาแจ้งความเท็จกันล่ะ คุณไม่ใช่คนเทกซัสตั้งแต่กำเนิดเนิน คุณไม่รู้หรอกว่าโทษมันร้ายแรงแค่ไหน”
วรันธาราหน้าซีดเผือด “แต่… แต่ฉันไม่อยากไปกับคุณนี่ ฉันมีธุระที่ต้องไปจัดการ นี่ปล่อยเถอะค่ะ”
“ผมจะไปกับคุณด้วย ที่ซันไทมส์น่ะ”
“ห๊า… คุณรู้ได้ยังไงกันน่ะว่าฉันจะไปที่นั่น” วรันธาราอ้าปากค้างเป็นครั้งที่หนึ่งร้อยหนึ่ง
เควินแค่นยิ้มหยัน พลางโน้มตัวลงไปหาด้วยท่าทางคุกคาม “ชีวิตมีแค่ห้องเช่า และซันไทมส์… ถ้าคุณไม่คิดจะอยู่ที่ห้องเช่า ที่ที่คุณคิดจะไปก็ต้องเป็นซันไทมส์ จริงไหม”
ตาบ้านี่รู้ทันหล่อนไปทุกอย่างเลยจริงๆ
“คุณก็แค่เดาถูกเท่านั้นแหละ”
หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนีปลายจมูกโด่งส่วนของคนตัวโต จนเขาพลาดไปจูบที่ใบหูแทน เควินจึงขบติ่งหูเล็กแรงๆ เป็นการลงทัณฑ์
“อ๊ะ ฉันเจ็บนะ”
“คุณไม่เจ็บหรอก แค่ขนลุกเท่านั้นแหละ จริงไหม” เควินอมยิ้มและยืดตัวขึ้นตรง
“ต่อจากนี้ไปในชีวิตของคุณจะไม่มีทั้งห้องเช่า และซันไทมส์อีกต่อไป”
“ว่า…? คุณว่าอะไรน่ะ”
“ชีวิตของคุณจะมีแค่ผม… เควิน คาสโตรเซ่นเท่านั้น”
วรันธารารู้สึกราวกับว่าถูกผลักให้ลงไปในเหวนรกที่ด้านล่างเต็มไปด้วยหอกแหลม แต่พอถูกคมหอกทิ่มแทงกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับร้อนฉ่าแสนหวาน
“คุณ… พูดบ้าอะไรเนี่ย”
“ผมพูดเรื่องจริง ตอนนี้คนของผมกำลังไปขนของของคุณออกจากห้องเช่า และเอาไปไว้ที่คฤหาสน์คาสโตรเซ่น”
วรันธาราอ้าปากค้างเป็นครั้งที่หนึ่งร้อยสอง “คุณ… ทำ… แบบนั้นไม่ได้นะ… ห้ามแตะต้องกับของส่วนตัวของฉัน”
เควินอมยิ้มทรงเสน่ห์อีกแล้วยามโน้มตัวลงมาหาหล่อน “เนื้อตัวของคุณผมยังแตะต้องมาทุกซอกทุกมุม แล้วทำไมกับไอ้แค่เสื้อผ้าเก่าๆ ของใช้ไร้ราคาพวกนั้น ผมจะให้คนแตะต้องไม่ได้”
“คนเผด็จการ!”
“ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวพอถึงซันไทมส์ คุณจะได้เห็นความเผด็จการแท้จริงของผม”
“เควิน…”
หล่อนครางชื่อเขาออกมาได้แค่นั้น ร่างก็ถูกผลักเข้าไปในรถหรู ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นมา และขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังสำนักพิมพ์ซันไทมส์ด้วยความเร็วสูง
เขาจะทำอะไรนะ? เควินคิดจะทำอะไรกันแน่…