“อืม ข้าไม่ทำให้พวกเจ้าขาดทุนหรอก” ซูจื่อเยี่ยรู้สึกว่าท้ายที่สุดแล้วสองแม่ลูกนี้ก็เป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิต เพื่อให้ตนเองนั้นอยู่ที่นี่อย่างสบายใจต่อ จึงตัดสินใจพูดให้ชัดเจน
หลิวฉีซื่อได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็ไม่เคยหุบลงมาได้อีกเลย
เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น พวกเขายังคงมีความสุข แม้แต่สองพี่น้องหลิวเต้าเซียงและหลิวชิวเซียงก็พลอยมีความสุขอย่างยากที่จะได้เห็น
หลังจากหลิวเต้าเซียงได้รับประทานอาหารเย็นแล้ว นางก็อาศัยแสงยามค่ำคืนแอบหลบไปด้านหลังห้องปีกทิศตะวันตก จัดการเอาพุทราจีนที่ซื้อมาวันนี้ล้างจนสะอาด ส่วนหลิวชิวเซียงก็ไปขอน้ำตาลแดงมาจากจางกุ้ยฮัว
“พี่ใหญ่ พี่มาต้มก่อน จู่ๆ ข้าก็รู้สึกปวดท้อง อยากไปห้องน้ำสักครู่”
หลิวชิวเซียงไม่สงสัยแต่อย่างใด เพียงแต่บอกให้นางรีบไป
ก่อนจะพูดจบ หลิวเต้าเซียงก็วิ่งพรวดพราดออกจากเรือนหลังบ้านไปแล้ว
“เด็กคนนี้นี่ วิ่งเร็วกว่ากระต่ายเสียอีก”
ทําไมหลิวเต้าเซียงถึงเลือกช่วงเวลานี้น่ะหรือ?
หนึ่งคือ หลิวฉีซื่อและคนอื่นๆ ได้แยกย้ายกลับเข้าไปในห้องแล้ว และสองคือพวกนางสองพี่น้องทำงานในเวลากลางคืนสะดวกกว่า
นางเดินออกจากห้องปีกทิศตะวันตกเบาๆ เดินไปรอบๆ ตรงกลางทางเดินที่อยู่ระหว่างทิศใต้ของปีกตะวันตกและผนังลาน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงหายตัวเข้าไปในห้วงมิติ
ช่วงบ่ายเทียบเท่ากับผ่านไปสองวันครึ่ง ก่อนหน้านี้หากว่าหลิวฉีซื่อไม่รั้นจะให้พวกนางสองพี่น้องเก็บโต๊ะ ก็คงไม่ต้องล่าช้าไปกว่าครึ่งชั่วยาม
หลังจากเข้าไปในห้วงมิติอย่างรีบร้อน นางไปดูรางอาหารและเครื่องให้น้ำดื่มก่อน จากนั้นก็เติมอาหารและน้ำจนเต็ม
ศูนย์ศูนย์เจ็ดลอยตามหลังมาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ “ผมว่าโฮสต์ครับ คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ ดูสิไก่พวกนี้ตัวแห้งอย่างกับอะไรดี”
ดูลูกไก่ทั้งสามไม่กินอาหารแต่กระพือปีก เดินด้วยเท้าเล็กๆ ตรงไปที่เครื่องจ่ายน้ำ ก้มดื่มน้ำแล้วแหงนหน้ากลืน เสร็จแล้วก็สะบัดหัวเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มต่อ…
หลิวเต้าเซียงรู้ว่าตนเองเข้ามาช้าเกินไป นางเหลือบมองไปที่ศูนย์ศูนย์เจ็ดด้วยหัวใจที่อ่อนแอ แต่แล้วดวงตาก็เปล่งประกายด้วยไหวพริบ จากนั้นก็หัวเราะและพูดอย่างประจบประแจงว่า “เจ้าสัตว์ปีศาจน้อย นายเป็นคนดีที่สุด นายเข้าใจฉันหน่อยสิ นายดูสิ ตอนเที่ยงหลังจากฉันเอาไก่มาไว้ข้างในเสร็จก็ไม่มีเวลาเข้ามาดูอีกเลย ย่าจอมโหดของฉันก็เอาแต่ใช้งานอย่างหนัก แม้ว่าจะบอกให้อู้งาน แต่ก็ไม่สามารถอู้งานได้ทุกวัน ไม่อย่างนั้นจะไม่มีข้ออ้างได้”
นางต้องเอาหลิวฉีซื่อเป็นตัววัด ทุกครั้งที่หลิวฉีซื่อไม่พอใจมาก นางก็จะอยู่บ้าน ทำงานบ้านเป็นเด็กดีว่าง่าย อย่างเช่นวันนี้ นางทำงานบ้านหนักอยู่ครึ่งค่อนวัน แล้วก็อีกอย่าง นางไม่ต้องการให้หลิวชิวเซียงทำงานหนักอยู่คนเดียว
หลังจากที่ศูนย์ศูนย์เจ็ดได้ฟังก็รู้สึกว่านางพูดมีเหตุผล กระนั้นจึงเอ่ยอย่างปากร้ายแต่ใจดีเพื่อโน้มน้าวว่า “โฮสต์ครับ คุณต้องพยายามเข้านะครับ การเลี้ยงไก่เพิ่มขึ้นแต่ละตัว นั่นหมายถึงว่าคุณสามารถขยายห้วงมิติได้เพิ่มอีก และจะสามารถเลี้ยงไก่ได้เพิ่มอีก”
หลิวเต้าเซียงไม่ได้คํานวณเรื่องนี้ นางไม่ทราบว่าจากที่ศูนย์ศูนย์เจ็ดกล่าวมา ในหนึ่งเดือนต้องเลี้ยงไก่ให้ได้หนึ่งพันตัว เช่นนั้นแล้วต้องเหนื่อยหอบไปจนถึงเมื่อไรกว่าจะทำงานจบ
“เจ้าสัตว์ปีศาจน้อย ฉันเองก็อยากให้เป็นอย่างนั้นนะ หรือไม่เอาอย่างนี้ไหมล่ะ นายเอาเงินตั้งต้นมาให้ฉัน เพราะจะว่าไปฉันยังสามารถคืนหนี้ก้อนแรกที่เช่าที่ได้ ความกดดันในใจฉันก็จะลดลงบ้าง จะได้เลิกกินไม่ได้นอนไม่หลับ พอคิดว่าต้องคืนเงินคนอื่น ในใจฉันก็เหมือนกับมีภูเขาลูกใหญ่ทับอยู่”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ศูนย์ศูนย์เจ็ดรู้สึกราวกับเป็นมะเขือยาวที่ถูกทุบจนน่วม เพราะระหว่างทางที่มันตามหาโฮสต์ ก็ได้เอาสมบัติของหลิวเต้าเซียงไปแลกเป็นเชื้อเพลิง นางคือผู้เช่าที่ฝ่ายผลิตระบุมา ส่วนเขาคือผู้ให้เช่า ศูนย์ศูนย์เจ็ดไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพื่อที่จะหาตัวเธอเจอ ในสถานการณ์เช่นนั้นมันจึงต้องตัดสินใจไปเองก่อน จึงได้ใช้สมบัติของโฮสต์โดยพลการ นี่เท่ากับทำผิดกฏดวงดาว หากว่าหลิวเต้าเซียงรายงานเรื่องนี้กับเบื้องบน มันก็จะถูกฝ่ายผลิตลบออกอย่างไร้เยื่อใย จากนั้นก็กลายเป็นของไร้ประโยชน์
เพียงแค่คิดมันก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว เรื่องนี้ตีให้ตายก็ห้ามหลิวเต้าเซียงพูดออกมาเด็ดขาด
“โฮสต์ ผมไม่ได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่ลูกไก่ในช่วงวัยนี้ห้ามปล่อยให้หิวเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพวกมัน”
หลิวเต้าเซียงคิดไม่ถึงว่าหน่วยสอดแนมคนนี้จะเจรจาได้โดยง่าย ทั้งที่เธอเองก็ไม่ได้พูดหรือทําอะไรที่เป็นการข่มขู่ จนสุดท้ายก็ได้แต่คิดว่าการที่เจ้าสัตว์ปีศาจเปลี่ยนไปแบบนี้ เป็นเพราะว่าได้ซึมซับและเกิดมีความโอบอ้อมอารีขึ้นมา รู้แจ้งว่าควรจะปฏิสัมพันธ์อย่างมีไมตรีต่อโฮสต์อย่างไร
หลิวเต้าเซียงนอกจากจะหน้าหนาและใจกล้าบ้าบิ่นแล้ว ไม่ว่านางจะทำเรื่องใดก็มักจะจริงจังเป็นอย่างยิ่ง เรื่องนี้เป็นจุดเด่นของนาง โปรดิวเซอร์ที่อยู่ไกลออกไปในอีกกาแล็กซีหนึ่งก็เล็งเห็นข้อนี้ของนางด้วย จึงให้ศูนย์ศูนย์เจ็ดโผเข้ามาอ้อมอกของนางเอง มิฉะนั้นสิ่งมีชีวิตในดวงดาวมากมาย ทำไมจึงมีเพียงหญิงสาวธรรมดาอย่างหลิวเต้าเซียงที่ได้รับผลประโยชน์แบบนี้
ในขณะที่พูดคุยกับศูนย์ศูนย์เจ็ด นางก็ตรวจสอบดวงตาและก้นของลูกไก่ทั้งสามตามหน้าแรกของ ‘คู่มือการเพาะเลี้ยง’ แล้ววางไว้บนพื้นที่ละตัว พบว่าพลังการต่อสู้เวลาแย่งอาหารนั้น แต่ละตัวถือว่าไม่แพ้กัน ในที่สุดก็เอ่ยกับศูนย์ศูนย์เจ็ดว่า “ตรวจสอบแล้ว ลูกไก่ทั้งสามตัวนี้มีสุขภาพดีมาก”
ศูนย์ศูนย์เจ็ดให้คะแนนความรับผิดชอบของนางอยู่ในขั้นสี่ดาว ที่ไม่ได้ให้เต็มห้าดาวเพราะว่าหักคะแนนที่หลิวเต้าเซียงเข้ามาห้วงมิติสาย ทำให้ลูกไก่หิวโหย มันคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก จึงหักไปหนึ่งดาว
หลิวเต้าเซียงไม่รู้เรื่องคะแนนประเมินที่มันให้ หลังจากที่ออกมาจากห้วงมิติแล้ว เมื่อกลับบ้านไปหลิวชิวเซียงยังคงต้มน้ำกับน้ำตาลทรายแดงที่ด้านหลัง ส่วนหลิวซานกุ้ยน่าจะเหนื่อยจากช่วงกลางวัน ป่านนี้จึงกรนจนสนั่นหวั่นไหว
น้ำจากน้ำตาลทรายแดงต้ม จางกุ้ยฮัวไม่ต้องการกินคนเดียวจึงแบ่งให้ลูกสาวของนางด้วย
หลิวเต้าเซียงคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นยาชูกําลังและบำรุงเลือด นางและหลิวชิวเซียงเองก็กําลังอยู่ในวัยเจริญเติบโต
กินก็กิน อีกครึ่งเดือน บ้านนางก็น่าจะมีไข่ให้กินแล้ว
ทําไมถึงพูดเช่นนี้น่ะหรือ เพราะ ‘คู่มือการเพาะเลี้ยง’ กล่าวว่าไก่จะวางไข่หลังจากผ่านไปนานกว่าร้อยวัน
แค่พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกครึ่งเดือน จนมาถึงช่วงกลางถึงปลายเดือนมีนาคมแล้ว
บาดแผลของซูจื่อเยี่ยสมานเรียบร้อย ตอนนี้เขาสามารถลงไปเดินเกาะผนังได้หลายก้าว ทว่าเด็กหนุ่มค่อนข้างหัวรั้น ทั้งที่รู้ว่าร่างกายตนเองยังอ่อนแอ แต่ให้ตายก็ไม่ยอมให้หลิวเสี่ยวหลันพยุงตนเองขณะเดิน
ยิ่งไปกว่านั้นเหตุผลที่เขาอ้างก็ค่อนข้างมีน้ำหนัก นั่นคือชายและหญิงมิควรสนิทสนมกัน อายุเกินเจ็ดขวบก็มิควรนั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน
คำพูดนี้สามารถหยุดการเข้าไปตีสนิทของหลิวเสี่ยวหลันได้ แต่หลิวฉีซื่อเองก็เห็นด้วยกับเขา จึงให้หลิวเสี่ยวหลันทำกิริยาสำรวมหน่อย คร่าวๆ ก็คือให้นางย้ายเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งตรงข้างหน้าต่าง แล้วพูดคุยกับซูจื่อเยี่ยผ่านตรงนั้น
ขณะที่หลิวเต้าเซียงผู้มีอายุเท่ากับหลิวเสี่ยวหลัน และเป็นคนที่เจอซูจื่อเยี่ยก่อนผู้ใดก็ถูกหลิวฉีซื่อไล่ไปให้ห่าง
วันใดถ้าไม่ให้นางออกไปเอาเครื่องปรุงรสที่ปากทางหมู่บ้าน ก็จะให้ไปส่งผ้าเช็ดหน้าปักของหลิวเสี่ยวหลันกับร้านปัก ซึ่งทุกครั้งในเวลาแบบนี้ หลิวฉีซื่อจะต้องยืนอยู่ตรงระเบียงแล้วเอ่ยถามเสียงดัง “เถ้าแก่เนี้ยคนนั้นเพิ่มราคาให้เท่าไหร่ล่ะ หนนี้?”
หรือไม่ก็เอ่ยชมหน่อย “ฝีมือการปักของหลันเอ๋อร์ของเรามีการพัฒนาอีกแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอน ช่วงนี้นางกำลังฝึกการปักที่ซับซ้อนอยู่ไม่น้อย”
หรือไม่ก็จะพูดว่า “หืม คราวนี้หลันเอ๋อร์ของเราทําเงินได้เยอะมากมาย ดูกระเป๋าใบนี้สิ มันหนักมาก”
จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังเพื่อสอนหลิวเสี่ยวหลันให้เรียนรู้การเย็บปักถักร้อยผ้าม่านเตียงที่ไว้ใช้แขวนบนหัวเตียง ซึ่งมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นในอีกไม่กี่วันจะได้ยินเสียงหลิวฉีซื่อสอนหลิวเสี่ยวหลันเย็บผ้าม่านเตียงอยู่ตรงบันได อีกทั้งยังพูดเสียงดังว่าวิธีการเย็บปักถักร้อยเหล่านี้เลิศเลออย่างไร ได้ยินว่าครอบครัวมารดาของท่านย่าใหญ่ตระกูลหวงที่อยู่ในอู๋โจว บ้านบรรพบุรุษของมณฑลอู๋โจว ผู้คนในพื้นที่นั้นเป็นเลิศที่สุดด้านการเย็บปักถักร้อย การที่หลิวฉีซื่อพูดเช่นนั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าการให้หลิวเสี่ยวหลันได้รับความเลื่อมใสจากซูจื่อเยี่ย
หลิวเต้าเซียงยิ้มอย่างหมดศรัทธากับการกระทำของนาง พอหันหลังจึงเลิกคิด แล้วดูว่าอะไรสำคัญที่สุดตอนนี้น่ะหรือ? แน่อนว่าต้องเป็นตำลึงเงิน ใจชายย่อมมีวันเปลี่ยน แต่เงินไม่มีวัน มีเท่าไรก็เท่านั้น ต่อให้จริงใจมากเพียงใดก็สู้เงินไม่ได้
ในวันนี้ เมื่อนางกลับเข้าไปในห้วงมิติ เสียงภาคภูมิใจของศูนย์ศูนย์เจ็ดก็ดังขึ้น “ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ด้วยครับ มีไก่สองตัววางไข่แล้ว”
เดิมทีหลิวเต้าเซียงคิดว่าไก่ที่นางกําลังเลี้ยงอยู่จะเป็นเพศเมียทั้งสามตัว ไม่เคยรู้เลยว่ามีตัวผู้หนึ่งตัวด้วย เมื่อห้าวันก่อนโปรดิวเซอร์ในห้วงมิติส่งของมา คร่าวๆ คือมีลูกปัดโลหะขนาดเท่ารูหัวเข็มเบอร์หนึ่ง
ในเวลานั้นศูนย์ศูนย์เจ็ดได้อธิบายว่า ลูกปัดเล็กๆ นี้ห้ามดูถูกมันเด็ดขาด มันเป็นหุ่นยนต์ขนาดเล็กซึ่งใช้ในการตอนไก่ หลังจากที่ไก่ถูกตอน อย่างพันธุ์ของไก่ที่หลิวเต้าเซียงเลี้ยงไว้นี้ หากว่าให้อาหารเพียงพอก็สามารถเพิ่มน้ำหนักสุทธิได้มากกว่าห้ากิโลกรัม
หลิวเต้าเซียงได้ยินเช่นนั้นก็เลิกแขนเสื้อขึ้นทันใด อิงจากวิธีที่ศูนย์ศูนย์เจ็ดบอกมา เมื่อป้อนลูกปัดโลหะเข้าปากของไก่ หุ่นยนต์ตัวจิ๋วนี้จะเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมภายในร่างกาย และเข้าไปทำการตอนไก่ตัวนี้
จากนั้นจะอาศัยหลอดลมภายในตัวไก่มุดออกมาทางรูจมูก
บ้าไปแล้ว เทคโนโลยีพัฒนาขึ้นมากเช่นนี้เชียวหรือ? แต่การที่นางไม่ต้องลงมือเองก็เป็นเรื่องดีเหนือกว่าสิ่งอื่นใด
ในขณะที่นึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้น นางก็มาถึงห้วงมิติเขตเพาะเลี้ยง ในมุมหนึ่งของพื้นที่ขนาดหนึ่งตารางเมตรนี้มีรังไก่ที่นางใช้หญ้าฟางทำเตรียมไว้สองอัน ขณะนี้ ด้านในมีไข่อยู่สี่ใบ แต่หลิวเต้าเซียงก็เอ่ยถามออกมาด้วยความตกตะลึง “ทำไมมันเล็กเช่นนี้?”
ขนาดของมันเทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของไข่ขนาดปกติ
“ไข่ที่ฟักช่วงแรกเล็กมาก คุณไม่เคยรู้หรือครับ? ไข่ช่วงต้นๆ มีขนาดเท่านี้เป็นเรื่องปกติครับ”
หลังจากฟังคําอธิบายของศูนย์ศูนย์เจ็ด หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่าต้องใช้เวลาสองสามวันในการรอให้แม่ไก่ทั้งสองวางไข่ตามปกติ ช่างเถอะ ถึงอย่างไรก็ทำกินเอง จึงยังไม่คิดอะไรมากมาย
หลิวเต้าเซียงฮัมเพลงป๊อปที่ไม่ถูกคีย์ และเก็บไข่เล็กๆ สี่ฟองไว้ในคลังเก็บของในห้วงมิติแล้วออกไป
เมื่อเร็วๆ นี้หลิวฉีซื่อไม่ได้ฆ่าไก่อีก หลักๆ เป็นเพราะไก่ที่นางเลี้ยงไว้สิบกว่าตัวหายไปกว่าครึ่งแล้ว นั่นทำให้นางเจ็บปวดใจยิ่งนัก
หลิวเต้าเซียงก็ไม่จําเป็นต้องถูกเรียกใช้งานแล้ว ทำไมน่ะหรือ?
เพราะคุณชายน้อยตื่นขึ้นมาแล้ว หลิวฉีซื่อไม่อยากให้เห็นหน้าสองพี่น้อง จึงเรียกหลิวซุนซื่อมาช่วยในครัวแทน ส่วนหลิวเต้าเซียงและหลิวชิวเซียงก็ถูกไล่ให้ไปทำงานนอกบ้าน หลิวเต้าเซียงเดิมทีอยากขึ้นเขาไปเก็บฟืนก็ได้ทำ ส่วนหลิวชิวเซียงก็วนเวียนอยู่ในสวนผักของครอบครัว
วันนี้นางออกไปเก็บฟืนนานครึ่งค่อนวัน รอจนถึงเวลาอาหารเย็นจึงกลับมา
จางกุ้ยฮัวยังเหลือเวลาอีกสิบวันก็จะพ้นจากการอยู่เดือน ส่วนน้ำตาลแดงกับพุทราจีนต่อให้ประหยัดอย่างไรก็กินจนหมดแล้ว ขณะที่หลิวเต้าเซียงไม่มีปัญญาไปแอบตักน้ำแกงไก่ได้อีกเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าอาหารของจางกุ้ยฮัวเริ่มน้อยลงทุกวัน หลิวชิวเซียงก็กังวลจนจะร้องไห้
“พ่อ แม่ พวกท่านดูสิ” หลังจากที่หลิวเต้าเซียงกลับมาที่บ้านจึงเอ่ยขึ้น
ตะเกียงน้ำมันนั้นส่องสว่างพอที่จะมองเห็นว่านางกำลังหยิบของบางอย่างในเสื้ออ๋าว แต่อันที่จริงคือกำลังล้วงเข้าไปในห้วงมิติ แล้วหยิบไข่ใบเล็กๆ ออกมาไว้ในอุ้งมือแปดใบ
ถูกต้อง แม่ไก่สองตัวนั้นออกไข่อีกในช่วงบ่าย จึงเพียงพอให้พวกนางทั้งครอบครัวได้ต้มน้ำแกงไข่กิน
ปฏิกิริยาแรกของจางกุ้ยฮัวคือ นางทำให้เด็กคนนี้ต้องลำบากอีกแล้ว
ปฏิกิริยาแรกของหลิวซานกุ้ยคือ เด็กคนนี้คงไม่ได้ขโมยย่ามาใช่หรือไม่?
ปฏิกิริยาแรกของหลิวชิวเซียงคือ อ้า ไข่! แค่คิดก็อยากกินแล้ว
—–