สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 5 นางร้ายนี่ยากจริง!

บทที่ 5 นางร้ายนี่ยากจริง!

บทที่ 5 นางร้ายนี่ยากจริง!

เมื่อมู่ซืออวี่หิ้วของห่อเล็กห่อใหญ่ออกมา ชาวบ้านรอบ ๆ ต่างก็มองมาด้วยสีหน้าเหยียดหยาม

ถึงแม้ว่านางจะยืนหยัดเพื่อลู่จื่ออวิ๋น แต่ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็รู้ดีว่านางไม่มีคุณสมบัติความเป็นแม่เลย อย่าได้แม้แต่จะพูดถึงการดูแลฝาแฝดชายหญิงคู่นี้ เพียงแค่ไม่รังแกพวกเขาก็ดีเท่าไรแล้ว

“เฮอะ! ถ้าข้าไม่เห็นนางตั้งท้องในเดือนสิบ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กสองคนนี้เกิดจากเจ้า ชาติที่แล้วเขาทำกรรมอะไรไว้ถึงได้เกิดใหม่ในท้องของนางคนนี้กัน”

หญิงชราถ่มน้ำลายตามหลังมู่ซืออวี่

“ของพวกนี้พอให้นางใช้อย่างสุรุ่ยสุร่ายได้สองสามวันเท่านั้นแหละ เด็กน้อยผู้น่าสงสารเอ๋ย ข้าเกรงว่าแม้แต่ขนไก่เส้นเดียวพวกเขาก็คงไม่ได้เห็น”

“ก็ใช่อย่างที่ท่านว่า เสี่ยวอวิ๋นขี้อายมาโดยตลอด เหตุใดจึงกล้าไปขโมยถอนต้นกล้าพี่สะใภ้หวังได้ หรือว่าเป็นเพราะหิวจนทนไม่ไหว พวกท่านไม่เห็นกันรึ วันนั้นข้าเห็นสองพี่น้องนั่นฉีกเปลือกไม้กิน! หากเห็นต้นไม้ที่ไม่มีเปลือก นั่นแหละต้นที่สองพี่น้องฉีกกินเข้าไป ท่านพูดเช่นนี้แล้วคิดว่ามู่พ่างโหดเหี้ยมเกินไปหรือไม่”

ทุกคนเยาะเย้ยมู่ซืออวี่เพียงชั่วครู่ จากนั้นก็กล่าวถึงเด็กน้อยผู้น่าสงสารและสิ่งที่ตระกูลหวังต้องสูญเสีย ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้เห็นอกเห็นใจอย่างจริงใจนัก เพราะตระกูลหวังก็รุกรานผู้คนในหมู่บ้านไม่น้อยไปกว่ามู่ซืออวี่

“ลู่ฉาวอวี่ ออกมาช่วยข้าเร็ว!” มู่ซืออวี่เหนื่อยจนแทบจะหายใจไม่ออก เมื่อเห็นลานเล็ก ๆ ทรุดโทรมอยู่ตรงหน้า นางก็ตะโกนเรียกก่อนจะเดินเข้าประตูไป

ลู่ฉาวอวี่ยืนมองอยู่ที่หน้าต่าง เห็นมู่ซืออวี่กำลังถือสิ่งของห่อเล็กห่อใหญ่เต็มไปหมด ทว่าท่าทางกลับดูราวกับว่าเป็นหมาแก่ที่กำลังเหนื่อยล้า

สำหรับมารดาที่เห็นแก่ตัวคนนี้ บ่นว่าเหมือนหมาแก่ก็ไม่เป็นไร หมามีความภักดีอยู่แล้ว จะเอานางไปเปรียบเทียบกับหมาที่ซื่อสัตย์ได้อย่างไร

เมื่อเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จากด้านใน มู่ซืออวี่ก็ไม่ร้องเรียกอีก นางปิดประตูลานบ้านแล้วค่อยปล่อยไก่ทั้งสามตัวที่ผูกไว้ด้วยเชือก

ไก่ทั้งสามตัวตกใจทันทีที่ถูกปลดเชือก มันกระพือปีกวิ่งหนีไป มู่ซืออวี่เห็นแล้วก็เศร้าใจ “น่าจะจับไก่ไว้สักตัวสิ บ้าไปแล้ว… นี่โง่ขึ้นด้วยหรือ รอสักพักเถอะ เดี๋ยวแม่จะจับให้หมด”

มู่ซืออวี่หิ้วข้าวสารหนึ่งชั่งเข้ามาในครัว จากนั้นก็มีเสียงโครมครามดังออกมาจากห้องครัว และไม่นานกลิ่นหอมก็โชยออกมา

โครก…

ท้องของลู่ฉาวอวี่ร้องขึ้นมาราวกับเสียงกลอง

เขาลูบท้องตัวเองพลางมองไปทีลู่จื่ออวิ๋นที่กำลังหลับใหล หรือว่าสุดท้ายแล้วออกไปหาของกินด้านนอกดี

“น้องพี่ พี่จะรีบกลับมานะ เจ้ารอพี่ก่อน” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยขึ้นข้าง ๆ เตียง จากนั้นก็วิ่งออกไปด้านนอกด้วยความกังวลใจ

ส่วนมู่ซืออวี่ต้มโจ๊กผักเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ร่างกายนี้โลภจริง ๆ เพียงแค่ได้กลิ่นโจ๊กที่ยังทำไม่เสร็จน้ำลายก็ไหลออกมาแล้ว ดวงตาของนางก็เอาแต่มองไปทางหม้อโจ๊กอย่างไม่อาจควบคุม ราวกับว่าพร้อมจะเขมือบในวินาทีต่อไปให้ได้

มู่ซืออวี่ค้นไปทั่วทั้งครัว ในที่สุดก็พบเกลือและน้ำมันที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อย นางล้างชามน้ำมันด้วยน้ำร้อน เทน้ำมันและน้ำลงในหม้อ เติมผักใบเขียวที่ถอนออกมาจากสวน สุดท้ายก็โรยเกลือ

“เด็กคนนั้นล่ะ?” นางนำโจ๊กผักที่เย็นแล้วเข้ามาในห้องของลู่จื่ออวิ๋น แต่กลับไม่พบลู่ฉาวอวี่

หลังจากวางชามลงบนโต๊ะ นางก็เดินไปแตะหน้าผากของลู่จื่ออวิ๋นก่อนจะขมวดคิ้ว “มีไข้นี่”

ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว แสงสุดท้ายกำลังสาดส่องลงมา ย้อมโลกทั้งใบให้กลายเป็นสีทองอร่าม

ลู่ฉาวอวี่เดินลากขาด้วยความลำบากใจ เด็กชายสวมเพียงเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ร่างเล็ก ๆ กำลังสั่นเทา ใบหน้างามเปรอะไปด้วยโคลน แลดูเหมือนขอทานข้างถนนไม่มีผิด

“ใครกันตัวเหม็นฉึ่งขนาดนี้!” ครั้นชาวบ้านที่เดินผ่านเห็นลู่ฉาวอวี่ต่างก็วิ่งหนีไป

“ใช่ลู่ฉาวอวี่ เด็กชายผู้น่าสงสารคนนั้นไหม? แม่นางมู่คงไม่ได้เลี้ยงลูกคู่นี้จริง ๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”

“ฉาวอวี่เอ๊ย… ปลาในลำธารทางตะวันออกของหมู่บ้านกินไม่ได้หรอก ที่นั่นอันตรายมาก เจ้าไม่ควรไปที่นั่นอีก” ชายคนหนึ่งเตือนเขาอย่างเมตตา

หญิงที่อยู่ข้าง ๆ คว้าแขนชายคนนั้นแล้วลากออกไป “นั่นมันธุระกงการอะไรของเจ้า แม่เขายังไม่สนใจเขาเลย แล้วเจ้าจะไปสนใจอะไร หากเขามาขออาหารเจ้า เจ้าจะให้หรือ?”

“เด็กคนนั้นน่าสงสารยิ่งนัก ข้าแค่อยากจะเตือนเขา เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามีคนจมน้ำตายที่นั่นไม่ใช่หรือ?”

ลู่ฉาวอวี่เป็นเหมือนท่อนไม้ เด็กชายเมินสายตาที่หวังดีและมุ่งร้ายเหล่านั้นแล้วเดินจากไปอย่างสงบ ยิ่งเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงบ้านแล้ว แววตาของเขาก็แฝงไปด้วยความไม่สบายใจ

น้องพี่…

“อ๊า!” เสียงดังออกมาจากด้านใน

ลู่ฉาวอวี่เร่งความเร็วของฝีเท้า แต่สิ่งที่ตามมาคือขาของเขาเจ็บปวดมากกว่าเดิม แต่เขาไม่ได้สนใจความเจ็บปวดเหล่านี้ เด็กชายลากขานั้นไปที่ห้อง ทิ้งรอยสกปรกไว้บนทางเดินยาว

“คิดจะทำอะไรกับน้องข้า!” ลู่ฉาวอวี่ผลักประตูออกมาแล้วเอ่ยถามมู่ซืออวี่ก่อนจะเห็นเจ้าตัวเสียอีก “ข้าจะบอกให้นะ หากท่านทำให้น้องข้า…”

ยังไม่ทันพูดจบ ภาพที่มู่ซืออวี่และลู่จื่ออวิ๋นอยู่ด้วยกันก็ขัดประโยคของเขาขึ้นมา

มู่ซืออวี่นั่งอยู่ข้างเตียง ในมือถือชามโจ๊กผักอุ่น ๆ กำลังใช้ช้อนค่อย ๆ ตักโจ๊กป้อนลู่จื่ออวิ๋น

“ในที่สุดเจ้าก็กลับมา” เมื่อเห็นเขา มู่ซืออวี่ก็บ่นขึ้นทันใด “รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า ข้าคนเดียวไม่มีปัญญาทำให้นางกินโจ๊กนี้ได้ ร่างของนางร่วงลงมาไม่หยุด ข้าไม่มีมือที่สามคอยประคองนางหรอกนะ”

“ท่านกำลังทำอะไรกันแน่?” ลู่ฉาวอวี่มองนางอย่างระมัดระวัง

ในขณะที่พูด เขาก็มาอยู่ต่อหน้าลู่จื่ออวิ๋นแล้ว เด็กชายทาบมือบนหน้าผากของน้องสาวและพบว่ามันร้อนเพียงเล็กน้อย แต่สีหน้าของนางกลับดูยับย่นยิ่งกว่าเดิม

“ทำอะไรกับนาง?”

มู่ซืออวี่ขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ก่อนอื่น ข้าเป็นแม่ของเจ้า เจ้าพูดกับแม่ของเจ้าเช่นนี้รึ? อย่างที่สอง เจ้าไม่มีตามองหรือ? ข้ากำลังป้อนอาหารให้นาง นางได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งยังหิวมาเป็นเวลานาน ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ข้าเพียงแค่กลัวนางยังไม่ได้กินยาแล้วจะตายไปเสียก่อน หากต้องสิ้นเปลืองยาขึ้นมาจะทำอย่างไร ท่านพ่อของเจ้าก็จวนจะกลับมาแล้ว พวกเจ้าสองพี่น้องจงใจจะทำร้ายข้าอย่างนั้นรึ? อย่างนั้นแล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงทำให้ตนเองเจอเรื่องเช่นนี้กัน?”

ในที่สุดลู่ฉาวอวี่ก็เข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้กลัวลู่อี้ นางจึงต้องการดูแลพวกเขาสองพี่น้องให้ดี

เขามองไปที่ชามโจ๊กในมือนาง โจ๊กที่อยู่ในนั้นไม่แห้งหรือดูจืดจาง ทั้งยังมีผักใบเขียวกระจาย ดูน่าอร่อยไม่น้อย

หลายปีมานี้ ตราบใดที่พี่น้องไม่ได้อยู่กับลู่อี้ ผู้หญิงคนนั้นก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาได้กินมันเทศด้วยซ้ำ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงโจ๊ก ทว่าเหตุใดวันนี้กลับใจกว้างขึ้นมา

ลู่ฉาวอวี่เดินเข้ามา แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้ เขาก็เห็นมู่ซืออวี่ยกมือปิดจมูกแล้วโบกมือด้วยความขยะแขยง “เจ้าไปทำให้ร่างกายเปื้อนโคลนเช่นนี้ได้อย่างไร เหม็นจะตายอยู่แล้ว เช่นนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าน้องเจ้าจะกินลงหรือไม่ เพียงแค่ข้าก็ไม่มีอารมณ์ป้อนนางแล้ว เจ้ารีบไปเปลี่ยนชุดก่อน ไป!”

“ท่าน!” เบ้าตาของลู่ฉาวอวี่แดงก่ำขึ้นมา

ร่างกายของเขาถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร นางมิได้นับตัวเองเลยหรือ?

ลู่ฉาวอวี่จึงรีบลากขาไปยังห้องถัดไปด้วยความโกรธจัด

มู่ซืออวี่ถอนหายใจเบา ๆ “เป็นนางร้ายนี่ยากจริง! เราจะทำวายร้ายตัวน้อยคลุ้มคลั่งขึ้นมาก่อนเวลาไหมนะ…”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset