ร่างของวรันธาราถูกวางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนที่เจ้าของอ้อมแขนแข็งแรงจะถอยออกห่าง ยามนี้ใบหน้าหล่อเหลาของเควินดูเคร่งเครียดจนน่าเป็นกังวล
“เควินคะ…”
เควินหันกลับมามอง แม้เขาจะพยายามยิ้ม แต่หล่อนก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังไม่สบายใจ
“เรื่องคุณแม่ของคุณ…”
“มันไม่มีอะไรหรอก”
เขายิ้มบางๆ ให้กับหล่อนอีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินไปเกาะขอบหน้าต่าง แผ่นหลังกว้างสีแทนที่ยังมีหยาดน้ำเกาะพราวสะท้อนขึ้นลงตลอดเวลา วรันธาราตัดสินใจก้าวลงจากเตียง เดินไปหยุดที่ด้านหลังของเควิน
“ถ้าเก็บไว้แล้วไม่สบายใจ… บอกให้ฉันฟังบ้างก็ได้นะคะ” แล้วก็ตัดสินใจโอบกอดร่างกำยำนั้นเอาไว้ แนบแก้มนวลกับผิวเรียบตึง “เวลาคนเรามีเรื่องทุกข์ใจ หรือไม่สบายใจ การได้พูด ได้เล่าให้กับใครสักคนฟัง จะทำให้รู้สึกดีขึ้นนะคะ”
“ผมไม่เป็นอะไร”
“ไม่จริงหรอกค่ะ คุณกำลังเป็นทุกข์”
เควินถอนใจก่อนจะหมุนตัวกลับมา แสงตะวันที่สาดกระทบมาตกที่ด้านหลังศีรษะ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มดูลึกลับมากขึ้นหลายเท่านัก
“ผมบอกแล้วไง…” เขาอมยิ้ม “ว่าไม่ได้เป็นอะไร คุณเป็นห่วงผมเกินไปแล้ว”
พอถูกเขาแซวกลับก็อดหน้าแดงไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังยืนยันเจตนารมณ์เดิมของตัวเอง “ก็… ก็ต้องเป็นห่วงสิคะ ถ้าไม่มีคุณ… ฉันก็ไม่มีงานทำน่ะสิ ก็ใครใช้ให้คุณซื้อซันไทมส์กันล่ะ” เขาว่าอู้อี้ในลำคอ เควินหลุดหัวเราะออกมา
“ยายบ๊องบ๋องปากแข็ง” มือใหญ่ยื่นมาบีบจมูกโด่งรั้นอย่างหมั่นไส้
“คนบ้า… ฉันไม่ได้เป็นคนบ้าคนบ๊องบ๋องสักหน่อย แล้วก็ไม่ได้ปากแข็งด้วย นี่ฉันเจ็บจมูกนะเนี่ย”
เควินหยุดทำ และเลือกที่จะรวบร่างอรชรเข้ามากอดแนบอกแทน “ผมชอบนะ ที่คุณเป็นห่วงผมน่ะ”
คนถูกกล่าวหาเสหลบตา อ้อมแอ้มปฏิเสธเบาๆ “ใคร… ใครว่ากันล่ะ ฉัน…”
“เอาเป็นว่าผมหายดีแล้วแหละ คุณเป็นยาวิเศษจริงๆ”
วรันธาราเงยหน้า ช้อนตามองเขาตาโต “ฉัน… ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ”
“แค่คุณแสดงออกว่าเป็นห่วงผม แค่นี้ผมก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว”
คนฟังรีบก้มหน้าอีกรอบ คราวนี้แก้มแดงจัดเลยทีเดียว พอคิดได้ก็รีบดิ้นรนจะออกจากอ้อมแขน แต่ชายหนุ่มไม่ปล่อย
“ขอบคุณมากนะ ที่ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้น”
“ฉัน… ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
เควินหัวเราะกับท่าทางขัดเขินของวรันธารา “ผมคงต้องไปพบยายแม่มดสักหน่อย ก่อนที่ยายแม่มดจะเส้นเลือดในสมองแตกไปเสียก่อน”
วรันธารายืนเคว้ง นัยน์ตามีความเสียดายจนเควินสังเกตเห็น เขาอมยิ้ม และเดินเข้ามาหาอีกครั้ง
“ผมไม่ชอบทำอะไรรีบร้อน ผมต้องการใช้เวลาสำรวจความงดงามของคุณให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เอาเป็นว่าผมจะกลับมาทำให้เนื้อตัวของคุณแดงซ่านเพราะริมฝีปากของผม ในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อจากนี้” ดวงตาของเควินช่างยั่วยวนใจให้สั่นไหวเหลือเกิน “ผมสัญญา…”
“บะ บ้า… ฉันไม่ได้… ต้องการแบบนั้นสักหน่อย…”
“แต่ผมต้องการ” แล้วเควินก็ก้มลงจูบเร็วๆ กับกลีบปากอิ่ม วรันธาราตกใจ แต่ก็รีบตอบสนองจุมพิตหนักหน่วงนั้นอย่างเร่าร้อน จนเควินครางกระหึ่มในลำคอ
“หรือผมควรจะเปลี่ยนใจดีนะ”
“คุณ… คุณแม่รอแล้วล่ะค่ะ”
วรันธาราถอยหลังออกห่างเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ พร้อมกับยกหลังมือขึ้นป้ายริมฝีปากของตัวเองเบาๆ อย่างเอียงอาย
“แล้วผมจะรีบกลับมา”
เควินก้มหน้าลงมาหาอีกครั้ง แต่คราวนี้คนตัวเล็กเบี่ยงตัวหลบได้ทัน ชายหนุ่มหัวเราะหึหึในลำคออย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะก้าวเดินออกไปจากห้อง
เสียงปิดประตูห้องดังขึ้น พร้อมๆ กับเสียงถอนใจแผ่วเบาที่ดังออกมาจากลำคอระหง วรันธารายกมือขึ้นลูบกลีบปากของตัวเอง แตะไปตามผิวหน้าของตัวเองเบาๆ เพื่อซึมซับกับความรุ่มร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากภายใน
“ทำไมคุณถึงมีอิทธิพลกับฉัน… ขนาดนี้… เควิน…”
“เสร็จธุระกับแม่นักข่าวคู่ขาแล้วหรือ เควินลูกรัก”
คำทักทายแรกจากปากของแคลอรีน่าที่มอบให้กับลูกชาย หลังจากที่ เควินเดินเข้ามาหาภายในห้องทำงาน
เควินระบายยิ้มที่มุมปาก “ยังครับ แต่ที่ผมเลือกที่มาหาคุณแม่ก่อน เพราะไม่อยากได้ยินเสียงรถแอมบูแลนซ์น่ะครับ”
“เค… วิน!”
“ครับ”
แคลอรีน่าไม่เคยพึงพอใจกับคำพูดห่างเหินของเควินที่แสดงต่อตัวหล่อนเลย แต่ไม่ว่าหล่อนจะพยายามแค่ไหน แต่สายตาที่เควินมองมากลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่า… ว่างเปล่าจนน่าตกใจ…
“แม่รู้ว่าแม่ทำผิดกับลูก และพ่อของลูก แต่แม่…”
“เลิกพูดถึงเรื่องในอดีตเถอะครับ ผมลืมมันไปหมดแล้ว” เควินจ้องหน้ามารดา
“คุณแม่มีอะไรจะพูดกับผมก็ว่ามาเลยครับ แต่ขอให้เป็นเรื่องปัจจุบันเท่านั้น”
แคลอรีน่าลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปหยุดตรงหน้าบุตรชาย เควินเมินหน้าหนีไม่ใส่ใจ กรามแกร่งขบแน่น
“แม่ขอโทษ เควิน… แม่ผิดไปแล้ว”
มือของเควินถูกผู้เป็นแม่กุมเอาไว้ แต่ไม่นานเขาก็กระชากมันออก และถอยหลังออกห่างสามก้าว ดวงตาคมกริบแดงก่ำ
“ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณแม่พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้”
“เควิน”
แคลอรีน่าครางน่าสงสาร แต่เควินเมินหน้าหนี ภาพเหตุการณ์ในอดีตที่จางลงไปแล้วชัดเจนขึ้นอีกครั้ง ภาพวันที่ฝนตกพร่ำ ภาพวันที่แม่หิ้วกระเป๋าออกไปจากบ้านพร้อมกับชายชู้ ทิ้งเขาและพ่อให้อยู่กันตามลำพัง เขาทั้งร่ำไห้ ทั้งวิ่งตามจนเนื้อตัวเปียกปอน เรียกร้องหาแม่ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับก้าวขึ้นรถ ไปกลับชายชู้โดยไม่ไยดี เขาหกล้ม หัวเข่าเลือดออกขณะวิ่งตามรถคันนั้นฝ่าสายฝน มือของพ่อฉุดรั้งให้เขาลุกขึ้นอีกครั้ง แม้ท่านเองจะกำลังร้องไห้เช่นกัน ตั้งแต่วันนั้น… เขาก็คิดเสมอว่าโลกนี้มีแต่พ่อ… เขาเกิดมาเพื่อทดแทนบุญคุณของพ่อ ส่วนผู้หญิงที่เบ่งเขาออกมาคนนี้ แคลอรีน่าเป็นยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเท่านั้น
‘เคน… แม่ของลูกสำนึกผิดแล้ว ลูกอย่าทอดทิ้งแม่นะ สัญญากับพ่อ สัญญากับพ่อนะเคน’
แม้แต่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต บิดาของเขาก็ยังคงมีน้ำใจกับแคลอรีน่าไม่เสื่อมคลาย และด้วยเหตุผลนี้ทำให้เขายอมให้ผู้หญิงคนนี้กลับเข้ามาในวังวนชีวิตอีกครั้ง แต่อย่าหวังว่าจะบังคับอะไรเขาได้ เพราะมันไม่มีทางแน่นอน
“พูดเรื่องของคุณแม่มาเถอะครับ ผมจะรีบกลับไปหาเมีย”
“เมีย?”
“ครับ”
แคลอรีน่าทำหน้าไม่เชื่อ ก่อนจะพูดถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองเดินทางมาหาบุตรชายในครั้งนี้ หลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบสามปี “ลูกจำหนูไครี่ย์ลูกสาวของเพื่อนแม่ได้หรือเปล่า”
“ผมไม่เคยคิดจะจำผู้หญิงครับ” เควินตอบกลับโดยไม่เสียเวลาคิด จากนั้นก็เดินไปทรุดนั่งบนโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ แต่กระนั้นสีหน้าก็ยังดูเคร่งขรึมอยู่ไม่น้อย
แคลอรีน่าเดินไปนั่งตรงหน้าลูกชาย
“หนูไครี่ย์เป็นเด็กดี การศึกษาก็ดี แถมชาติตระกูลก็เหมาะสมกับลูกด้วย”
“แล้วทำไมคุณแม่ถึงคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเด็กดีล่ะครับ” เควินอมยิ้มหยันที่มุมปาก
“ถ้าแม่ผู้หญิงที่คุณแม่ถูกตาต้องใจอยากจะได้มาเป็นลูกสะใภ้ชื่อไครี่ย์ แอสตัน ลูกสาวของบาบาร่า กับ สตีฟ แอสตันล่ะก็ ผมฟาดมาเรียบร้อยแล้วล่ะครับ”
“ห๊า!”
เควินมองปากที่เผยอค้างของมารดาอย่างขบขัน
“แม่นี่เดินนวยนาดขึ้นไปนอนบนเตียงผมตั้งแต่ยังไม่เต็มสิบแปด และผมก็ไม่ใช่คนแรกของเธอด้วย”
ชายหนุ่มยิ้มหยัน พร้อมผุดลุกขึ้นยืน
“คุณแม่เลิกหาผู้หญิงให้ผมเถอะครับ เพราะผู้หญิงที่คุณแม่พอใจ ก็มักจะมีนิสัยไม่ต่างจากคุณแม่ ซึ่งผมรังเกียจ ขอตัวครับ”
“เควิน!”
“ครับ”
เควินหันกลับมา อมยิ้มยั่วยวนมารดา
“แต่แม่ก็ไม่ยินดีต้อนรับนังนักข่าวชั้นต่ำนั้นเหมือนกัน”
ไหล่กว้างของผู้เป็นบุตรชายไหวน้อยๆ “ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณแม่จะยินดีหรือว่ายินร้าย แต่สิ่งเดียวที่ผมสนใจก็คือ…”
เควินขยับเท้าเข้ามาใกล้มารดา และจ้องมอง
“ห้ามแตะต้องเมียของผมเด็ดขาด”
แคลอรีน่ากัดฟันแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความเดือดดาล “นี่ลูกกำลังหลงมัน จนลืมแม่นะ เควิน!”
เควินอมยิ้มหยัน “ก็เหมือนกับตอนที่คุณแม่หลงชู้รัก จนลืมลูกชายกับสามียังไงล่ะครับ ไม่ต่างกันสักนิด”
แล้วชายหนุ่มก็ถอยหลังออกห่าง ริมฝีปากคลี่เป็นรอยยิ้ม แต่ดวงตากลับมืดลึกน่ากลัว
“เอาล่ะ ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ ส่วนคุณแม่จะเดินทางกลับวันไหน บอกเลขาฯ ของผมได้เลย เธอจะจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ ขอตัวครับ”
“แม่ยังไม่กลับ แม่จะอยู่ที่นี่จนกว่าจะเห็นลูกเขี่ยนังกระจอกนั่นออกไปจากชีวิต”
“เมียผมชื่อวรันธาราครับ” เควินอมยิ้มไม่สนใจ และเดินผิวปากออกไปราวกับกำลังอารมณ์ดี แคลอรีน่ากรี๊ดลั่นห้องอย่างขัดเคืองใจเป็นที่สุด
“คิดว่าแม่จะยอมแพ้ง่ายๆ หรือไง ไม่มีทางหรอก ลูกเป็นของแม่ เควิน”
แล้วแคลอรีน่าก็รีบกดโทรศัพท์มือถือโทรออกทันที เมื่อปลายสายรับ หล่อนก็รีบละล่ำละลัก
“หนูไครี่ย์ ป้าต้องการให้หนูมาเทกซัสด่วน พรุ่งนี้เลยยิ่งดี”