สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 148 รักเก่าของลู่เซวียน

ลู่เซวียนทำเพียงเหลือบมองเย่อิงเกอแล้วหันหลังกลับ จากนั้นเดินไปหามู่ซืออวี่

โหยวจิ้นจงมองแผ่นหลังของลู่เซวียนอย่างเยือกเย็น ก่อนจะหันไปตบหน้าเย่อิงเกอ

เพียะ!

สายตาหลายคู่หันมามองทางนี้ทันที

เมื่อเห็นลู่เซวียนชะงักเท้า สายตาของเขายิ่งทวีไอเย็น ด่าทอเย่อิงเกอออกมาว่า “นังคนไร้ประโยชน์ เจอสหายเก่ายังไม่รู้จักทักทายอีก เจ้ามีประโยชน์อะไรบ้าง?”

เย่อิงเกอกุมใบหน้าของนาง ก้มหัวลง ยังไม่ปริปากคำใดออกมา

มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว มองไปทางลู่เซวียนอย่างเป็นห่วง

ลู่เซวียนมองดูสิ่งของในมือของมู่ซืออวี่ จากนั้นก็พูดขึ้น “พี่สะใภ้ นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว พวกเราควรไปรับฉาวอวี่กับเจิ้งหานได้แล้ว”

“ไปกันเถอะ”

มู่ซืออวี่เดินตามลู่เซวียนออกไป

ตอนที่ผ่านด้านเย่อิงเกอ เห็นนางเอาแต่ก้มหัวลง ไม่เห็นใบหน้าชัด ๆ สักเสี้ยว

หลังจากพ้นประตูมา ลู่เซวียนพลันชกหมัดไปที่เสาไม้ข้าง ๆ

“เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้สิ” มู่ซืออวี่รีบคว้าแขนเขาไว้ “ถึงแม้ตอนนี้ร่างกายของเจ้าจะดีขึ้นแล้ว เจ้าก็ไม่ควรออกแรงมากเกินไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ยิ่งจะทำให้ร่างกายของเจ้าทรุดลงได้ง่ายขึ้น”

ลู่เซวียนก้มหัวลงพลางพึมพำเสียงอู้อี้ “ข้าเข้าใจแล้ว”

“พวกเราจะจากไปเช่นนี้หรือ? หากเจ้าข่มความโกรธไว้ไม่ได้ ข้าจะหาถุงกระสอบสักถุง นำชายผู้นั้นใส่กระสอบแล้วตีเขาให้สาแก่ใจ” มู่ซืออวี่กล่าว

ลู่เซวียนมองนางด้วยสายตาดูถูก “เจ้าอย่าเห็นว่าเขาเป็นเช่นนี้ มีเจ้าสามคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เป็นเจ้าที่ถูกทุบตีน่ะสิ”

“ดูเหมือนตอนนี้เจ้าจะดีขึ้นแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ยยิ้ม ๆ “ถึงได้มีแรงมาเกลียดข้า”

ลู่เซวียนข่มรอยยิ้มเอาไว้ “พวกเราไปรับเด็ก ๆ เถอะ”

“เจ้ารออยู่ตรงนี้สักประเดี๋ยว” มู่ซืออวี่ตรงไปตรอกตรงข้าม

นางมองหาร่างที่คุ้นเคย จากนั้นโยนก้อนเงินลงไปยังถ้วยแตก ๆ นั่น

แกร๊ง!

หลังจากที่เงินลงไปในถ้วย เสียงเหรียญก็ปลุกขอทานที่หลับตาอยู่ให้ตื่นขึ้นมา

ขอทานคนนั้นลืมตาขึ้นแล้วมองนางด้วยสายตานิ่งสงบ

“นี่เงินหนึ่งตำลึง ข้าอยากจ้างนักเลงไปจัดการใครบางคน” มู่ซืออวี่ยิ้มให้ชายขอทานผู้นั้น

ขอทานยังคงมองนางนิ่ง ๆ

“หากเจ้าไม่เปิดปาก ข้าจะถือซะว่าเจ้าตอบตกลง นั่น อยู่ในร้านตรงข้ามนั้น อีกสักพักชายในชุดคลุมสีฟ้าจะออกมา ข้างกายชายผู้นั้นมีแม่นางน้อยคนหนึ่ง เจ้าไปทุบตีชายผู้นั้นนะ”

ลู่เซวียนบอกว่านางต่อกรกับชายคนนั้นไม่ได้ไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นก็หาใครสักคนที่สูงใหญ่กว่ามากระทืบเขาสิ

“ห้าตำลึง” ขอทานเปิดปากในที่สุด

มู่ซืออวี่ “…”

แพงหู่ฉี่ทีเดียว เสียเงินมากมายเพื่อชายเช่นนั้น ช่างไม่คุ้มเอาเสียเลย

หลังจากคำนวณบัญชีในหัว มู่ซืออวี่ก็เอ่ยว่า “ช่างเถอะ”

“สองตำลึง น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว” ขอทานพูดขึ้นอีก

มู่ซืออวี่ไร้คำพูดอีกครั้ง

นางคิดว่าขอทานคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์ ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นนางเองที่ซื่อจริง ๆ

นี่มันหมาป่าตัวหนึ่งชัด ๆ!

“สองตำลึงก็สองตำลึง” มู่ซืออวี่นึกถึงท่าทีโอหังของชายผู้นั้น จึงตัดสินใจที่จะจ่ายเงิน

ลู่เซวียนเห็นนางกลับมาก็เอ่ยถาม “มีอะไรหรือ?”

“รอเดี๋ยว พวกเราหาที่นั่งสักครู่ก่อน” มู่ซืออวี่มองไปรอบ ๆ แล้วชี้ไปที่ร้านตรงข้าม “ที่นั่นมีเต้าฮวย พวกเราไปกินเต้าฮวยกัน”

ลู่เซวียนอยากจะบอกว่าเปลืองเงิน แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้พวกเขาไม่ขาดแคลนเงิน เต้าฮวยราคาไม่กี่อีแปะย่อมมีกำลังซื้อได้

เพียงแต่พี่สะใภ้ผู้นี้กินจุเกินไปหรือไม่ ตอนบ่ายกินมากขนาดนั้น นี่ห่างไปเพียงไม่เท่าใดก็อยากจะกินเต้าฮวยอีกแล้ว โชคดีที่ตอนนี้พี่ชายของเขาก็หาเงินเพิ่มได้แล้ว อย่างไรก็สามารถซื้อได้

ขณะที่รอเต้าฮวยมา ลู่เซวียนก็มองไปรอบ ๆ แล้วเห็นโหยวจิ้นจงเดินออกมากับเย่อิงเกอ

เย่อิงเกอเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือของนาง

ในความทรงจำ ใบหน้านั้นแดงปลั่งราวกับผลผิงกั่วสุก นางมักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ เป็นอิสระไร้กังวล ราวกับว่าทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่อาจทำให้นางโศกเศร้าได้

แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

แม่นางน้อยในความทรงจำกลายเป็นเพียงไม้ประดับ ดวงตาไร้ประกายแสง ราวกับของตกแต่งชิ้นงามชิ้นหนึ่ง

โหยวจิ้นจงเห็นคนงามข้างกายไม่มีท่าทีตอบสนองจึงตบไปหนึ่งที

เพียะ!

คนที่อยู่รอบ ๆ หันไปมอง

โหยวจิ้นจงไม่ระงับตัวเอง โทสะพลุ่งพล่านมากกว่าเดิมเสียอีก เขาดูราวกับคนเสียสติไปแล้ว

ลู่เซวียนกำหมัดแน่น

ฮึ่ม!

“แม่นางน้อยคนนี้… เป็นคนที่เจ้าชอบใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่ถาม

ลู่เซวียน “…”

เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร มู่ซืออวี่จึงถือว่าเป็นการยอมรับ

เรื่องสนุกกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว

ทันใดนั้นขอทานกลุ่มหนึ่งก็ออกมาจากหัวมุม

ขอทานเหล่านั้นขอเงินจากโหยวจิ้นจง

โหยวจิ้นจงหมดความอดทน จึงตะโกนด่า “ไสหัวไป! พวกขอทานตัวเหม็น วันนี้ข้าโชคร้ายจริง ๆ!”

ขอทานที่เดิมทีอ่อนน้อมถ่อมตนจ้องเขาด้วยดวงตาวาบปลาบราวกับหมาป่า

“พวกเจ้าจะทำอะไร อย่าเข้ามา…”

โหยวจิ้นจงพบว่าขอทานโมโหขึ้นมาแล้ว จึงถอยกลับไปด้านหลัง

ทว่าขอทานคนนั้นเงื้อหมัดขึ้นต่อยเขาเสียก่อน

พลั่ก!

“บัดซบ! กล้าพูดว่าข้าตัวเหม็นรึ คอยดู วันนี้ข้าจะต่อยเจ้าฟันร่วง!”

“คนที่น่ารำคาญที่สุดก็คือพวกคนรวยทำตัวสูงส่งอย่างเจ้า! ข้าจะกระทืบเจ้า ดูซิว่าเจ้าจะกล้าดูถูกข้าอีกหรือไม่”

ปากของลู่เซวียนอ้าค้าง

มู่ซืออวี่มองหาคนในกลุ่มขอทาน แต่ไม่เห็นขอทานคนนั้น

เขาช่างง่ายเหลือเกิน รับเงินนางไปโดยไม่ต้องออกแรงใด

โหยวจิ้นจงในตอนแรกยังด่ากราด ตอนนี้กลับร้องขอความเมตตา ขอทานเหล่านั้นยิ่งกระหน่ำทุบตีแรงกว่าเดิม เขาจึงชี้ไปที่เย่อิงเกอแล้วตะโกนว่า “ข้ายกนางให้พวกเจ้า! หยุดตีได้แล้ว!”

เย่อิงเกอผู้ที่ไม่ตอบสนองสิ่งใดตัวสั่นสะท้านขึ้นมา

ลู่เซวียนลุกขึ้น โกรธจนอยากจะพุ่งเข้าไป

มู่ซืออวี่ขมวดคิ้วมุ่น

นางรู้ว่าเย่อิงเกอผู้นั้นตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย เป็นอย่างนี้ย่อมไม่ดี

โชคดีที่หลังจากได้ยินคำพูดของโหยวจิ้นจง ขอทานเหล่านั้นไม่เพียงแต่ไม่เอื้อมไปหาเย่อิงเกอเท่านั้น แต่กลับทุบตีโหยวจิ้นจงหนักขึ้นกว่าเดิม

ถึงแม้จะเป็นขอทาน แต่ก็มีจิตใจที่ดี ทนมองคนเช่นนี้รังแกสตรีไม่ได้

“อัดมัน! กระทืบไอ้คนสารเลวไร้ยางอายคนนี้ให้ตาย!” ลู่เซวียนตบโต๊ะ รู้สึกโล่งใจ

“หากเจ้าทำร้ายคนตายก็ต้องแลกด้วยชีวิต” มู่ซืออวี่พูดขึ้นมา “น้องสามี แม่นางเย่ผู้นั้น…”

“นางเป็นอนุของเขา” ลู่เซวียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “อนุ… ต่ำต้อยยิ่งกว่าสาวใช้ ข้าช่วยนางไม่ได้”

พวกขอทานจัดการจนพอใจแล้วก็วิ่งหนีไป

โหยวจิ้นจงถูกทุบตีจนหมดสติ

เย่อิงเกอนั่งลงข้าง ๆ มองขึ้นไปบนฟ้าอย่างเลื่อนลอย

มู่ซืออวี่เกรงว่าแม่นางผู้นี้จะคิดอะไรแปลก ๆ

ผลเป็นดั่งที่คาดไว้ เมื่อนางนั่งได้สักพักก็หยิบก้อนหินบนพื้นขึ้นมาเดินไปหาโหยวจิ้นจงผู้นั้น

“นางคงไม่…”

ฟึ่บ!

ลมสายหนึ่งพัดวูบไป เมื่อหันกลับมามอง ลู่เซวียนก็วิ่งไปแล้ว

เย่อิงเกอมองโหยวจิ้งจงด้วยสายตากล้ำกลืน พร้อมที่จะทุบก้อนหินใส่ศีรษะของเขา

ขณะกำลังเงื้อมือ มือข้างหนึ่งก็หยุดนางไว้

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? หากฆ่าเขาไปแล้ว เจ้าจะทำอย่างไร?”

เย่อิงเกอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ทั้งร่างพลันแข็งทื่อทันที นางไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

ทว่าไม่นานธารน้ำตาก็ร่วงลงมา

“อิงเกอ เจ้าอย่าร้องไห้เลย” ลู่เซวียนเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พวกเรามาคิดหาทางด้วยกันเถอะ”

“มีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือเขาต้องตาย” เย่อิงเกอเอ่ยเสียงขาดห้วง

ยิ่งได้ยินเสียงของเย่อิงเกอ ลู่เซวียนก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิม

เย่อิงเกอ ชื่อของนางไพเราะอ่อนหวาน แต่เมื่อได้ยินเสียงของนางตอนนี้ ประหนึ่งเสียงระฆังที่ผุพัง ไม่รู้ว่าได้รับความทุกข์ทรมานมามากเพียงใดจึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset