สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 195 ข้าและฮูหยินของข้าไม่ยินดี

บทที่ 195 ข้าและฮูหยินของข้าไม่ยินดี

ลู่เซวียนนั่งอยู่บนโต๊ะ จิตใจจดจ่ออยู่กับการเขียน เขาเขียนราวกับได้รับความช่วยเหลือจากสวรรค์ โลกที่แสนกว้างใหญ่ไพศาลปรากฏขึ้นตรงหน้า ให้เขาได้เติมแต่งหัวใจและจิตวิญญาณลงไป

หัวน้อย ๆ สองสามหัวโผล่ขึ้นมาจากหน้าต่าง จ้องมองดูว่าเขากำลังเขียนอะไรแล้วกระซิบพูดคุยกัน

“ข้ายังคิดว่าท่านอาจะร้องไห้ แต่เขาไม่ได้ร้องไห้”

เป็นเสียงของอวิ๋นเอ๋อร์

เสียงที่ยังไม่แตกหนุ่มของลู่ฉาวอวี่เย็นชาอย่างถึงที่สุด เด็กชายมีสีหน้านิ่งขรึมเฉกเช่นบัณฑิตน้อย “ท่านอาไม่ได้เปราะบางเพียงนั้น ตอนที่โรคเก่าของเขากำเริบ ถึงจะทรมานทุรนทุรายจนนอนไม่หลับ เขาก็ไม่แม้แต่จะส่งเสียงออกมา”

“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไร พี่ลู่เซวียนยังจะให้เด็กผู้หญิงเข้าไปเรียนหนังสือที่สถานศึกษาหรือไม่?” มู่เจิ้งหานเอ่ยถาม

เรื่องในวันนี้เกิดขึ้นเพราะศิษย์หญิงที่เข้ามาเรียน

ในหมู่บ้านมีแม่นางน้อยคนหนึ่งชื่อหลันฮวา นางเฉลียวฉลาดมาก มักจะสะพายตะกร้าไปที่สถานศึกษาเพื่อแอบเรียน ลู่เซวียนเห็นเข้าจึงให้นางเข้าไปในชั้นเรียน ผลคือพ่อแม่ของหลันฮวาตามมาหานาง กล่าวหาว่าลู่เซวียนมีเจตนาไม่ดี คิดจะทำร้ายชื่อเสียงของหลันฮวาให้ป่นปี้ สุดท้ายจึงลงไม้ลงมือกับลู่เซวียน และลู่จื่ออวิ๋นก็ถึงกับถูกผลักล้มลงโดยไม่ได้ตั้งใจ

มู่ซืออวี่นำของหวานมาแล้วเอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋นว่า “เอาไปให้อาเจ้า”

กว่านางจะทำสิ่งนี้เสร็จก็ใช้เวลาไปนานมากโข นางเห็นว่ามีนมวัวอยู่จึงทำขนมเค้กจากนมวัวขึ้นมา ลู่จื่ออวิ๋นจะได้ลองทานขนมเค้กจากยุคปัจจุบันด้วย ตอนนี้เห็นลู่เซวียนอารมณ์ไม่ค่อยดีก็คิดว่าจะให้เขาได้ลองชิมดูสักหน่อย

นางทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่ากว่าจะได้เค้กก้อนนี้ แต่นางไม่ยอมแพ้ สุดท้ายจึงสามารถทำขนมเค้กที่อร่อยขึ้นมาได้

“ท่านอา ท่านแม่ทำขนมหวานแบบใหม่ ท่านลองชิมดูเถอะ” ลู่จื่ออวิ๋นเอาขนมเค้กเข้ามาพลางดึงแขนเสื้อของลู่เซวียน

ลู่เซวียนหยุดเขียน เมื่อเห็นของในมือลู่จื่ออวิ๋น เขาก็กลืนคำปฏิเสธลงไป “นี่คืออะไร?”

“ท่านแม่บอกว่ามันเรียกว่าขนมเค้ก” ลู่จื่ออวิ๋นรบเร้า “ท่านลองชิมเถอะ!”

ลู่เซวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้ช้อนไม้ตักเข้าปากไปหนึ่งคำ และแล้วแววตาก็พลันเปล่งประกาย

“อร่อยหรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นสงสัย

“อร่อยมาก”

“เช่นนั้นท่านอาก็กินให้หมดเถิด” ลู่จื่ออวิ๋นก็อยากกินเช่นกัน แต่ท่านแม่บอกว่าทำออกมาได้แค่ชิ้นนี้ชิ้นเดียว ท่านอาอารมณ์ไม่ค่อยดี นางอยากให้ท่านอากินก่อน

ลู่เซวียนไม่ชอบกินของหวาน แต่ของหวานนี้กระตุ้นความอยากอาหารของเขา สุดท้ายเขาก็กินจนหมดเกลี้ยงจริง ๆ

เมื่อเห็นถ้วยที่ว่างเปล่า ลู่เซวียนพลันรู้สึกอายขึ้นมา แต่การทานของหวานคั่นเวลาเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นจริง ๆ

เซี่ยคุนสอนลู่ฉาวอวี่และมู่เจิ้งหานย่อตัว ลู่จื่ออวิ๋นที่อุ้มเสี่ยวเฮยดูอยู่ข้าง ๆ ดูไปดูมาก็เลียนแบบท่าทางย่อตัวของพวกเขา แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นเด็กผู้หญิง ไม่ค่อยสนใจในสิ่งนี้มากนัก หลังจากทำได้ไม่กี่รอบก็ไปหาเอ้อร์หนิวแทน

“พี่สะใภ้ลู่!”

เสียงคนร้องเรียกจากข้างนอก เซี่ยคุนจึงเดินไปเปิดประตู

ลู่เจินเจินนึกไม่ถึงว่าจะมีชายแปลกหน้าตัวสูงใหญ่คนหนึ่งอยู่ในบ้านครอบครัวลู่ แก้มของนางแดงปลั่งขึ้นมาทันที

นางเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่น “ข้ามาหาพี่สะใภ้ลู่”

“เจินเจินหรือ?” มู่ซืออวี่เดินเช็ดมือออกมา “รีบเข้ามาเร็ว”

ลู่เจินเจินเหลือบมองเซี่ยคุนอย่างสงสัยแล้วรีบเดินไปหามู่ซืออวี่

คนคนนี้น่ากลัวนัก สูงใหญ่กำยำมากด้วย

“พวกเจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? หมู่นี้ไม่เห็นพวกเจ้าเลย ข้าได้ยินจากคนในหมู่บ้านว่าพวกเจ้าเช่าบ้านในเมืองแล้ว กำลังจะเปิดร้านในเมืองหรือ?” มู่ซืออวี่ถามไถ่

ถึงแม้เมืองฮู่เป่ยจะไม่ใช่เมืองใหญ่ แต่ทุกคนล้วนแล้วยุ่งวุ่นวาย ยากนักที่จะได้พบกัน

ลู่เจินเจินพยักหน้าเบา ๆ “ใช่แล้ว! พี่ชายและพี่สะใภ้ของข้าตัดสินใจที่จะทำกิจการอยู่ในเมืองระยะยาว พวกเขาขายบ้านที่นี่ไปแล้ว อีกไม่นานก็จะย้ายไปแล้ว ข้าจึงคิดจะมาบอกลาท่านเสียหน่อย”

“ดูเหมือนพวกเจ้าจะมีชีวิตที่ดีแล้ว เช่นนี้ข้าก็พลอยยินดีด้วย” มู่ซืออวี่กล่าว

“พี่สะใภ้ลู่ ได้ยินพวกเขาบอกว่าท่านเปิดร้าน อยู่ที่ไหนหรือ?”

“ชื่อร้านเรือนกรุ่นฝันน่ะ”

“ข้ารู้จัก ที่แท้นั่นเป็นร้านที่พี่สะใภ้ลู่เปิดรึ เช่นนั้นวันหลังข้าไปคุยเล่นกับท่านได้หรือไม่?”

“ได้แน่นอน”

ลู่เจินเจินไม่นั่งอยู่นาน หลังจากแลกเปลี่ยนที่อยู่กับมู่ซืออวี่แล้วก็กลับไป

ทันทีที่ลู่อี้ออกมาจากศาลาว่าการ ก็พบหญิงสาวแต่งตัวงดงามผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตู เมื่อเห็นเขาออกมาก็เอ่ยทักทาย แววตาเอ่อล้นไปด้วยความรักที่มีให้เขา

“ลู่อี้ พี่ชายข้าอยากให้ข้าแต่งงานกับเสมียนเฝิง แต่ข้าไม่อยากแต่ง”

ลู่อี้ขมวดคิ้วมุ่น

เวินเหวินซงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นว่า “เอ่อ… ข้ายังมีเรื่องที่ต้องจัดการ ข้าต้องไปก่อน”

แต่อีกคนกลับไม่สนใจดูสถานการณ์

นักการเกากางหูผึ่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “จู่ปู้ลู่เร็วเข้า พวกเรายังต้องไปดื่มสุราอีกนะ!”

“แม่นางเฉิน นี่เป็นเรื่องของเจ้า ไม่จำเป็นต้องมาบอกข้า ได้โปรดหลีกทาง”

“ลู่อี้!” เฉินชุนอวี่เอื้อมไปคว้าเสื้อลู่อี้ ทว่าเมื่อเห็นสายตาเยือกเย็นของเขาก็กลัวจนไม่กล้าขยับเขยื้อน “ข้าชอบท่าน หัวใจของท่านทำด้วยเหล็กหรือไร เหตุใดจึงไม่สะทกสะท้านเช่นนี้? ข้ารู้ว่าท่านให้ความสำคัญกับความเท่าเทียม เอาเป็นว่าข้ายินดีเท่าเทียมกับหญิงบ้านนอกคนนั้น ข้าไม่ถือสาที่จะปรนนิบัติสามีคนเดียวกันกับนาง”

ลู่อี้ “…”

นักการเกาเย้ยหยัน “ช่างใจกว้างจริง ๆ น่าเสียดาย ท่านยินดี แต่ผู้อื่นไม่ยินดีกับท่านหรอกนะ”

“หุบปาก! ใครคุยกับเจ้า ข้าจะให้พี่ชายข้าลงโทษเจ้า” เฉินชุนอวี่มองเขม่นนักการเกา

ลู่อี้เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “แม่นางเฉิน พี่เกาพูดไม่ผิด เจ้ายินดี แต่ข้าและฮูหยินของข้าไม่ยินดี อย่าเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาให้พวกเรารังเกียจเลย เจ้าเป็นเช่นนี้มีแต่จะทำให้พี่ชายของเจ้าอับอาย ยังมีเสมียนเฝิงผู้นั้น… เขาเป็นคนซื่อตรงและจริงใจ เจ้าอย่างรังแกคนซื่อตรงเช่นนั้นเลย”

“แต่ข้าชอบท่าน”

“ข้าไม่ได้ชอบเจ้า ข้ายิ่งเกลียดที่เจ้ามากระโดดโลดเต้นต่อหน้าข้า” ลู่อี้เอ่ยอย่างไม่แยแส

“ลู่อี้!” เฉินเซียนเฉิงเดินเข้ามาด้วยความโมโห “เจ้าจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว!”

ตรงนี้เป็นประตูศาลาว่าการ ผู้คนเดินเข้าเดินออกขวักไขว่ ลู่อี้ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย เอ่ยคำพูดที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องอับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ หากเรื่องในวันนี้แพร่ออกไป นางยังจะเหลือชื่อเสียงอะไรอีก

“หากปลัดอำเภอเฉินคิดว่าคำพูดเหล่านี้ไม่น่าฟัง ก็ควรโน้มน้าวน้องสาวของท่าน ไม่ให้พูดอะไรพิลึกพิลั่นเช่นนั้นอีก”

“ท่านพี่ ข้าไม่อยากแต่งงานกับเสมียนเฝิงอะไรนั่น ข้าอยากแต่งกับลู่อี้!” เฉินชุนอวี่ชี้ไปทางลู่อี้

เพียะ!

เฉินเซียนเฉิงตบหน้าของเฉินชุนอวี่ไปหนึ่งฉาด

เฉินชุนอวี่มองเขาอย่างเหลือเชื่อ “ท่านพี่ ท่านตบข้าหรือ?”

“เจ้ายังมียางอายอยู่หรือไม่? คนเขามีภรรยามีลูกแล้ว เจ้ายังยืนกรานที่จะตามเกาะติดเขา เจ้าไม่มีราคาค่างวดเพียงนั้นเชียวหรือ?!” เฉินเซียนเฉิงตะคอกอย่างกราดเกรี้ยว

เฉินชุนอวี่กุมใบหน้าตน พลางร้องไห้สะอึกสะอื้นเงียบ ๆ นางเข้าใจทันทีว่าครั้งนี้พี่ชายของนางโกรธจริง ๆ แล้ว

แต่นางตกหลุมรักลู่อี้ไปแล้ว จะเหลียวแลชายอื่นได้อย่างไร จะชอบพอพวกเขาได้อย่างไร

นักการเกาเดินตามลู่อี้ไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “สหายลู่ ท่านนี่ร้ายกาจจริง ๆ”

“อย่าพูดไร้สาระ” ลู่อี้เอ่ยนิ่ง ๆ “ข้าไม่เคยแสดงท่าทีใด ๆ ต่อนาง”

“ไม่เคยแสดงท่าทีใด ๆ แต่นางก็มอบใจให้ท่านทั้งหมดแล้ว หากท่านเป็นฝ่ายแสดงท่าที เกรงว่านางจะมอบชีวิตให้ท่านน่ะสิ” นักการเกาเอ่ยหยอกล้อ

“เรื่องที่บอกให้จัดการเรียบร้อยแล้วหรือ?” ลู่อี้ถาม

รอยยิ้มบนใบหน้าของนักการเกาหุบลงไปทันที “มีเรื่องใดที่ท่านให้ข้าจัดการแล้วผิดหวังด้วยรึ”

คนที่มาล่วงเกินลู่อี้ช่างน่าสมเพชจริง ๆ

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนักการเกาจึงอยากติดตามลู่อี้ อาจเป็นเพราะรู้สึกว่าอนาคตของคนผู้นี้ทะยานไปข้างหน้าอย่างไร้ขีดจำกัดก็เป็นได้

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset