สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 144 ศาลาว่าการเกิดการเปลี่ยนแปลง

ยามบ่าย มู่ซืออวี่มาศาลาว่าการก็เห็นเจ้าหน้าที่คนใหม่อยู่ที่หน้าประตู

“เจ้าเป็นใคร?” เจ้าหน้าที่หยุดนางไว้ด้วยท่าทางแข็งกร้าว

“ข้ามาหาคน” มู่ซืออวี่กล่าวว่า “ญาติของข้าคนหนึ่งทำงานอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าสามารถให้ข้าพบได้หรือไม่?”

“ใต้เท้ามีคำสั่ง ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่อนุญาตให้เข้าออกศาลาว่าการ รีบไปให้พ้น”

“เจ้าค่ะ” มู่ซืออวี่จึงถอยออกมา

นางมองเข้าไปข้างใน พยายามมองหาเงาร่างที่คุ้นเคย แต่กลับไม่เห็นคนที่คุ้นหน้าแม้แต่คนเดียว

หรือว่าศาลาว่าการจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว? ไม่เช่นนั้นเหตุใดถึงมีการเปลี่ยนคนเช่นนี้เล่า?

ลู่อี้ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?

“เหตุใดจึงไม่ให้ข้าเข้าไป?” เสียงแหลมเสียดหูเสียงหนึ่งดังขึ้น “พี่ชายข้าเป็นปลัดอำเภออยู่ที่นี่ ข้าอยากพบพี่ชายข้า!”

มู่ซืออวี่หันกลับไปจึงเห็นเฉินชุนอวี่ถูกหยุดไว้ที่หน้าประตูเช่นกัน

เจ้าหน้าที่หลายคนมองหน้ากัน

หนึ่งในเจ้าหน้าที่เหล่านั้นเอ่ยขึ้นมา “นำนางไปขังไว้”

“พวกเจ้าจะทำอะไร คิดอะไรถึงจะมาขังข้า พี่ชายของข้าเป็นปลัดอำเภออยู่ที่นี่ ถ้าพวกเจ้ากล้ารังแกข้า ข้าจะฟ้องพี่ชาย”

เจ้าหน้าที่ปิดปากของเฉินชุนอวี่ไว้ แล้วให้อีกสองคนนำตัวนางไป

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งสังเกตเห็นว่ามู่ซืออวี่ยังไม่จากไป จึงหรี่ตาลงแล้วเดินมาทางนาง

มู่ซืออวี่วิ่งหนีสุดฝีเท้า

นางไม่ได้โง่ หากไม่วิ่งหนีแล้วจะยืนรอให้โดนจับหรือ

ภายในห้องขัง นายอำเภอฉิน เฉินเซียนเฉิง และยังมีที่ปรึกษาถูกขังไว้ด้วยกันที่นี่ ส่วนห้องขังห้องข้าง ๆ เป็นเวินเหวินซงและเสมียนคนอื่น ๆ

เมื่อมองไปยังผู้คุมห้องขังเหล่านั้น ย่อมไม่ใช่คนเดิมเช่นกัน แต่เป็นเจ้าหน้าที่คนอื่น

“พวกเราคงไม่ตายอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่?” หนึ่งในผู้ถูกคุมขังถอนหายใจ “ข้ายังไม่ได้แต่งภรรยาเลยนะ”

“พอแล้ว อย่าได้เป็นกระต่ายตื่นตูมไป พวกเรามีหลายคนขนาดนี้ ท่านเจ้าเมืองจะกล้าลงมือหรือ?”

เฉินเซียนเฉิงหันไปมองนายอำเภอฉิน “ใต้เท้า ท่านเจ้าเมืองเพียงแค่ส่งคำเตือนมาให้เรา ขอแค่ใต้เท้าเอ่ยคำดี ๆ เพียงไม่กี่คำ บางทีอาจจะออกไปได้ ใต้เท้าไม่ควรเชื่อคำพูดใส่ร้ายของลู่อี้เลยนะขอรับ”

นายอำเภอฉินนั่งหลับตา ไม่สนใจสิ่งใด

ส่วนที่ปรึกษาขมวดคิ้ว ทว่าก็ไม่กล่าวอะไรออกมา

“เหตุใดลู่อี้จึงไม่อยู่ที่นี่” มีคนถามขึ้นมา “คงไม่ใช่ว่าไปประจบท่านเจ้าเมืองหรอกนะ?”

“พวกเราก็เหมือนตั๊กแตนถูกมัดอยู่ในเชือกเดียวกัน*[1] ลู่อี้คงทำเรื่องเช่นนั้นไม่ได้กระมัง?”

“หากไม่ใช่ แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ใด? เหตุใดพวกเราถูกขังทั้งหมด แต่เขากลับไม่อยู่ที่นี่ ยังบอกว่าไม่ได้ทรยศใต้เท้าของพวกเราอีกหรือ?”

“พอได้แล้ว” นายอำเภอฉินลืมตาขึ้นมา “เอะอะมะเทิ่งเสียงดัง!”

ทุกคนพลันเงียบเสียงลง ไม่กล้าเปิดปากอีกต่อไป

“ปลัดอำเภอเฉิน” นายอำเภอเรียกขึ้นมา

“ขอรับ ใต้เท้า”

“ห้องขังสกปรกเกินไปแล้ว ภายหน้าข้าจะส่งคนมาทำความสะอาดเสียหน่อย”

ทุกคนอึ้ง “…”

ยังมีวันหน้าอีกหรือ? พวกเขายังจะออกไปได้อีกหรือ?

เหตุใดนายอำเภอถึงได้สงบขนาดนี้? หรือว่ายังมีทางหนีทีไล่?

ทว่าจู่ ๆ ก็มีคนกรูเข้ามา

“ใคร?” ผู้คุมขังหยุดคนไว้ตรงประตู

“ข้าลู่อี้” ลู่อี้เดินเข้ามา ด้านหลังยังมีคนหลายคนตามมา

“ลู่อี้!” ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจที่เห็นลู่อี้

“เจ้าก็ถูกจับมาหรือ?”

“ประจบไม่สำเร็จน่ะสิ สุดท้ายก็ยังถูกขังอยู่ดีใช่หรือไม่?” ถังซานอวี่เย้ยหยัน

ลู่อี้เมินคนโง่งมเหล่านั้น แล้วรีบเดินไปหานายอำเภอฉิน

นายอำเภอฉินมองเขาด้วยสายตาลุกโชน

ลู่อี้คุกเข่าลงตรงหน้านายอำเภอฉิน แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความเคารพ “ใต้เท้า ภารกิจลุล่วงแล้วขอรับ เบื้องบนตรวจสอบเรื่องที่ท่านเจ้าเมืองขายดอกฝิ่นออกมาได้แล้ว เขาถูกจับกุมแล้วขอรับ ข้าน้อยมารับใต้เท้าออกไป”

“ลู่อี้ ข้ามองเจ้าไม่ผิดจริง ๆ” นายอำเภอฉินลุกขึ้นยืน “ข้าจะจดจำความดีความชอบของเจ้าเอาไว้”

“ขอบคุณใต้เท้าขอรับ”

ถังซานอวี่มีสีหน้าแข็งทื่อทันที

คนอื่น ๆ ที่กล่าวว่าร้ายลู่อี้ราวกับได้กินของเสียเข้าไป

ที่แท้ลู่อี้ไม่ได้หนีไป ทั้งยังไม่ได้เกาะแข้งเกาะขาท่านเจ้าเมือง แต่ถูกนายอำเภอฉินส่งไปจัดการเรื่องสำคัญ เจ้านี่มัน…

เก่งกล้าขึ้นจริง ๆ!

มู่ซืออวี่คอยดูความเคลื่อนไหวอยู่ไม่ไกลจากศาลาว่าการ นางเห็นคนเข้า ๆ ออก ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า บรรยากาศก็ค่อนข้างตึงเครียด จึงยิ่งเป็นห่วงความปลอดภัยของลู่อี้มากขึ้นกว่าเดิม

ทันใดนั้น ร่างคุ้นตาก็ปรากฏขึ้นมา

“พี่ใหญ่เกา….”

นักการเกาได้ยินเสียงเรียก เมื่อพบว่าเป็นมู่ซืออวี่ก็ก้าวเข้ามาหา

“สะใภ้ลู่ เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?”

“พี่ใหญ่เกา ศาลาว่าการเกิดเรื่องใช่หรือไม่? คนที่อยู่ที่นี่นั้นข้าล้วนไม่รู้จักเลย”

“เกิดเรื่องขึ้นแล้วจริง ๆ เจ้ารอลู่อี้อยู่ใช่หรือไม่? ตอนนี้เขากำลังยุ่ง คืนนี้เกรงว่าจะกลับไปไม่ได้แล้ว เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!” นักการเกาเอ่ย

“เขาไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

“วางใจได้ พวกข้าสบายดี เขาจะมีเรื่องอันใดได้ เพียงแต่วันนี้วุ่นวายเล็กน้อยเท่านั้น พวกเราทุกคนจำเป็นต้องอยู่ที่ศาลาว่าการ เจ้าไม่ต้องรอเขาแล้ว”

“เช่นนั้นท่านช่วยส่งคำพูดของข้าได้หรือไม่ บอกว่าข้าจะกลับบ้านไปก่อน”

“ไม่มีปัญหา”

นักการเกาไม่เอ่ยสิ่งใดอีก อธิบายให้มู่ซืออวี่ฟังจบก็เร่งรีบจากไป

หลังจากลู่อี้ออกมาจากห้องขังของนายอำเภอฉิน นักการเกาก็พบเขาเข้าพอดี จึงบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ให้เขาฟัง

ก่อนหน้านี้ลู่อี้ไม่มีเวลาแม้แต่จะกระดิกมือ ครั้นเวลานี้รู้ว่านางกลับไปแล้วจึงโล่งใจ

“ข้าว่าสะใภ้ลู่จะต้องอยู่ข้างนอกนานแล้วเป็นแน่ ช่างลำบากนางจริง ๆ น้องชาย เจ้ามีภรรยาเช่นนี้ เจ้าจะต้องรักษาไว้ให้ดีล่ะ!” นักการเกาเอ่ยอย่างอิจฉา

“แน่นอน” ลู่อี้เอ่ยเบา ๆ “พี่ใหญ่เกา ใต้เท้าฉินเรียกหาท่าน”

มู่ซืออวี่บังคับรถม้ากลับหมู่บ้าน

เมื่อรถม้าผ่านประตูบ้านแม่เฒ่าเจียง นางก็ได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งกันดังมาจากข้างใน จึงเหลียวมองด้วยความประหลาดใจ

“นังเด็กเหม็นโฉ่! งานดี ๆ เจ้าก็เสียไปหมดแล้ว ภายหน้าจะทำอย่างไร? ใครยังจะต้องการเจ้าอีก?”

นี่เป็นเสียงของถังซื่อ

นึกไม่ถึงว่าถังซื่อจะกลับมาแล้ว

ส่วนนังเด็กเหม็นโฉ่นั่น…

หรือว่าจะเป็นมู่ซือเจียว?

“ท่านแม่ ต้องโทษมู่ซืออวี่นะ นางทำร้ายข้า” มู่ซือเจียวร้องห่มร้องไห้

มู่ซืออวี่ได้แต่กลอกตา “….”

นางอยู่ในรถม้าแท้ ๆ หม้อกลับหล่นลงมาจากฟ้า*[2] จริง ๆ

ช่างเถอะ เกี่ยวอะไรกับนางด้วย นางไม่ได้กลับบ้านมาหนึ่งวัน คิดถึงอวิ๋นเอ๋อร์จะแย่ ไม่มีเวลามาเสียให้กับคนเสียสติเหล่านี้หรอก

ถังซื่อได้ยินเสียงเกือกม้าอยู่ข้างนอกจึงเอ่ยขึ้น “ในหมู่บ้านของเรายังมีผู้ใดซื้อรถม้าอีกหรือ?”

แม่เฒ่าเจียงเอ่ยเสียงเย็นอยู่ข้าง ๆ “นังต่ำช้าคนนั้น”

“ใคร?” ไม่ใช่เพราะถังซื่อไม่ทันได้ตอบสนอง แต่เป็นเพราะไม่กล้าเชื่อ

มู่ซือเจียวเผยสีหน้าไม่เชื่อออกมาเช่นกัน “นังสารเลวมู่ซืออวี่นั่นมีเงินซื้อรถม้าด้วยหรือ?”

“ได้ยินว่าเช่ามา”

มู่ต้าไห่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ ขมวดคิ้ว พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ตอนนี้เจียวเอ๋อร์ถูกตระกูลหลี่ขับไล่ออกมาแล้ว กิจการของพวกเราก็พัง บ้านยังมีหนี้อีกหลายสิบตำลึงเงิน แล้วควรทำอย่างไร?”

บรรยากาศภายในห้องตึงเครียดขึ้นมา

สีหน้าของแม่เฒ่าเจียงบิดเบี้ยวเสียจนไม่น่ามอง

ทุกคนในหมู่บ้านล้วนรู้ว่าลูกชายคนโตของนางอยู่ในเมืองหาเงินได้มากมายเป็นกอบเป็นกำ ทว่าตอนนี้ตกอับกลับมาแล้ว จะให้นางเอาหน้าไปไว้ที่ใด?

“กิจการนี้ไม่ใช่พี่ชายของเจ้าแนะนำมาหรือ? เจ้าจะไม่กล่าวอะไรเลยรึ?”

“ท่านแม่ พี่ใหญ่ของข้าก็เสียเงินเช่นกัน” ถังซื่อพูดขึ้นมา “เขายังมีหนี้อีกกองโต”

“เฮอะ! เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไร? ทั้งบ้านต้องรอความตายอยู่อย่างนี้หรือ?” แม่เฒ่าเจียงมองถังซื่ออย่างหวาดระแวง “ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าไม่อยากให้เงินทดแทนคุณข้า จึงแสร้งทำเป็นจนหรอกนะ?”

“ท่านแม่!” มู่ต้าไห่ตะโกนดังลั่น “ในสายตาของท่าน ลูกชายท่านเป็นคนเช่นนั้นหรือ?”

“เจ้าไม่ใช่ แต่บางคนใช่” แม่เฒ่าเจียงมองถังซื่อ ยิ่งมองยิ่งไม่พอใจ “ถึงอย่างไรนังแก่อย่างข้าก็ไม่มีเงินอยู่แล้ว”

[1] ตั๊กแตนถูกมัดอยู่ในเชือกเดียวกัน หมายถึง ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ไม่มีใครหนีความรับผิดชอบพ้น เหมือนสำนวนลงเรือลำเดียวกัน

[2] เป็นสำนวนมาจาก คนนั่งอยู่ในบ้านตัวเอง หม้อกลับหล่นลงมาจากฟ้า หมายถึง คนที่อยู่ดี ๆ ก็ต้องมารับผิดชอบความผิดพลาดของผู้อื่น

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset