“จะรีบไปหามันสินะ!”เควินแทบหายเมาเลยทีเดียว เมื่อก้าวเข้ามาในห้องนอนแล้วเห็นกระเป๋าเดินทางของวรันธาราวางอยู่กลางห้อง
คนถูกตวาดน้ำตาซึม หัวใจเต้นอ่อนล้าด้วยความปวดร้าวทรมาน
เควินพึ่งกลับมาหลังจากออกไปทั้งคืน… ออกไปพร้อมกับไครี่ย์ ความหวงแหนที่ไร้สิทธิ์ทำงานเกินหน้าที่ หล่อนกัดปากจนเจ็บ ขณะเงยหน้าขึ้นสบประสานสายตากับคนใจดำ
“ก็แล้วแต่คุณจะคิดค่ะ”
“ก็แล้วแต่จะคิดหรือ!”
“โอ๊ย… ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ” เมื่อถูกฝ่ามือใหญ่ขยุ้มที่ต้นแขนทั้งสองข้างเต็มแรง ความเจ็บระบมจนกระดูกแทบหักก็ระเบิดขึ้น หญิงสาวพยายามดิ้นรน
“ปล่อยนะ เจ็บ…”
“เจ็บด้วย? คนอย่างคุณเจ็บเป็นด้วยหรือวรันธารา!”
หยาดน้ำตาร่วงกราวลงอาบแก้ม ขณะมองเขาอย่างตัดพ้อ “ฉันก็มีหัวใจ ทำไมฉันจะเจ็บไม่เป็นคะ”
เควินกัดฟันแน่น ดวงตาของเขายามนี้มืดลึกและเต็มไปด้วยโทสะแรงกล้า
“ผู้หญิงอย่างคุณ… ไม่มีวันเจ็บได้เท่ากับผมหรอก”
วรันธาราสะอื้นเบาๆ จ้องมองเขาไม่หลบสายตา “ถ้าคุณรู้… รู้จักฉันดีพอ คุณจะรู้ว่าทำไมฉันถึงเจ็บขนาดนี้”
เควินเมินหน้าหนี ก่อนจะผลักร่างอรชรออกจากตัวด้วยท่าทางรังเกียจ “รีบไปซะ!”
หญิงสาวยังคงยืนนิ่ง น้ำตาทะลักทลาย
“บอกให้รีบไปซะไง! ก่อนที่ผมจะมัดคุณเอาไว้ในห้องนี้ตลอดชีวิต!”
“เควิน…”
“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา ไม่ต้องมามองผมด้วยสายตาแบบนี้ ผมรู้ดีว่าคุณ… ต้องการจะไป คุณไม่เคยยินดีกับการอยู่ใกล้ผม…”
เสียงของเขาเบาลง พร้อมๆ กับการก้าวถอยหลังออกไปอีก ความห่างเหินแทรกตัวเข้ามาขวางกั้นจนแทบมองไม่เห็นกัน
“คุณเกลียดความป่าเถื่อนของผม โอเค… ผมเข้าใจทุกอย่าง ไปซะ ไปให้พ้นหน้าผม… ไปสิ!”
น้ำตาของวรันธาราไหลไม่หยุด หล่อนมองเขาด้วยความร้าวราน “ฉันจะไป… จะไปเดี๋ยวนี้”
“ไปเลย! ไปให้พ้น” แล้วเควินก็หมุนตัวหันหลังหนี ดวงตาคมกริบแดงก่ำเพราะความเจ็บปวด
“ขอให้คุณ… มีความสุขกับ… คุณไครี่ย์…”
เควินไม่ได้ตอบโต้สิ่งที่ได้ยิน เขายังคงยืนนิ่ง แผ่นหลังกว้างยังคงสะท้อนขึ้นลงด้วยจังหวะเดิม
วรันธารากระชับกระเป๋าในมือแน่น มองร่างสูงเทียมฟ้าของเควิน ผู้ชายที่ตัวเองหลงรักจนหมดหัวใจอีกครั้ง… มองเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อที่จะตราตรึงเขาเอาไว้ในหัวใจ
ในความทรงจำตลอดกาล…
“ลาก่อนค่ะ ฉัน…”
รักคุณ… สองคำนี้หล่อนไม่สามารถเปล่งมันออกไปจากลำคอได้ ทำได้แค่เพียงพูดเบาๆ ในใจเท่านั้น
ฉันรักคุณ เควิน…
เสียงปิดประตูเบาๆ ดังขึ้นพร้อมกับการจากไปของวรันธารา ร่างสูงที่ยืนตระหง่านทรุดลงกับพื้น ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีก นอกจากเสียงแผ่วเบาของลมหายใจที่เจียนจะขาดเท่านั้น
แคลอรีน่ากับไครี่ย์เบิกตากว้างเมื่อเห็นวรันธาราเดินลากกระเป๋าร้องไห้ลงมาจากบันได
“คุณป้าคะนั่น…”
“นังนักข่าวกระจอกกำลังจะไปจากเควิน” แคลอรีน่าแทบจะกระโดดด้วยความดีใจเลยทีเดียว ก่อนที่ทั้งสองคนจะรีบลุกขึ้นเดินไปดักหน้าอริศัตรู
“ตัดสินใจได้แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ จะได้ไม่ต้องเสียใจมากไปกว่านี้” แคลอรีน่าเปิดฉากจากทันที
วรันธารายกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง พยายามเข้มแข็ง “ถ้าจะกรุณา รบกวนให้คนขับรถไปส่งฉันที่สนามบินด้วยค่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว คนขับรถจะไปส่งเธอแน่ เพราะฉันกับหนูไครี่ย์ต้องการให้เธอไปจากเควินให้เร็วที่สุด”
วรันธารายืนนิ่ง น้ำตาเอ่อล้นขอบตา “ฉัน… จะไปรอที่หน้าตึกนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน”
แคลอรีน่าเรียกเอาไว้
วรันธาราชะงักเท้ายืนนิ่ง
“คุณยังต้องการอะไรจากฉันอีกหรือคะ”
แคลอรีน่ายิ้มหยัน ก่อนจะหยิบเช็คเงินสดยื่นให้ตรงหน้าของวรันธารา
“หนึ่งล้านเหรียญ ฉันคิดว่าเงินมากขนาดนี้จะทำให้เธอสบายไปทั้งชาติ ถ้ารู้จักใช้อย่างประหยัด”
คนถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเจ็บปวดจนแทบจะหายใจไม่ออก วรันธารามองหน้าของแคลอรีน่าผ่านม่านน้ำตา มือเล็กยืนไปรับเช็คเงินสดเอาไว้ ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่เควินเดินออกมาจากห้องพอดี เขายืนอยู่ที่ราวบันไดชั้นบน และมองเห็นทุกอย่าง
‘เพราะเงินสินะ คุณถึงเลือกจะไปจากผม’
สิ่งที่เห็นทำให้เควินหมุนตัวเดินกลับไปทันที จึงไม่ทันได้เห็นวินาทีที่วรันธาราฉีกเช็คและปาใส่หน้าแคลอรีน่า
“นังชั้นต่ำ!”
“เก็บเงินของคุณไปเถอะค่ะ มันซื้อฉันไม่ได้หรอก”
“ทำเป็นหยิ่ง นังนักข่าวกระจอก!”
ไครี่ย์ช่วยแคลอรีน่าด่าทอ
วรันธาราเชิดหน้าสูง แม้น้ำตาจะไหลก็ตาม
“ศักดิ์ศรีของฉันไม่สามารถตีค่าเป็นเงินได้ค่ะ ขอตัวนะคะ และหวังว่าพวกเราคงไม่ต้องพบเจอกันอีก”
คราวนี้ไม่ว่าแคลอรีน่าและไครี่ย์จะตะโกนด่าทอยังไง หล่อนก็ไม่คิดจะหันหลังกลับไปอีกแล้ว หยาดน้ำตาทะลักอาบแก้ม
“ลาก่อนค่ะ เควิน… ลาก่อน…”
หล่อนยืนอยู่หน้าตึก เงยหน้าขึ้นมองไปยังหน้าต่างห้องนอนอย่างอาลัยอาวรณ์
“คุณธาร… คุณจะไปไหนคะ”
ป้าเดซี่วิ่งกระหืดกระหอบมาขวางหน้าเอาไว้
วรันธาราปั้นยิ้ม น้ำตาไหลตลอดเวลา
“ฉันต้องไปแล้วล่ะป้า ลาก่อนค่ะ”
“คุณธารจะทิ้งคุณเคนไปจริงๆ เหรอคะ ทำไมไม่สงสารคุณเคนบ้าง”
“ฉัน… ไม่ได้มีความหมายกับคนที่นี่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันไปก่อนนะคะ ถ้าเรามีวาสนาต่อกัน สักวันเราอาจจะได้พบกันอีกครั้ง”
“คุณธาร…”
ป้าเดซี่กุมมือของวรันธาราเอาไว้ ถามอย่างใจหาย “ตัดสินใจจะไปจริงๆ เหรอคะ จะไปจริงๆ ใช่ไหม”
วรันธาราพยักหน้ารับเศร้าหมอง “ฉันต้องไปจริงๆ ค่ะ แต่ฉัน… จะคิดถึงป้าเดซี่นะคะ”
หญิงสาวโผเข้ากอดร่างของป้าเดซี่เอาไว้ ร้องไห้ออกมาท่วมท้น หล่อนไม่ได้อยากไปไหน หล่อนรักเควิน แต่เควินไม่ได้ต้องการหล่อน ไครี่ย์คือผู้หญิงที่เควินต้องการ
“ดูแลตัวเองด้วยนะคะป้าเดซี่”
“คุณธาร…”
“ฉันไปนะคะ ลาก่อนค่ะ”
วรันธารายกมือขึ้นไหว้ป้าเดซี่ ก่อนจะตัดสินใจก้าวขึ้นไปบนรถที่จอดติดเครื่องรออยู่ ประตูรถถูกปิดสนิทลง พร้อมๆ กับความห่างไกลที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หัวใจของหล่อนเหมือนจะปริแตกด้วยความอาลัยอาวรณ์ ภาพคฤหาสน์หรูในดวงตาค่อยๆ ลางเลือน จนในที่สุดก็ไม่อาจจะมองเห็นมันได้อีก
จบแล้วสินะ… กับชีวิตของซินเดอเรลล่า…
เควินยืนนิ่งสงบนิ่งอยู่ใต้สายน้ำจากฝักบัว ทั้งๆ ที่ยังสวมเสื้อผ้าอยู่เต็มชุด หยาดวารีค่อยๆ ไหลรินจากหน้าผากลงไปยังปลายคาง และหยดลงไปเปื้อนเสื้อผ้าเปียกปอน หยดน้ำที่ไม่อาจจะแยกแยะได้ว่ามันคือสายน้ำหรือว่ามันคือหยาดหยดของน้ำตา
มันควรจะจบแล้วนี่อยู่แล้ว…
ผู้ชายป่าเถื่อนเช่นเขา ไม่สมควรมีชีวิตคู่
เควินกัดฟันแน่น มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าของตัวเอง ดวงตาเต็มไปด้วยความปวดร้าว เมื่อนึกถึงสิ่งที่ผ่านมา
เส้นทางชีวิตที่มืดดำมาจนชาชิน สว่างไสวขึ้นเมื่อมีรอยยิ้มของผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาแต่งแต้ม แม้จะพยายามต่อต้าน ผลักไส และเข้มแข็งขนาดไหน แต่ความสุขที่ได้รับจากเจ้าของรอยยิ้มสดใสคนนั้น ก็ทำให้การควบคุมความรู้สึกพังทลายลง จนสุดท้ายก็ไม่อาจจะควบคุมอะไรได้อีก
ลุ่มหลงกับตกบ่วงรัก มันอยู่ห่างกันแค่เพียงหนึ่งเส้นด้ายเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเขาแยกแยะมันไม่ออกจน จนกระทั่งเวลานี้…
ยามที่ต้องจากกันไปชั่วชีวิต…
“ผมแพ้คุณแล้ว… วรันธารา…”
ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ทรุดลงนั่งกับพื้นกระเบื้องราคาแพง สายน้ำยังคงราดรดลงบนศีรษะทระนงตลอดเวลา
ภาพภายในสนามบินยังพร่าเลือนเหลือเกิน ทำไมหล่อนถึงไม่อาจจะเพ่งมองผู้คนรอบตัวให้ชัดเจนมากขึ้นได้ ทำไมภาพผู้คนที่เดินผ่านไปมาถึงได้เลือนรางแบบนี้
วรันธาราสะอื้นได้ มองผู้คนที่เดินผ่านไปมาผ่านม่านน้ำตาด้วยความปวดร้าวในอก หัวใจเต้นอ่อนแรงเหลือเกิน หล่อนทำถูกแล้วใช่ไหมที่เชือดหัวใจตัวเองแบบนี้ ทำถูกแล้วใช่ไหมที่เลือกจะเดินจากความสุขชั่วคราวนั้นมา
ใช่… หล่อนทำถูกแล้ว… ในเมื่อไม่อาจจะหยุดรักเควินได้ หล่อนก็ต้องก้าวเดินออกมา ก่อน… ก่อนที่ความรักล้นอกจนเก็บเอาไว้ไม่มิด หยาดน้ำตาทะลักทลายออกมาอย่างต่อเนื่อง ก้อนสะอื้นกระจุกแน่นอยู่ที่ลำคอและพยายามจะดันออกมา มือเล็กเย็นเฉียบจึงต้องยกขึ้นปิดกั้นเอาไว้สุดกำลัง
แค่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ก็ถูกจ้องมองอย่างเวทนาแล้ว อย่า… อย่าได้ปลดปล่อยเสียงแห่งความร้าวรานใจออกไปอีกเลย วรันธาราพยายามป้ายน้ำตาทิ้ง แต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งไหลริน
“วรันธารา…”
เสียงเรียกจากใครบางคนตรงหน้าทำให้หล่อนเงยหน้าขึ้น มองผ่านม่านน้ำตาไป
“เควิน…” หัวใจเหมือนจะหยุดเต้น รอยยิ้มดีใจระบายเต็มหน้า “คุณ… คุณมาหาฉันเหรอคะ คุณมารั้งไม่ให้ฉันไปใช่ไหมคะ เควิน…” รอยยิ้มทั้งน้ำตากระจายเต็มใบหน้าร่างอรชรลุกขึ้นยืน และโผเข้าไปกอด แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความว่างเปล่า
ไม่มีเควิน… ตรงหน้าของหล่อน ไม่มีเขา… มันเป็นเพียงแค่ภาพเงาที่สมองสร้างขึ้นมาหลอกลวงเท่านั้น
วรันธารายืนเคว้งอยู่ตรงนั้น สะอื้นไห้อย่างไร้ความอับอายใดๆ อีก ผู้คนกำลังมองมาที่หล่อน มองมาอย่างเวทนาสงสาร หล่อนควรจะอับอาย และหนีไปจากตรงนี้ซะ แต่… แต่ทำไม่ได้ เมื่อสองเท้าไม่มีแรงเลย สุดท้ายร่างทั้งร่างก็ทรุดลงกับพื้น และร่ำไห้อยู่ตรงนั้นปริ่มจะขาดใจ