างของหล่อนถูกฉุดกระชากให้กึ่งเดินกึ่งวิ่ง… ไม่สิวิ่งซะส่วนมาก ให้เข้าไปภายในอาคารสำนักงานของ ซันไทมส์ สำนักพิมพ์อันดับต้นๆ ของเทกซัส
“เอ่อ คุณเควินมาหาใครครับ” วิลเลี่ยมเห็นก็รีบออกมารับหน้า และก็ต้องตกใจเมื่อเห็นวรันธาราถูกลากติดมือเควินมาด้วย
“ธาร…”
“พี่วิลช่วยธารด้วย”
หล่อนพยายามบิดข้อมือให้หลุด แต่ก็ทำไม่สำเร็จ แถมยังถูกเควินลากเข้าไปในห้องทำงานของแอนโทนี่อีกต่างหาก
“ผมนึกอยู่แล้วว่ายังไงซะคุณก็ต้องมาที่นี่ พร้อมกับ…”
แอนโทนี่ยิ้มต้อนรับเควิน ก่อนจะปรายตามองวรันธาราที่ยืนหน้าซีดเผือดอยู่ข้างๆ ร่างสูงใหญ่ของมหาเศรษฐีจอมเถื่อน
“เมียเก็บ”
“หัวหน้า?!”
วรันธาราแทบไม่เชื่อหูเลยว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของแอนโทนี่ งั้นสิ่งที่คิดเอาไว้มันก็เป็นเรื่องจริง กล้องที่เข้าไปติดในห้องพักของหล่อน ก็ต้องเป็นฝีมือของผู้ชายคนนี้แน่นอน
“ถ้าข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงคุณคงจะฉาวโฉ่น่าดูเชียวนะครับ คุณเควิน คาสโตรเซ่น”
“ข่าวของผมคงจะแพร่ออกไปไหนไม่ได้หรอกครับ” เควินยิ้มเลือดเย็น ท่าทางน่าสะพรึงกลัวจนแอนโทนี่ตกใจ
“คุณ… หมายความว่ายังไง”
“ตอนนี้หุ้นในสำนักพิมพ์ซันไทมส์อยู่ในมือของผม 70% ในขณะที่ผู้บริหารอย่างคุณมีแค่ 30% เท่านั้น”
แอนโทนี่หน้าซีดเผือด “ไม่จริง! มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง ใครจะยอมขายหุ้นให้กับคุณเร็วขนาดนี้”
เควินหัวเราะร่วน “ผมรวย ผมมีเงิน หรือคุณจะปฏิเสธว่าเงินไม่ใช่พระเจ้า”
“แต่… แต่มันเร็วเกินไป” แอนโทนี่ไม่ได้คาดคิดว่าเควินจะใช้วิธีนี้มาจู่โจม
“คุณเป็นนักข่าวฝีมือฉกาจไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงไม่รู้ว่าการโต้กลับของเควิน คาสโตรเซ่นเป็นยังไงล่ะ”
“คุณ…” แอนโทนี่พูดอะไรไม่ออก ยืนอึ้ง แววรุ่งเรืองกลายเป็นรุ่งริ่งขึ้นมาในทันที
“ผมจะสั่งปิดซันไทมส์ซะ แล้วลอยแพพวกคุณให้หมด”
“อย่านะคะ คุณห้ามทำแบบนี้นะคะเควิน”
วรันธาราทนฟังความเหี้ยมโหดของเควินต่อไปไม่ได้อีก และก็ทนเห็นเพื่อนร่วมอาชีพไม่มีงานทำไม่ได้เช่นกัน
“ผมจะทำทุกอย่าง… ทำจริงๆ อย่างที่พูด…” เควินปล่อยมือจากวรันธารา และเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อของแอนโทนี่แทน
“ปล่อย… ปล่อยผมนะ” แอนโทนี่ที่เตี้ยกว่าพยายามดิ้นรน ในขณะที่ เควินมองด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“จำเอาไว้นะคุณแอนโทนี่… ถ้าเรื่องราวของผม ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่าย คลิป หรือว่าอะไรก็ตามที่หลุดออกไปสู่สาธารณะ ผมจะใช้อำนาจในมือปิดซันไทมส์ทันที!” เควินผลักแอนโทนี่ออกห่างอย่างรังเกียจ
“ผมให้โอกาสกับคุณแล้วนะคุณแอนโทนี่”
เควินระบายยิ้มเลือดเย็น หมุนตัวหันหลัง ก็เห็นว่าวรันธารายืนน้ำตาซึมอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มกัดฟันแน่น ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับแอนโทนี่อีกครั้ง
“และขอโทษวรันธาราเสียด้วย เพราะที่เธอต้องเป็นเมียของผม ก็เพราะคุณ!”
เสียงฮือฮา และสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่วรันธารา หญิงสาวหน้าซีซีดขาวสลับแดง อับอายอดสูจนอยากจะให้ธรณีสูบลงไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด หล่อนมองหน้าเควินอย่างตัดพ้อ
ทำไมเขาต้องประจานหล่อนด้วย!
“ขอโทษเธอซะ ขอโทษเธอซะสิโว๊ย!”
“ครับ… ครับคุณเควิน…” แอนโทนี่รับคำเสียงสั่น รีบขยับเข้ามาหยุดตรงหน้าวรันธารา และก้มหน้ากล่าวขอโทษ
“ผมขอโทษ… คุณวรันธารา”
วรันธารายืนนิ่งน้ำตาไหลพราก ในขณะที่เควินยังคงเหี้ยมเกรียมต่อไปอย่างต่อเนื่อง
“พรุ่งนี้ผมจะส่งคนของผมเข้ามาบริหารที่นี่ ส่วนคุณแอนโทนี่… ย้ายลงไปนั่งที่โต๊ะของวรันธาราแทน และทำหน้าที่แทนเธอ”
“ครับ… ครับคุณเควิน”
แอนโทนี่รับคำอย่างไม่มีทางเลือกในขณะที่วรันธาราหมดความอดทนลงอย่างสิ้นเชิง
“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายชีวิตฉัน คุณเควิน คาสโตรเซ่น!”
เควินค่อยๆ หันมาเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่เขาแสนจะห่วง แต่หล่อนกลับมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ
“แล้วเลิกประจานฉันสักที!”
แล้วฝ่ามือเล็กก็ฟาดลงบนแก้มสากของเควินจนสะบัด ก่อนที่หล่อนจะวิ่งหนีออกไปจากซันไทมส์ ท่ามกลางสายตาตกใจของทุกคน
เควินยกมือขึ้นลูบแก้มของตัวเอง ดวงตาสีน้ำเงินเกือบดำมองตามร่างอรชรไปด้วยความเกรี้ยวกราด
“พวกคุณกลับไปทำงานได้แล้ว ส่วนคุณแอนโทนี่ สั่งลบคลิปทุกอย่างที่บันทึกได้จากห้องของวรันธาราให้หมด ไม่อย่างนั้น ผมจะฆ่าคุณทั้งเป็น จำเอาไว้”
แอนโทนี่หน้าเสียเพราะไม่คาดคิดว่าเควินจะรู้ “ผม… ผมไม่มีคลิปอะไรทั้งนั้นครับ”
“ไอ้ระยำสองคนเมื่อวานมันสารภาพออกมาหมดแล้ว ดังนั้นเลิกปากแข็ง ทำตามที่ผมบอก แล้วอนาคตของคุณก็จะยังรุ่งเรืองเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่ทำคุณจะดิ่งลงเหวตลอดชีวิต แอนโทนี่!”
ดวงตาเควินน่ากลัวจนแอนโทนี่ไม่กล้าต่อกร
“ครับ… ครับผมจะลบให้หมด ผมขอโทษครับ”
เควินไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก นอกจากก้าวยาวๆ ออกจากห้องทำงานของแอนโทนี่ เพื่อไปตามล่าผู้หญิงที่กล้าตบหน้าเขากลางสาธารณะชนทันที
“หัวหน้าคะ เราจะทำยังไงกันดีคะ แล้วรูปที่เนสแอบถ่ายเอาไว้ล่ะจะให้ทำยังไง”
วาเนสซ่ารีบถามอย่างร้อนใจ
“จะทำอะไรได้ล่ะ ก็ต้องตามที่เควินสั่งน่ะสิ หรือว่าคุณอยากตกงานกัน เนส!”
“งั้นหัวหน้า… ก็ถูกลดตำแหน่งจริงๆ น่ะสิคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ!”
แอนโทนี่ตวาดอย่างหัวเสีย ก่อนจะรีบวาเนสซ่าที่กำลังจะเดินออกไปเอาไว้
“คุณมาช่วยผมเก็บของด้วย ผมต้องย้ายออกจากห้องนี้แล้ว”
เมื่อแอนโทนี่ถูกลดตำแหน่งแล้วจึงหมดประโยชน์สำหรับวาเนสซ่าทันที
“ขอโทษด้วยนะคะหัวหน้า… เอ่อ คุณแอนโทนี่ พอดีเนสมีงานที่ต้องรีบไปทำงานค่ะ ไม่อยากถูกลดตำแหน่ง”
แล้ววาเนสซ่าก็สะบัดหน้าเดินออกไปไม่สนใจคำด่าของแอนโทนี่ตะโกนไล่หลังมาแม้แต่น้อย
นี่หล่อนยังมีลมหายใจอยู่ใช่ไหม? หลังจากผ่านเรื่องราวเลวร้ายแบบนั้นมา วรันธาราถามตัวเองเบาๆ น้ำตาไหลพรากลงมาอาบแก้ม ภาพซีกแก้มสากของเควินที่มีรอยนิ้วมือทั้งห้านิ้วของหล่อนยังติดตา แต่เขาคงเกลียดหล่อนเสียแล้ว
มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าสะอื้นไห้ ร้องไห้อยากสิ้นความอับอาย จนคนขับรถแท็กซี่คันที่หล่อนโบกมาจากหน้าซันไทมส์อดที่จะถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“คุณผู้หญิงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่… ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ”
หล่อนเงยหน้าและตอบเสียงเครือเจือสะอื้น
“ฉันแค่… พลั้งมือทำร้ายคนที่รักน่ะค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ…”
“ใจเย็นๆ นะครับ”
วรันธาราพยักหน้าทั้งน้ำตา หัวใจเต็มไปด้วยความปวดร้าว ร้องไห้ต่อไปเงียบๆ
“คุณผู้หญิงจะให้ผมไปส่งที่ไหนเหรอครับ”
นั่นสิ… หล่อนควรจะไปที่ไหนดี?
ตั้งแต่วิ่งออกมาจากซันไทมส์ หล่อนก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปที่ไหน… ที่ไหนที่อยู่ห่างไกลจากเควิน คาสโตรเซ่น
“สนามบิน… สนามบินค่ะ”
“ครับผม”
รถแท็กซี่จำต้องพักพวงมาลัยเปลี่ยนเลนส์เพื่อที่จะกลับรถ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งวิ่งมาปาดหน้า และจอดขวาง
“อะไรวะ”
คนขับรถแท็กซี่สบถอย่างโมโห แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อไป ประตูฝั่งผู้โดยสารที่วรันธารานั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่ก็ถูกกระชากให้เปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของเขา
“เค… เควิน…”
“คิดว่าตบหน้าผมแล้วจะหนีไปได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ” ดวงตาของเควินเต็มไปด้วยไฟ
“อ๋อ… งั้นที่คุณผู้หญิงบอกว่าพลั้งมือทำร้ายคนรักไป ก็คือผู้ชายหล่อเกินมนุษย์คนนี้เหรอครับ”
คนขับแท็กซี่หันมาถามวรันธารา ซึ่งนั่นก็ทำให้หญิงสาวอับอายขายหน้าเป็นที่สุด
“มะ ไม่ใช่ค่ะ” หล่อนรีบปฏิเสธ พร้อมกับสะบัดแขนแรงๆ “นี่คุณปล่อยฉันนะคะ ปล่อยสิ”
“ถ้าไม่ยอมลงมาดีๆ ผมจะอุ้มคุณลงมา”
วรันธาราหันไปมองคนขับแท็กซี่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มแห้งๆ และส่ายหน้าบอกให้รู้ว่าคงช่วยอะไรไม่ได้
“ปรับความเข้าใจกันเถอะครับ คนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน”
หญิงสาวถอนใจออกมาแรงๆ อย่างไม่มีทางเลือก “ฉันลงก็ได้ แต่ฉันจะไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น”
“ก็ตามใจ…” เควินโน้มตัวลงไปหาคนที่ตัวเล็กกว่ามากทันทีเมื่อเจ้าหล่อนก้าวลงมาจากรถแท็กซี่แล้ว “ถ้าไม่อาย… เวลาผมจูบหรือว่าดูดเนื้อตัวของคุณด้วยปากของผมน่ะ”
“คน… ลามก”
หล่อนถอยออกห่าง แต่เขาคว้าเอวคอดเอาไว้ทันควัน วรันธารามองหาคนช่วย แต่ไม่มีเลย เพราะรถแท็กซี่ขับเมื่อกี้ก็รีบขับออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้รับค่าโดยสารเลย ทำไมคนจะต้องกลัวเควิน คาสโตรเซ่นกันแบบนี้ด้วยนะ
“ปล่อยฉันนะ”
“ขึ้นรถ ถ้าไม่อยากอับอายมากไปกว่านี้”
“ก็บอกแล้วไงคะว่าฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น อื้อ…” หล่อนเถียงได้แค่นั้นปากก็ถูกประกบติดลงมาทันควัน หล่อนพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่ยิ่งพยายามก็เหมือนยิ่งยั่วยุไฟในทรวงของเควินให้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะเขาจูบ ดูด กัดรุนแรงจนปากของหล่อนแตกยับ และจนสาแก่ใจเขาจึงยอมเงยหน้าขึ้น จ้องหน้าหล่อนเขม็ง
“คราวนี้จะขึ้นรถได้หรือยัง”
วรันธารายกมือขึ้นแตะริมฝีปากที่บวมช้ำของตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นรถไปอย่างเจ็บใจ
เควินหัวเราะเครียดๆ ตามหลังไป
เมื่อขึ้นมานั่งอยู่ในรถด้วยกันแล้ว วรันธาราก็อดที่จะถามด้วยความสงสัยไม่ได้
“ทำไมยังต้องการให้ฉันไปกับคุณนักคะ ทั้งๆ ที่ฉันก็ทำร้ายคุณ ทำให้คุณโกรธเสมอ”
คนถูกถามนั่งนิ่ง แต่ภายในกายกลับเกร็งเครียดขึ้นมาทันที “รู้ด้วยหรือว่าทำให้ผมไม่พอใจน่ะ”
วรันธารารู้สึกผิด “ฉัน… ขอโทษที่ตบหน้าคุณ”
“มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เพราะคุณทำลงไปแล้ว” เขาหันกลับมาจ้องหน้าหล่อน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยกองไฟ “และไม่มีวันที่ผมจะให้อภัยในความงี่เง่าของคุณด้วย”
“เควิน…” วรันธาราครางน้ำตาซึม “ฉันขอโทษ… ฉันไม่เคยอยากทำให้คุณเจ็บ แต่ฉัน… ฉันทนไม่ได้ที่ถูกคุณประจาน”
รถหรูทั้งคันถูกเบรกกะทันหันก่อนที่มันจะถูกบังคับให้จอดสนิทที่ข้างทางเปลี่ยว
วรันธาราตกใจขยับหนีแต่ก็ถูกคว้าเอวคอดเอาไว้ และดึงให้เข้าไปแนบชิดกับผู้ชายที่เนื้อตัวกำยำแข็งแกร่ง
“คุณ… จะทำอะไรน่ะ”
“ผมแค่อยากจะรู้… ผมประจานคุณตรงไหน”
“ก็… ก็ที่บอกว่าฉันเป็นเมียของคุณยังไงล่ะ”
เควินทำเสียงโมโหในลำคอ ก่อนจะจ้องหน้าสวยของหญิงสาวเขม็ง “ผมแค่พูดความจริงออกไป”
“แต่ความจริงบางอย่างไม่ต้องพูดก็ได้นี่คะ และฉันก็ไม่ต้องการให้ใครรู้ถึงความสัมพันธ์ของเรา”
“อ๋อ… คงเกรงว่าไอ้หนุ่มๆ ทั้งหลายในซันไทมส์จะรู้ว่ามีผัวแล้ว และจะไม่กล้าเข้ามาจีบใช่หรือเปล่า” น้ำเสียงของเควินประชดประชัน ในขณะที่ดวงตาของเขาเกรี้ยวกราดรุนแรง “ใช่หรือเปล่า ตอบผมมาสิ วรันธารา!”
หญิงสาวถูกเขย่าจนหัวคลอน
“มันเรื่องของฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย และก็ปล่อยฉันได้แล้ว!”
“ลืมไปแล้วหรือไงว่าเมื่อคืนเรายังเอากันมันส์หยดอยู่เลย”
วรันธาราหน้าแดงก่ำ ร้อนจัดไปด้วยความอับอาย
“คนหยาบคาย!”
เควินระบายยิ้มเดือดดาล พยายามทำเพิกเฉยกับกลิ่นหอมอ่อนละมุนจากกายของวรันธาราอย่างสุดความสามารถ
“อย่าทำให้ผมโกรธมากไปกว่านี้อีกเลย วรันธารา”
“คุณก็โกรธเสมอนั่นแหละ ถ้าเรื่องนั้นมันเกี่ยวกับฉันน่ะ ฉันมันไม่เคยดี ไม่เคยถูกต้องในสายตาของคุณอยู่แล้วนี่”
“ใช่… เพราะเป็นเรื่องของคุณ ผมถึงหัวเสียแบบนี้”
ศีรษะทุยสวยโน้มต่ำลงมาหา และก็ไม่มีการเตือนล่วงหน้าใดๆ ทั้งสิ้น กับจุมพิตที่กำลังเริ่มต้นขึ้น วรันธาราตกใจอุทานเบาๆ แต่เสียงนั้นก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอแกร่งทั้งหมด
หล่อนต้องการขัดขืน ต้านทานอำนาจสวาทของเควิน แต่มันก็เป็นเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา สมองของหล่อนจะว่างเปล่าเสมอยามถูกสัมผัสจากผู้ชายสุดเซ็กซี่คนนี้
“อืมมม…”
เสียงห้าวคำรามพึงพอใจในลำคอเมื่อสาวน้อยในอ้อมแขนตอบสนองด้วยการแย้มแยกกลีบปากให้กว้างออก ต้อนรับการบุกรุกเร่าร้อนของลิ้นแกร่ง สองมือเรียวไต่ขึ้นไปตามแผงอกกว้าง ก่อนจะตวัดโอบรัดเอาไว้รอบลำคอแกร่ง
จูบตอบเขา…จูบตอบเควินด้วยอารมณ์เร่าร้อนเทียมกัน
รถทั้งคันส่ายสะบัดตอบรับแรงเสน่หาจากสองร่างที่กอดรัดกันแน่น แม้ทั้งตัวจะยังมีเสื้อผ้าอยู่ครบถ้วน แต่บางอย่างกลับผนึกสอดประสานกันได้อย่างเมามัน
“อ๊า… เคน…” ใบหน้างดงามเงยหน้าด้านหลัง มือเล็กข้างหนึ่งยันกับหน้าขาแกร่งกำยำเอาไว้ทรงกาย ในขณะที่บั้นท้ายอวบยกโยกคลึงกับความเป็นบุรุษเพศเป็นจังหวะ
“โอ้ว… พระเจ้า… ธาร… ธารจ๋า…”
ความควบคุมตัวเองกระเด็นหายไปตั้งแต่ได้จูบปากอิ่มชุ่มฉ่ำ และตอนนี้แรงสวาทก็ทำให้เขาร่วมรักกับวรันธาราภายในรถหรูท่ามกลางรถที่วิ่งผ่านไปมาอย่างไร้ความยับยั้งชั่งใจ
หล่อนหวานล้ำ ยวนใจ และบีบรัดคับแน่นเหลือเกิน…
แล้วแบบนี้เขาจะ… ต้านทานเสน่ห์นางได้ยังไงกัน
“ธารจ๋า… แรง… แรงขึ้น… ธาร… โอ้วววว…”