บทที่ 268 อันอวี้และเซี่ยคุนกลับมาแล้ว
บทที่ 268 อันอวี้และเซี่ยคุนกลับมาแล้ว
เมื่อเจิ้งซูอวี้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็เห็นมู่ซืออวี่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ จึงรู้ว่าอีกฝ่ายช่วยนางเอาไว้
“น้ำ…”
มู่ซืออวี่ได้ยินเสียงก็วางหนังสือในมือลง ก่อนจะรินน้ำให้หนึ่งแก้ว
บาดแผลของเจิ้งซูอวี้อยู่ที่หลัง ขณะนี้นางนอนคว่ำอยู่ มู่ซืออวี่จึงช่วยจ่อแก้วน้ำที่ปากนาง
“แผลเจ็บหรือไม่?”
“เจ็บเล็กน้อย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ในที่สุดข้าก็สลัดหลุดจากสกุลเจิ้ง นี่สิถึงจะแสนยินดี” เจิ้งซูอวี้ยิ้มอ่อนแรง “ขอบคุณนะที่เต็มใจช่วยข้า”
“หลังจากท่านถูกโบย ชิวซวงก็ดูแลท่านมาตลอด ทว่าสัญญาทาสของนางยังอยู่กับสกุลเจิ้ง นางจึงต้องกลับไป ข้าบอกนางแล้วว่าอีกสองสามวัน ข้าจะส่งคนไปไถ่ตัวนาง พวกท่านจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก”
“ขอบคุณจริง ๆ”
“ข้าใช้ยารักษาอาการแสบร้อนที่ดีที่สุดไปแล้ว แต่ในสิบวัน ท่านก็ยังลุกจากเตียงไปไหนมาไหนไม่ได้นะ ฉะนั้นอย่าฝืนวู่วาม นี่บ้านข้า ไม่ต้องถือเป็นคนอื่นคนไกล”
“ข้าไม่ถือท่านเป็นคนอื่นคนไกลหรอก เพราะถึงอย่างไร ข้าในยามนี้ก็ไร้สหายอื่นนอกจากท่านแล้ว” เจิ้งซูอวี้ซึ่งนอนนิ่งอยู่กล่าว “ข้าไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขาจะไร้ความปรานีเพียงนี้ กระทั่งทรัพย์สินส่วนตัวของข้ายังถูกริบคืน”
มู่ซืออวี่เห็นหยาดน้ำเคลือบในดวงตาของเจิ้งซูอวี้แล้วย่อมรู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายรับไม่ได้จริง ๆ ไม่ใช่ความโหดเหี้ยมของฮูหยินเฒ่าสกุลเจิ้ง แต่เป็นบิดานางผู้แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยช่วยนางเลยต่างหาก
“ในหม้อมีโจ๊กร้อน ข้าจะตักมาให้ท่าน”
เจิ้งซูอวี้ไม่สะดวกเคลื่อนไหว และมู่ซืออวี่ก็ไม่อาจอยู่กับนางได้ทั้งวัน จึงจ้างสาวใช้สองคนมาดูแลเป็นการพิเศษ
สาวใช้ทั้งสอง คนหนึ่งชื่อจื่อซู อีกคนชื่อจื่อเยวี่ยน
เดิมทีจื่อซูมีนามว่าหู่หนิว เป็นคนจากหมู่บ้านสกุลจง ย่าของนางชอบบุตรชายมากกว่าบุตรสาว ตอนที่ลูกพี่ลูกน้องชายกำลังจะหมั้นหมายแต่งงานจึงขายนางเสีย นางแรงเยอะกินจุ ทว่าหน้าตาจิ้มลิ้มงดงาม ครอบครัวขายนางได้ 5 ตำลึงเงิน
ส่วนจื่อเยวี่ยนเป็นสาวน้อยซึ่งถูกขายมาจากอีกที่หนึ่ง อ่านเขียนรู้หนังสือ รูปลักษณ์สง่างาม ทว่านางเสียความทรงจำและไม่รู้ว่าตนมาจากหนใด
เมื่อมู่ซืออวี่เห็นสาวน้อยทั้งสองที่ร้านนายหน้าค้าบ่าว นางก็ตัดสินใจซื่อทั้งสองมา สองคนนี้เคลื่อนไหวเงียบเชียบ และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือดวงตาของพวกนางกระจ่างใส ชวนให้รู้สึกดี
“ช่วงนี้ สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำก็คือดูแลคุณหนูเจิ้ง งานอื่นเอาไว้รอร่างกายคุณหนูเจิ้งหายดีก่อนแล้วจึงจัดให้”
เจิ้งซูอวี้กล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ท่านไม่ได้ซื้อสาวใช้ไว้ข้างกายสักคน แต่ยามนี้กลับซื้อให้ข้าถึงสองเชียวหรือ?”
“ปกติแล้วข้าไม่ได้ต้องการ แต่ยามนี้เมื่อข้ามีคนไม่พอก็ย่อมต้องซื้ออยู่แล้ว หากตื้นตันซาบซึ้งก็ดูแลบาดแผลตนเองเถิด เมื่อหายดี เราจะคุยเรื่องอื่นกัน”
เมื่อมู่ซืออวี่เดินออกจากห้องพักแขกของเจิ้งซูอวี้ นางก็เห็นลู่เซวียนเดินวนอยู่ในลานบ้าน
“เจ้าทำอะไรอยู่?” มู่ซืออวี่หยุดเขาไว้ “อยากพบนางหรือ?”
“คุณหนูเจิ้งไม่เป็นไรใช่ไหม?” ลู่เซวียนกล่าว
“นี่ เจ้าอย่าโลเลได้หรือไม่? เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด บาดแผลของซูอวี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้า เจ้าก็ทำเรื่องของเจ้าไปพอ อย่ามัวพะว้าพะวงฟุ้งซ่านที่นี่เลย” มู่ซืออวี่กล่าวอย่างฉุนเฉียว
ลู่เซวียนเองก็ทราบว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เมื่อคิดว่าสาวน้อยสักคนต้องถูกโบยตีเช่นนั้น เขาก็รับไม่ได้อยู่ดี
“จะว่าไป เมื่อครู่ข้าเห็นแม่นางแปลกหน้าสองคน นั่นคือ…”
“สาวใช้ที่ข้าซื้อมาใหม่” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าต้องง่วนกับเรื่องธุรกิจ ซูอวี้บาดเจ็บเช่นนี้ก็ต้องมีคนดูแล สาวใช้สองคนที่ข้าซื้อมา หนึ่งคนแรงเยอะ อีกคนรอบคอบระมัดระวัง ดูแลซูอวี้ได้”
“เข้าใจแล้ว”
เหตุฉาวโฉ่สกุลเฉียนจบลงด้วยการตายทั้งกลมของอนุภรรยาเจ้าบ้าน
เฉียนจงอวิ๋นถูกตบหนึ่งฉาด ให้นั่งคุกเข่าที่โถงบรรพชนหนึ่งคืน จากนั้นก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากชาวบ้านในเมืองทอดถอนใจกันไปสองสามวัน พวกเขาก็ถูกเรื่องซุบซิบใหม่ดึงดูดจนเลิกพูดถึงเหตุฉาวโฉ่เลอะเลือดนี้
ครั้นเจิ้งซูอวี้ทราบจุดจบของอนุภรรยาเจ้าบ้าน นางก็ไม่พูดจาไปหลายวัน ทั้งยังดูหมดอาลัยตายอยาก
มู่ซืออวี่พอจะเดาบางอย่างได้
แต่นางไม่ใช่เจิ้งซูอวี้ จึงไม่อาจตำหนิได้
แผนเปิดร้านใหม่ของมู่ซืออวี่เขียนใกล้เสร็จแล้ว แต่ช่วงนี้มีเรื่องให้ต้องจัดการเยอะเสียจนมือเป็นระวิง นางจึงค่อยคิดต่อในภายหลัง
“ผู้ใดเขียนนี่กัน?” มู่ซืออวี่เห็นป้ายเรียกลูกค้าที่ประตู
เฟิงเจิงกล่าวว่า “เหวินอี้ผู้มาใหม่เขียน”
“เขาดูบอบบางอ่อนแอ ไม่คาดคิดเลยว่าการใช้คำของเขาจะสะท้านสะเทือนเตะตาเพียงนี้” มู่ซืออวี่กล่าว “วาดก็วาดได้ดี ฝีมือเช่นนี้เป็นผู้ช่วยเราต่อไปก็เหมือนด้อยค่าเปล่า ๆ”
“เถ้าแก่เนี้ย เขาได้ท่านช่วยไว้ จะไปด้อยค่าอะไรกัน? หากไม่ใช่เพราะท่าน เขาก็อาจตายไปแล้ว ท่านไม่รู้หรอก เหวินอี้ผู้นี้ดีทุกอย่าง เสียแต่อ่อนแอเกินไป อยู่ไม่ทันไรก็ต้องไปรับยาหาหมอกันอีกแล้ว เงินเล็กน้อยที่ได้มาก็ไม่พอซื้อยาด้วยซ้ำ”
“เขาป่วยบ่อยหรือ?” มู่ซืออวี่ประหลาดใจ
“ใช่แล้ว เขาป่วยกระเสาะกระแสะแทบทุกวัน แต่ก็ไม่ใช่โรคร้าย ก็แค่ท้องเสีย”
เหวินอี้บังเอิญเพิ่งกลับมาพอดี เมื่อเห็นมู่ซืออวี่ก็รีบเข้าไปทักทาย
“ฮูหยิน”
“หน้าเจ้า…” มู่ซืออวี่เห็นสีหน้าเหวินอี้ดูผิดปกติ
“ไม่เป็นไร” เหวินอี้กล่าว “ฮูหยิน ข้าวาดภาพมา ไม่รู้จะมีประโยชน์หรือเปล่า อยากเห็นหรือไม่?”
“ได้”
มู่ซืออวี่เห็นป้ายเรียกลูกค้าที่ประตู จึงพอจะรู้ฝีไม้ลายมือวาดภาพของเหวินอี้บ้าง เมื่อเห็นลวดลายที่เขาวาด นางก็อดชื่นชมฝีมือเขามากกว่าเก่าไม่ได้
“ความคิดของเจ้าดีมาก กลเม็ดนี้ก็สร้างบรรยากาศได้ดียิ่ง เจ้านี่ฝีมือดียิ่งนัก ข้าจะซื้อภาพที่เจ้าออกแบบไว้ดี ๆ ในภายหน้า ราคาต่อรองกันได้”
“แค่จ่ายเงินข้าก็พอแล้วขอรับ”
“ไฉนเลยจะมีเหตุผลให้ปฏิเสธเงินอันไหลมากองตรงหน้า เจ้านี่จะทำตัวสูงส่งเกินมนุษย์ไปแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าวอย่างประหลาดใจ
“ข้าต้องการเพียงได้รับค่าจ้างเท่านั้นจริง ๆ แค่ฮูหยินให้ที่พักอาศัยแก่ข้าก็เป็นพระคุณมากแล้ว” เหวินอี้ยิ้มละไม
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก ฟังดูเหมือนเกิดบางเรื่องอันน่ายินดี พวกเขาที่เพิ่งคุยกันจบพอดีจึงออกจากห้องหนังสือมาดู
“อันอวี้! ตาเจ้า…” มู่ซืออวี่เห็นเซี่ยคุนกับอันอวี้
อันอวี้แย้มยิ้มบริสุทธิ์งดงามเยี่ยงดอกกล้วยไม้ขาว สง่างามยิ่งนัก
นางเดินมากล่าวกับมู่ซืออวี่ด้วยรอยยิ้ม “ท่านสวยเหลือเกิน”
“ในที่สุดความลำบากของเจ้าก็มลายหายไป” มู่ซืออวี่กุมมืออีกฝ่าย “ประเสริฐนัก ระหว่างทางเจ้าคงเหนื่อยสินะ? คืนนี้เราฉลองให้เจ้าสักหน่อยดีกว่า”
“เถ้าแก่เนี้ย แล้วเราเล่า?” เจี่ยงจงกล่าว
“มากันให้หมดเลย ข้าจะทำอาหารเลี้ยง”
กล่าวจบ นางก็นึกถึงอวี้ซื่อและอันอี้หาง
แม้จะไม่ได้ชอบอวี้ซื่อ แต่นั่นก็เป็นมารดาของอันอวี้ เรื่องดวงตาของอันอวี้ย่อมต้องแจ้งครอบครัวของนาง
“พี่ใหญ่เซี่ย ไปเรียกแม่ยายกับพี่ภรรยาท่านมาเถิด ดวงตาของอันอวี้หายดีแล้ว เหตุมงคลใหญ่โตเช่นนี้ควรฉลองกันหน่อย”
เซี่ยคุนมองอันอวี้แล้วเอ่ยว่า “ได้”
พวงแก้มของอันอวี้แดงก่ำ นางลอบมองเซี่ยคุนแล้วหลบตาหนีเยี่ยงกระต่ายน้อย
“เฟิงเจิง เจ้าไปดูซิว่าจู่ปู้ลู่ที่ศาลาว่าการสะดวกกลับมากินอาหารเย็นที่บ้านวันนี้หรือไม่” มู่ซืออวี่กล่าว “หากเขาไม่มีเวลาก็ไม่เป็นไร อย่าให้กระทบกระเทือนงานเขาเลย”