บทที่ 110 เถาวัลย์กระหายเลือด
แมวนพเวทย์รู้ดีว่าถ้าตัวมันหยุดอยู่ตรงนี้ โอกาสสำเร็จนั้นจะมีจำกัด ดังนั้นเจ้าแมวจึงลองฝึกการชกมวยที่ได้เรียนมาจากฉู่เหินทุกวันเพื่อที่จะซึมซับพลังงานดวงดาว
หลังจากฝึกอยู่นาน ฉู่เหินก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ เขาเอาแต่มองดูแมวนพเวทย์ที่มีท่าทีเคร่งเครียด
“เสี่ยวจิ่ว ฉันเอาของที่สามารถช่วยได้มา แต่หากใช้ มันก็มีความเสี่ยงและอันตราย เพราะฉะนั้นจะใช้หรือไม่ใช้ก็ตัดสินใจเองก็แล้วกัน!” หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ฉู่เหินก็รู้สึกว่าแมวนพเวทย์ดูอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ ซึ่งนี่คือภาษาที่มีแค่พวกเขา 2 คนเท่านั้นที่เข้าใจ
พอได้ยินเช่นนั้น แมวนพเวทย์ก็ดูสดใสมากขึ้นทันที เจ้าเหมียวพยักหน้าโดยไม่ลังเล หลังจากฉู่เหินคิดครู่หนึ่ง เขาก็เอาเม็ดยาออกมา หลังจากที่เห็นมัน แมวนพเวทย์ก็รู้สึกหายใจติด ๆ ขัด ๆ ดวงตาของมันแสดงถึงแรงปรารถนาบางอย่างต่อฉู่เหิน
ฉู่เหินรู้ดีว่ายาเม็ดนี้มีผลกับแมวนพเวทย์ แต่มันก็เป็นของระดับ 5 เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะรับผลของมันไหวไหม สายตาของเขานั้นดูกังวลมาก แต่เจ้าแมวนพเวทย์ก็ไม่รีรอ มันรีบกินยาเข้าไปในทีเดียว
จากนั้นเจ้าเสี่ยวจิ่วก็หลับไปในทันที ฉู่เหินรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะแบบนี้แน่ ดังนั้นเขาเลยจับมันไปไว้ในแหวนมิติ เพราะว่านั่นคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว!
หลังจากช่วยแมวนพเวทย์เสร็จ ฉู่เหินก็เริ่มที่จะฝึกฝนต่อทันที แต่เขาก็นึกอะไรบางอย่างออกซะก่อน ทำให้ชายหนุ่มล้มเลิกความคิดที่จะฝึกต่อ ก่อนที่เขาจะเดินตรงไปยังกระถางดอกไม้ที่อยู่ด้านหน้าที่เสี่ยวชิงกับลี่ลี่เป็นคนทำให้
ดอกไม้ที่ปลูกในนั้นโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในอนาคตมันจะต้องออกดอกที่สวยงามได้อย่างแน่นอน เหมือนกับดอกโบตั๋น ถ้าคนอื่น ๆ ได้มาเห็นก็คงมีความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน!
พอมองดูดี ๆ แล้ว ฉู่เหินก็พบเข้ากับของเล็ก ๆ ขนาดประมาณฟันซี่หนึ่ง ชายหนุ่มพยายามมองมัน เพราะเขามั่นใจว่าตั้งแต่เสี่ยวชิงจากไป ก็ไม่มีใครมายุ่งกับกระถางนี้อีก แล้วถ้างั้นเจ้าหน่ออ่อนของต้นไม้นี่ มันมาจากไหนกันละ ? เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกสงสัยมาก
“พืชกลายพันธุ์ เถาวัลย์กระหายเลือด ถ้ามันกินเลือด จะทำให้มันเติบโตได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด นี่เป็นพืชที่อาจจะมีประโยชน์ได้ในอนาคต ผู้ถือครองฉู่เหินต้องการทำสัญญาครอบครองหรือไม่?” เสียงระบบดังขึ้นมา ซึ่งจากเนื้อหาของมัน ก็ทำให้ฉู่เหินนั้นรู้สึกแปลก ๆ ในใจ
สิ่งที่เขาสนใจก็คือ การที่เถาวัลย์มันสามารถเติบโตได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ มันอาจจะมีอะไรพิเศษเพิ่มขึ้นในอนาคตก็เป็นได้ เมื่อคิดดังนั้น ฉู่เหินก็ทำการสำรวจเถาวัลย์นั้นอย่างละเอียด ถึงเขาจะรู้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว แต่ชายหนุ่มก็คิดว่า ดูด้วยตาของตัวเองหน่อยก็ไม่เสียหาย
เจ้าเถาวัลย์กระหายเลือดต้นนี้จะโจมตีใส่ทุกสิ่งที่เข้าใกล้มันด้วยตัวเอง ดังนั้นถ้าจะเลี้ยงดูมันจริง ๆ ฉู่เหินจะคิดให้มากหน่อย ถ้าเกิดว่าสิ่งนี้โตขึ้นไปและปราศจากการควบคุมที่ดีแล้วละก็ มันอาจจะก่อปัญหาเอาได้ ไอ้ตัวเขาเองอ่ะไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดขึ้นกับคนรอบ ๆ ตัวเขาแล้วละก็ แบบนั้นฉู่เหินคงไม่ยอมให้อภัยตัวเองแน่!
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจที่จะปลูกมันไว้รอบ ๆ บ้าน เพื่อให้ครอบครัวของเขาปลอดภัยแทนแล้วกัน !
เมื่อตัดสินใจดังนั้น เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ถึงฉู่เหินจะรู้ว่าการที่เก็บมันเอาไว้จะทำให้เขาต้องสิ้นเปลืองมากก็ตาม แต่มันก็คุ้มแหละ!
“ตกลง ทำสัญญาครอบครอง” เมื่อสิ้นคำของเขา ฉู่เหินก็รู้สึกได้ถึงร่างกายของตัวเองที่มีอะไรบางอย่างแล่นไปทั่วทั้งร่าง ก่อนที่ต่อมาเถาวัลย์นั้นจะกลายเป็นของเขา
หลังจากทำสัญญาเสร็จ หน่อเล็ก ๆ ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนสูงขึ้นกว่า 1 เมตรในไม่กี่อึดใจ มันเริ่มซึมซับพลังดวงดาว และทุกครั้งที่เขาสัมผัสมัน ชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงพลังที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ฉู่เหินรู้สึกได้ถึงพลังดวงดาวบางส่วนที่ไหลเข้ามายังตัวเขาจากเถาวัลย์นั่น ถึงมันจะน้อยมาก ๆ หากแต่นั่นก็ทำให้ฉู่เหินรู้สึกประหลาดใจ!
ทั้งเถาวัลย์และแมวช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่ได้ทำสัญญากับพวกมัน ก็เหมือนกับว่าผืนฟ้าและแผ่นดินได้เชื่อมต่อทั้งคู่เอาไว้ โดยผ่านทางร่างของฉู่เหิน
ถึงฉู่เหินจะไม่รู้ว่าเสียไปเท่าไหร่แล้ว อย่างไรก็ตามเถาวัลย์กระหายเลือดก็สามารถเติบโตได้ด้วยตัวเองจากการฝึกซ้อม เรื่องนี้ทำให้เขาหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้!
การที่มันสามารถเติบโตด้วยตัวเองยังไม่สำคัญเท่ากับความสามารถในการรวบรวมพลัง ถึงแม้ว่ามันจะอยู่เฉย ๆ ก็ตาม แต่เจ้าเถาวัลย์นี่ก็สามารถนำพลังดวงดาวเข้าสู่ร่างกายได้อย่างต่อเนื่อง แถมยังแบ่งมาให้เขาได้อีกด้วย! เจ้าสิ่งนี่นี้แหละทำให้ฉู่เหินดีใจจนพูดไม่ออก
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนี้ฉู่เหินก็รู้สึกสนใจถึงของที่เก็บอยู่ในแหวนมิติซะแล้วสิ ภายในนั้นมันมีเมล็ดพืชอยู่หลากหลายชนิด ถ้ามันยังมีผลแบบนี้อยู่อีกคงดีไม่ใช่น้อย อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้ดีว่ามีแค่พืชไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่มีความสามารถเช่นนี้
หลังจากที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ เป็นพิเศษกับเจ้าเถาวัลย์อีกแล้ว ฉู่เหหินก็กลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อน
ลานที่ว่างเปล่านี้ดูเงียบเหงา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็ได้มีเจ้าเถาวัลย์กระหายเลือดที่พลิ้วไหวไปตามสายลม หลังจากที่ได้รับพลังจากดวงดาวมาสักพัก มันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่บริเวณกิ่งก้านของมัน
ลำต้นที่มีความยาวกว่า 1 เมตรเดิมของมันนั้นเพิ่มขึ้นมาในชั่วพริบตา น่ากลัวว่าถ้ามันโตขึ้นแบบนี้ต่อไป เจ้าเถาวัลย์นี่คงได้ยึดมุม ๆ หนึ่งของสวนไปอย่างแน่นอน
หมู่บ้านเทียนเซี๋ยนนั้นห่างออกไปจากหมู่บ้านชาวประมงไหก่างกว่า 30 ไมล์ ที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าเทียนเซี๋ยนจวน ซึ่งแปลได้ว่าท้องฟ้าที่ขยะแขยง ต่อมาคนก็พากันบอกกันว่าชื่อแบบนี้ดูไม่เหมาะเลย ดังนั้นเขาจึงหาสิ่งที่ดีกว่า!
ถึงแม้ว่าเทียนเซี๋ยนจวนจะห่างออกไปแค่ 30 ไมล์ แต่หมู่บ้านแห่งนี้มันไม่มีอะไรเหมือนกันหมู่บ้านชาวประมงไหก่างเลย ด้านหนึ่งไม่ติดกับทะเล ส่วนอีกมุมก็ไม่ติดกับภูเขา นอกจากจะมีที่ดินน้อยมากแล้ว แถบนี้ยังมีแต่คนยากจนอีกด้วย สมกับที่เป็นเพื่อนบ้านกัน เทียนเซี๋ยนจวนแห่งนี้นับได้ว่าเป็นสถานที่ ๆ ยากจนที่สุดในย่านนี้แล้ว
ตั้งแต่โบราณ ภูเขานั้นแห้งแล้งและยังขาดแคลนน้ำ เทียนเซี๋ยนจวนเคยมีหมู่บ้านโจรอยู่ จึงทำให้หมู่บ้านข้างเคียงย้ายกันไปหมด จนทุกวันนี้คนของหมู่บ้านเทียนเซี๋ยนจวนยังคงมีพื้นที่อีกกว่า 10 ไมล์ในบริเวณใกล้เคียง
ทุกวันนี้ พวกคนในหมู่บ้านแห่งนี้ต่างเริ่มหางานและเงิน กลุ่มคนในเทียนเซี๋ยนจวนได้รวมตัวกันเพื่อพูดคุยกันเกี่ยวกับการขโมยหมาและไก่ทุกวัน แน่นอนว่ามันอาจฟังดูไม่ยุติธรรมกับเทียนเซี๋ยนจวน เพราะถึงแม้ภายในเทียนเซี๋ยนจวนจะมีกลุ่มโจรอยู่มาก็ตาม แต่พวกคนธรรมดาเอง พวกเขานั้นก็มีมากกว่าเมื่อเทียบกันแล้ว
โดยที่เทียนเซี๋ยนจวนนั้น มีคนชั่วที่มีชื่ออยู่ 4 คน พวกมันชอบลักขโมยไก่และหมาของชาวบ้าน ในช่วง 10 ปีมานี้ พวกเขานับได้ว่าเป็นคนชั่วช้าสารเลวอันดับหนึ่งของหมู่บ้านเลยทีเดียว
ตงปาเที๋ยนและนันปาเที๋ยน ชื่อเดิมของพวกเขาคือฮั้วโป๋ชี๋ ส่วนอีกคนคือเชี๋ยนปู้ซู้ สองคนนี้ คือสองในสี่คนที่ว่ามา ทั้งคู่ว่างแผนที่จะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ถ้าเพื่อเงินแล้ว พวกมันทำได้ทุกอย่าง แม้จะเคยโดนจับกุมมาแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ไม่เข็ดหลาบ!