บทที่ 19 การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
“คุณครับ เสี่ยวเหินเป็นเด็กที่ซื่อสัตย์และมีคุณธรรมมาก เขาคงไม่ได้ตั้งใจทำอะไรล่วงเกินคุณหรอกครับ! ถ้าหากเขาทำอะไรผิดไปจริงผมคงต้องขอโทษแทนน้องชายด้วยจริง ๆ ถ้าอยากจะต่อว่าก็มาต่อว่าผมเถอะครับ” ทันทีที่ชายชราพูดจบ หวงเจี้ยนหมิงก็รีบพูดทันที
เขากลัวจริง ๆ ว่าฉู่เหินจะไปทำอะไรผิดเข้า ถึงแม้เขาจะรู้ว่าฉู่เหินเป็นเด็กที่ดีมาก แต่การเป็นเด็กดี ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทำผิดพลาด! ไม่เพียงแต่หวงเจี้ยนหมิงที่เป็นห่วง ซูวี่เหมยเองก็รู้สึกเป็นห่วงด้วยเช่นกัน
“คุณลุงค่ะ ถ้าน้องชายของฉันทำอะไรผิดไปคุณสามารถบอกพวกเราได้ พวกเราจะพยายามสอนเขาเองแต่ขอให้คุณกรุณายกโทษให้เขาด้วยนะคะ เขายังเป็นแค่เด็กอยู่” พูดจบก็มีน้ำตาคลอในดวงตาของซูวี่เหมย
เมื่อเห็นทั้งสองคนไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดอะไรเลย ชายชราก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มออกมาว่า “ฉันคิดว่าคุณสองคนเข้าใจผิดแล้ว น้องชายของคุณฉู่เหินเป็นคนดีมาก! ฉันรู้ว่าคุณอยู่ในโรงพยาบาลนี้ก็เลยมาเยี่ยมนี่แหละ”
หลังจากได้ยินคำพูดของชายชรา ทั้งคู่ก็โล่งใจมาก แต่แล้วพวกเขาก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา ชายชราคนนี้เป็นใครกัน? ทำไมทั้งคู่ไม่เคยรู้จักมาก่อน! เนื่องจากพวกเขารู้จักเพื่อนทุกคนของฉู่เหินดี!
“คุณครับ คุณรู้จักกับเสี่ยวเหินตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ ผมรู้จักเพื่อนของเสี่ยวเหินทุกคน แต่ดูเหมือนผมจะไม่เคยพบคุณมาก่อนเลย” หวงเจี้ยนหมิงถามอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันค่อนข้างจะน่าอาย แต่เขาไม่ต้องการให้น้องชายของเขาเป็นเพื่อนกับใครก็ไม่รู้ คุณควรรู้ว่าการเป็นเพื่อนกับคนไม่ดีอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของคุณได้
อนิจจาพ่อแม่ผู้น่าสงสารทั่วทุกมุมโลก! เดิมทีเมื่อหวงเจี้ยนหมิงกลัวว่าฉู่เหินจะทำอะไรผิด แต่ตอนนี้เขากลับมากังวลเกี่ยวกับสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังทำอยู่ เนื่องจากตอนนี้พวกเขากำลังต้องการเงินและเพื่อพี่ชายแล้ว ฉู่เหินกล้าที่จะทำทุกอย่างจริง ๆ
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งคู่ก็ยิ่งกังวลใจ พวกเขาไม่ได้หวังว่าฉู่เหินจะต้องร่ำรวยแล้วกลับมาตอบแทนคุณพวกเขา พวกเขาเพียงหวังว่าฉู่เหินจะมีชีวิตที่สงบสุข!
“คุณสองคนไม่ต้องคิดมาก ฉันชื่อหวงเทียนฮ่าวและเป็นนักชีววิทยา” หลังจากพูดจบเขาก็หยิบนามบัตรออกมาแล้วส่งให้หวงเจี้ยนหมิงและภรรยาของเขา
หวงเจี้ยนหมิงและซูวี่เหมยทั้งสองมองหน้ากันด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนที่พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นตามด้วยการต้อนรับหวงเทียนฮ่าวอย่างอบอุ่น ! พวกเขาทั้งคู่ดีใจมากที่ฉู่เหินสามารถหาเพื่อนดี ๆ อย่างนี้ได้ จากนั้นหวงเทียนฮ่าวก็บอกหวงเจี้ยนหมิงถึงความตั้งใจของเขา เดิมทีวันนี้เขาต้องการพาเพื่อนสนิทมาตรวจอาการของหวงเจี้ยนมินเป็นการส่วนตัว ซึ่งหมอหนุ่มที่พวกเขาเพิ่งเห็นก็เป็นหนึ่งในนั้น ส่วนคนอื่น ๆ อีกหลายคนกำลังเดินทางมา!
ผ่านไปไม่นานคน สามคนก็เดินเข้ามาในห้อง หนึ่งในสามคนนี้หวงเจี้ยนหมิงรู้จักดี เขาก็คือหมอของโรงพยาบาลแห่งนี้ หมอหวังนั่นเอง! ส่วนอีกสองคนเขาไม่รู้ว่าเป็นใคร
ในขณะที่ทั้งสามคนตรวจอาการของหวงเจี้ยนหมิง หวงเทียนฮ่าวแนะนำทุกคนให้หวงเจี้ยนหมิงรู้จัก หลังการแนะนำของคุณหวงคนนี้ หวงเจี้ยนหมิงก็รู้ว่าคนทั้งสามที่มาตรวจอาการของเขาเป็นใคร คนสามคนนี้เป็นหมอด้านศัลยกรรมกระดูกที่มาจากคนละโรงพยาบาลและคนละเมือง
เหตุผลที่พวกเขาทั้งสามเข้ามาตรวจให้หวงเจี้ยนหมิง ก็เพราะเห็นแก่หน้าของศาสตราจารย์หวง ส่วนความเกี่ยวข้องระหว่างคนทั้งสามและศาสตราจารย์หวงเป็นอย่างไรนั้น หวงเจี้ยนหมิงเองก็ไม่เข้าใจชัดเจนนัก หลังจากตรวจเสร็จ ทั้งสามคนก็ตัดสินใจจะย้ายหวงเจี้ยนหมิงไปโรงพยาบาลในเมืองเพื่อรับการรักษา
เนื่องจากแผนการรักษามีความซับซ้อนมาก ในโรงพยาบาลเขตเอง ก็ไม่มีเครื่องมือเพียงพอ ส่วนถ้าไปโรงพยาบาลในเมืองค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นมาก อย่างไรก็ตามหมอเจ้าของไข้และผู้อำนวยการโรงพยาบาลสามารถช่วยหวงเจี้ยนหมิงขอส่วนลดค่ารักษาเนื่องจากความยากจนได้ ด้วยวิธีนี้จึงสามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลยทีเดียว
เมื่อรวมกับสิทธิในการรักษาพยาบาลที่หวงเจี้ยนหมิงมีอยู่แล้ว เงินที่ต้องจ่ายก็เพิ่มอีกไม่เท่าไหร่แล้ว แต่หวงเจี้ยนหมิงก็คงยังลังเล แม้ว่านี่จะไม่ใช่เงินจำนวนมากนัก แต่มันก็ถือได้ว่าเป็นจำนวนมากสำหรับครอบครัวของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี!
ฉู่เหินที่รีบไปโรงพยาบาลได้ยินว่าพี่ชายของเขากำลังปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางก็อดไม่ได้ที่จะมีความสุข ขณะที่แพทย์เฉพาะทางหลายคนกำลังตรวจ ฉู่เหินก็อยู่นอกประตูแล้ว เหตุผลที่เขาไม่ได้เข้าไปก็เพราะเขากลัวที่จะรบกวนการวินิจฉัยของแพทย์เหล่านั้น
ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินว่าแพทย์เฉพาะทางขอให้พี่ชายของเขาไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง ฉู่เหินรู้ดีว่าสาเหตุที่พี่ชายของเขาลังเลก็เพราะเป็นห่วงเรื่องเงิน ดังนั้นเขาจึงผลักประตูห้องเข้าไปข้างใน
“คุณปู่หวง ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ครับ” ทันทีที่ฉู่เหินเข้ามาในห้อง เขาเห็นว่าศาสตราจารย์หวงก็มาที่นี่ด้วย เขาก็อดยินดีไม่ได้
“ไม่มีอะไรหรอก อยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำเลยลองมาดูน่ะ” ถึงแม้จะพูดอย่างนั้น แต่ฉู่เหินรู้ดีว่าบ้านของคุณปู่หวงอยู่ในเมืองเพราะงั้นคำอ้างที่ว่าว่าง ๆ เบื่อ ๆ เลยมาเดินเล่นในโรงพยาบาลเขตจึงไม่เนียนสักนิด และยิ่งเขารู้ว่าแพทย์เฉพาะทางทั้งสามคนนี้ถูกชายชราพามาด้วย เขาก็ได้แต่ขอบคุณ คุณปู่หวงอยู่ในใจ
หลังจากที่ทั้งสองทักทายกันแล้ว ฉู่เหินก็จัดการย้ายพี่ชายไปที่โรงพยาบาลในเมืองทันที ทันทีที่มาถึงโรงพยาบาลในเมืองฉู่เหินก็จ่ายเงินมัดจำ หนึ่งแสนหยวน จากนั้นเขาก็โอนเงินหนึ่งแสนหยวนเข้าบัญชีของพี่สะใภ้ การกระทำนี้ทำให้หวงเจี้ยนหมิงและซูวี่เหมยถึงกับพูดไม่ออก
เมื่อทั้งสองคนเพิ่งได้สติจากอาการตกตะลึง ฉู่เหินก็ออกไปซื้อข้าวแล้ว คืนนั้นเองเขาตัดสินใจพักอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนพี่ชายและพี่สะใภ้ทั้งคืน ซึ่งในคืนนั้นเองฉู่เหินก็ได้เล่าให้พี่ชายของเขาฟังเกี่ยวกับการขายมังกรทะเลสองตัว เมื่อได้ฟังแล้วพี่ชายของเขาก็รู้สึกว่าฉู่เหินนั้นโชคดี! แต่ใครจะคิดเล่าว่ามันมาจากระบบเชื่อมโลกาของเขาต่างหาก
สภาพห้องที่พี่ชายและพี่สะใภ้พักอยู่นั้นค่อนข้างดี นั่นก็เพราะฉู่เหินตัดสินใจเช่าห้องพิเศษให้พวกเขา ด้วยวิธีนี้ทั้งสองคนจึงสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจ บวกกับเขายังมีเงินในกระเป๋าอีกจำนวนหนึ่ง ฉู่เหินจึงกำลังคิดที่จะซื้ออาหารเสริมเพื่อบำรุงร่างกายให้พี่ แต่ฉู่เหินรู้ดีว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้พี่ชายและพี่สะใภ้ของเขายอมกินอะไรดี ๆ
เวลาบ่ายสามโมง ฉู่เหินก็ออกจากโรงพยาบาลตรงกลับไปที่หมู่บ้าน ขณะเดินไปบนถนนที่คึกคักและมีชีวิตชีวาแห่งนี้ ฉู่เหินก็อดคิดไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าทำไมหลิวเสี่ยวชิงถึงปรากฏตัวในใจของเขาเป็นครั้งคราว
“ประสกท่านนี้โปรดหยุดสักครู่ อาตมาคิดว่าประสกกับอาตมามีวาสนาต่อกัน การพบกับวันนี้ถือว่ามีวาสนาต่อกัน อาตมามีจี้ชิ้นหนึ่งขอมอบให้กับประสก ประสกสามารถมอบมันให้คนรักของประสกก็ได้” ขณะที่ฉู่เหินกำลังเดินอยู่บนถนนก็ถูกหยุดโดยพระชราท่าทางใจดี อีกทั้งยังให้จี้กับเขาด้วย!
เดิมทีฉู่เหินคิดจะปฏิเสธเพราะมีนักต้มตุ๋นหลายคนที่ปลอมเป็นพระและหลอกเอาเงิน เขาจะให้เครื่องประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ จากนั้นก็ทำนายมั่วซั่วเพื่อหลอกเอาเงิน แน่นอนว่าอาจจะมีพระจริงอยู่ แต่ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นพวกหลอกลวง แต่ก่อนที่ฉู่เหินจะปฏิเสธ เขาก็เห็นพระรูปนั้นหันหลังกลับและเดินออกไป โดยไม่ได้บอกให้เขาทำบุญอะไรเลย!
ขณะมองด้านหลังของพระชราที่เดินห่างออกไป ฉู่เหินก็ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่ดูจี้ในมือของเขาอีกครั้ง เขารู้สึกว่าเขาอาจจะได้พบกับพระที่ดีจริง ๆ ก็ได้ สำหรับจี้อันนี้เขาจะเก็บรักษามันไว้ให้ดี บางทีเขาอาจจะได้พบกับพระรูปนั้นอีกในอนาคต
นาน ๆ จะได้เข้าเมืองสักครั้ง ฉู่เหินคิดจะเดินเล่นสักพัก แต่เขากลับคิดเกี่ยวกับระบบเชื่อมโลกาอยู่ อีกนิดเดียวเขาก็จะสามารถเลื่อนไปสู่ระดับที่สอง ได้แล้ว ตอนนี้เขาอยากรู้มากเลยว่าระดับที่สอง ของระบบเชื่อมโลกาจะเป็นยังไง