สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 419 ข่าวน่ายินดีของราษฎร

บทที่ 419 ข่าวน่ายินดีของราษฎร

บทที่ 419 ข่าวน่ายินดีของราษฎร

ลู่อี้เพิ่งนั่งลง ก่อนที่จะได้ดื่มชาที่บ่าวรับใช้รินให้ ก็เห็นเพียงมู่ซืออวี่วิ่งเข้ามาดึงมือเขาไปข้างนอก

“มีอะไรหรือ?” ลู่อี้ดื่มชาด้วยความเร่งรีบ แล้วโยนจอกให้บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ

บ่าวรับใช้กระวีกระวาดรับเอาไว้

ลู่อี้ปล่อยให้มู่ซืออวี่ลากเขาไปนอกศาลาว่าการ

นางตรงไปยังตรอกปลีกวิเวกจากผู้คนแห่งหนึ่ง

“ที่นี่คือ…”

“ตรงนี้เป็นตรอกซอยที่คนยากจนที่สุดในเมืองฮู่เป่ยอาศัยอยู่ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนแก่เฒ่าถูกทิ้งให้อาศัยอยู่ที่นี่เพียงลำพัง” มู่ซืออวี่พูดขึ้น “ข้าจะพาท่านไปดูบางอย่าง”

หลายนาทีต่อมา ลู่อี้ยืนอยู่หน้าบ้านเก่าซอมซ่อหลังหนึ่ง

เจ้าของบ้านเป็นหญิงชราตาบอด

หญิงชราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางเอื้อมมือออกมาปัดป่ายแล้วเอ่ยถาม “แม่หนู เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

มู่ซืออวี่เอ่ยตอบอย่างอ่อนโยน “ท่านป้า ไม่ต้องกังวล นี่คือสามีข้า”

“อ้อ ข้าจะรินน้ำให้พวกเจ้าสักถ้วย” หญิงชราลุกขึ้นยืน

“ท่านไม่ต้องไปแล้ว สามีข้าเพียงมาเยี่ยมเท่านั้น ลองดูว่าเตียงเตาที่ข้าทำให้เป็นอย่างไร”

“เตียงเตานี้ดียิ่ง ข้ามีชีวิตอยู่มาทั้งชีวิต ไม่เคยอบอุ่นถึงเพียงนี้มาก่อนเลย” หญิงชรากล่าว “นายท่านผู้นี้ ท่านได้แต่งกับภรรยาที่เหมือนพระโพธิสัตว์เชียวนะ ต้องขอบคุณพวกท่านแล้ว”

ลู่อี้ใช้นิ้วมือแตะเตียงหลังใหญ่ จากนั้นจึงลองทาบผนังดู

“เจ้าทำได้อย่างไร?”

ไม่เพียงแต่เตียงเตาเท่านั้น ทั่วทั้งห้องยังอบอุ่นไปด้วย

“นี่น่ะหรือ? แน่นอนว่ามีเหตุผล” มู่ซืออวี่เอ่ย “ข้าพาท่านมาดูสิ่งนี้เพราะอยากจะปรึกษาบางอย่างกับท่าน”

“เรื่องใด?” ลู่อี้คว้ามือนางมากุม

“ข้าอยากขอบันทึกทะเบียนราษฎร์ที่อยู่ในมือท่าน จะได้อ้างอิงจากบันทึกทะเบียนราษฎร์ ทำเตียงเตาเช่นนี้ให้คนชราไร้ครอบครัวที่อยู่เพียงลำพังทั่วทั้งเมืองฮู่เป่ย ให้พวกเขาข้ามผ่านฤดูหนาวนี้ไปอย่างปลอดภัย แน่นอนว่าหากผู้อื่นต้องการเตียงเตาเช่นนี้ ข้าก็สามารถสอนวิธีให้พวกเขาไปหาวัสดุมาทำเองได้ ของสิ่งนี้อาจดูเหมือนทำได้ยาก แต่อันที่จริงหากรู้วิธีก็ไม่ยากเย็นแล้ว”

“ฮูหยิน เจ้ารู้หรือไม่ ไม่ใช่ทุกคนจะซาบซึ้งกับทุกสิ่งที่เจ้าทำ”

“ใต้เท้าลู่ พวกเราเริ่มกิจการที่เมืองฮู่เป่ย ที่นี่เป็นสถานที่พวกเราพบกันและได้รักกัน บางทีมันอาจจะไม่ใช่สถานที่ที่ดีที่สุด ทว่าจะต้องเป็นสถานที่ที่พวกเราคิดถึงมากที่สุดแน่นอน”

“อีกไม่นานพวกเราก็จะจากที่นี่ไปยังเมืองหลวงแล้ว ภายหน้ายังไม่รู้ว่าจะมีโอกาสกลับมาอีกหรือไม่? ก่อนที่ข้าจะจากไป นี่เป็นของขวัญที่ข้าจะมอบให้เมืองฮู่เป่ย ฤดูหนาวทุกข์ยาก ข้าหวังว่าทุกคนจะลำบากน้อยลงหน่อย”

“ที่แท้พวกท่านก็คือใต้เท้านายอำเภอและฮูหยิน” หญิงชราตาบอดเอ่ยด้วยความตื้นตันใจ “ยายเฒ่าเช่นข้ามีดีอะไร ไม่คิดว่าจะทำให้ใต้เท้าและฮูหยินห่วงใยเช่นนี้ ยายเฒ่าผู้นี้ชีวิตนี้ไม่มีอะไรให้เสียดายแล้ว”

“รีบลุกขึ้นเถิด” ลู่อี้ประคองหญิงชราให้ลุกขึ้น “เมืองฮู่เป่ยกำลังจะจัดกองทุนบรรเทาทุกข์ให้คนชราที่อยู่เพียงลำพัง แต่ละเดือนจะได้รับเงินอุดหนุน ถึงตอนนั้นจะส่งมาที่บ้านท่าน”

“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใดหรือ?” มู่ซืออวี่ประหลาดใจ

“ปีนี้อากาศหนาวเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ฮูหยินห่วงใยราษฎร สามีก็ห่วงใยเช่นกัน นี่เป็นเรื่องที่ข้าและสหายเวินตัดสินใจหลังจากปรึกษาหารือกันแล้ว” ลู่อี้เอ่ย “เพียงแต่ยังไม่ได้มีการประกาศออกมาเท่านั้น”

มู่ซืออวี่และลู่อี้มองหน้าแล้วส่งยิ้มให้กัน

หลังจากทั้งสองออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว พวกเขาเดินกุมมือกันไปบนท้องถนน

เกล็ดหิมะร่วงหล่นลงบนร่างของทั้งสองคนราวขนห่าน

ทั้งสองคนยืนอยู่บนถนน สัมผัสความเย็นเยือกของหิมะแรก

“ปีนี้หิมะมาเร็วขึ้น อีกทั้งยังหนาวกว่าเดิม” มู่ซืออวี่เอื้อมมือออกไปสัมผัสเกล็ดหิมะ “บ่าวรับใช้ในจวนกล่าวว่าราคาถ่านพุ่งสูงเทียมฟ้า ชาวบ้านทั่วไปแทบจะเจียดเงินมาซื้อไม่ไหว”

“ในฐานะหัวหน้ากลุ่มการค้าเมืองฮู่เป่ย ฮูหยินของข้ามีแผนดี ๆ อะไรหรือไม่?” ลู่อี้คว้ามือนางมากุมเดินฝ่าไปในหิมะแรก

“ในเมื่อข้าเป็นหัวหน้ากลุ่มการค้า ย่อมไม่อาจให้พวกเขาขึ้นราคาสูงเกินไปนัก ทว่าข้าจัดการได้เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น หลังจากข้าไปแล้ว ซูอวี้อาจควบคุมไม่ได้ อย่างไรเสียพวกเขาไว้หน้าข้าไม่ใช่เพียงเพราะคุณงามความชอบของข้า แต่เป็นเพราะข้าเป็นฮูหยินนายอำเภอ สถานะของข้าเป็นตัวแทนที่คอยถ่วงสมดุลระหว่างทางการและพ่อค้าวาณิช ดังนั้นทางการยังต้องก้าวออกมาดูแลส่วนนี้”

“ข้าฟังฮูหยิน ข้าจะออกหนังสือทางการเมื่อกลับไป ไม่อาจจงใจขึ้นราคาสินค้าได้ ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกปรับ ร้านจะถูกสั่งปิด”

“สามีฉลาดยิ่ง”

“เจ้านี่นะ…” ลู่อี้เหลือบเห็นร้านเต้าฮวยฝั่งตรงข้าม “ไปเถอะ สามีจะพาเจ้าไปกินเต้าฮวย”

ลู่อี้ประกาศใช้ข้อกำหนดสองข้อติดต่อกัน

หนึ่ง คือไม่อาจจงใจใช้สภาพอากาศที่เลวร้ายเช่นนี้ขึ้นราคาของ รวมไปถึงฟืนถ่าน อาหาร เสื้อผ้า และอื่น ๆ ผู้ฝ่าฝืนจะถูกทางการลงโทษตามกฎหมาย

สอง คือกลุ่มการค้าเมืองฮู่เป่ยจะจัดทำเตียงเตาให้คนชราไร้ครอบครัวที่อยู่เพียงลำพังโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย หากผู้อื่นยินดีอยากทำเตียงเตา สามารถจ่ายค่าวัสดุและค่าแรง ไปลงทะเบียนตรงที่ทำการกลุ่มการค้าเมืองฮู่เป่ย ทั้งยังสามารถไปสอบถามวิธีทำเตียงเตาและซื้อวัสดุไปทำเองได้

“ใต้เท้าลู่ต้องเข้าเมืองหลวงจริง ๆ หรือ?” เหล่าชาวบ้านล้วนพูดคุยกันถึงเรื่องนี้

“ได้ยินว่าได้เลื่อนขั้นแล้ว ไม่นานก็จะเข้าเมืองหลวงไปเป็นผู้พิพากษาศาลต้าหลี่” มีคนเอ่ยขึ้นมา “ใต้เท้าลู่ไปแล้ว ฮูหยินลู่ก็ไปแล้วเช่นกัน พวกเราชาวเมืองฮู่เป่ยยังจะอยู่ดีมีสุขเช่นนี้อีกหรือ?”

“ท่านน้าที่อยู่เมืองเตียนอวี้ของข้าได้ยินเรื่องเมืองฮู่เป่ยเรา ยังอิจฉาพวกเราที่มีขุนนางเป็นดั่งบิดามารดาเช่นนี้”

“ผู้ใดบอกว่าไม่ใช่เล่า ตั้งแต่ใต้เท้าลู่ทำหน้าที่นี้ เมืองฮู่เป่ยเรานับวันยิ่งเจริญรุ่งเรืองขึ้น เจ้าไม่เห็นหรือว่าเหล่าพ่อค้าที่มาจากเมืองหลวงล้วนกล่าวว่าเมืองฮู่เป่ยไม่มีขอทาน แม้แต่เมืองหลวงยังมีเลยนะ!”

“ใต้เท้าลู่และฮูหยินลู่เป็นดั่งพระโพธิสัตว์เดินดินของพวกเราเมืองฮู่เป่ย”

“ผู้ใดจะเป็นนายอำเภอคนใหม่? พวกเจ้ารู้หรือไม่?”

“ได้ยินว่าตอนนี้เขาเป็นปลัดอำเภอ นั่นก็คือปลัดอำเภอเวินนั่นเอง”

“ได้ยินว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับใต้เท้าลู่ พวกเจ้าว่าเขาจะเป็นขุนนางที่ดีอย่างใต้เท้าลู่หรือไม่?”

“สหายของข้าเป็นนักการอยู่ศาลาว่าการ ได้ยินเขาบอกว่าใต้เท้าผู้นี้เป็นคนที่ใต้เท้าลู่อุ้มชู ใต้เท้าลู่ตรากตรำเพียงนี้ คิดว่าเขาคงไม่ทำให้พวกเราผิดหวังเช่นกัน”

บนท้องถนน โจวป๋อเหวินเอ่ยกับเวินเหวินซงที่อยู่ข้าง ๆ เขา “คนหัวรั้นเหล่านี้ช่างไม่มีตาเอาเสียเลย ท่านดีกว่าใต้เท้าลู่เป็นไหน ๆ สหาย อย่าได้กังวลไป ข้าจะช่วยท่านเอง”

สีหน้าของเวินเหวินซงเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “ใต้เท้าลู่สร้างชื่อเสียงไว้สูงส่งยิ่ง หลังจากเขาไปแล้ว ข้ายังต้องรับช่วงตำแหน่งจากเขา เกรงว่า…”

“กลัวอะไรเล่า ข้ามีหนทางที่จะช่วยท่านได้มากมาย” โจวป๋อเหวินเอ่ย “กิจการนี้ของข้าจะทำเงินให้ท่านมหาศาล คนแซ่ลู่ผู้นี้มีอะไรดี โง่เขลาเหลือประมาณ”

แววตาเยือกเย็นแวบผ่านดวงตาของเวินเหวินซง

โจวป๋อเหวินผู้นี้ช่างโง่งมเต็มทน

ไม่สิ ควรกล่าวว่าโลภมากจนไม่รู้จักพอเสียมากกว่า

หากคนผู้นี้เฉลียวฉลาดอีกเพียงเล็กน้อย หรือรู้จักยับยั้งชั่งใจแม้เพียงนิด ก็ควรรู้ว่าให้ลู่อี้ไปแล้วค่อยทำเรื่องราวลับหลัง ทว่าเขากลับทะเยอทะยาน อยากมั่งอยากมีกระทั่งไม่สนใจแม้แต่ลู่อี้

“สหายโจว อย่าได้ตำหนิข้าว่าไม่ได้เตือนท่าน ข้อบังคับที่นายอำเภอกำหนดใช้เข้มงวดกวดขันเป็นอย่างมาก ไม่อาจถูกพวกเขาจับได้เป็นอันขาด” เวินเหวินซงเอ่ย “ตอนนี้เขายังไม่ไป เมืองฮู่เป่ยยังคงอยู่ในความรับผิดชอบของเขา”

“สหายเวิน เหตุใดท่านจึงต้องขี้ขลาดไปหมดเสียอย่างนี้เล่า ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้เรื่องภายในเมืองฮู่เป่ยล้วนมอบหมายให้ท่าน ลู่อี้น่ะต้องเก็บของเตรียมตัวไปรับตำแหน่งในเมืองหลวงแล้ว”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset