บทที่ 2 เครือข่ายถึงกันทั่วโลก
เมื่อมองไปยังพี่ใหญ่ที่กดคันเร่งเพิ่มความเร็วของเรือไปจนสุด หัวเรือราวกับว่าจะลอยขึ้นจากผิวน้ำ แต่เมื่อฉู่เหินมองกลับไปด้านหลัง เขาก็พบว่าพายุเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที มันเข้ามาใกล้เสียจนเขาสามารถสัมผัสได้ถึงแรงลมอันมหาศาลที่ปะทะกับผิวหน้า ฉู่เหินรู้สึกหวาดกลัวจนแทบหยุดหายใจ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ คลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้ากระทบหัวเรือประมง ตัวเรือถูกคลื่นกระแทกไปมาจนทำให้เขารู้สึกเวียนหัว
ฉู่เหินใส่เสื้อชูชีพไว้ก่อนแล้วแถมยังผูกห่วงไว้ข้างตัว นั่นทำให้เขายังพอคงสติเอาไว้ได้หลังจากเรือถูกกระแทกไปมา แต่หวงเจี้ยนหมิงกลับถูกคลื่นซัด จนตัวกระแทกเข้ากับตัวเรือจนเกือบจะหมดสติไป คลื่นลูกแรกเพิ่งผ่านไปไม่นาน คลื่นลูกที่สองก็ตามมาทันที ขณะที่ฉู่เหินคิดว่าโชคดีที่รอดมาได้เข้าก็ได้ยินเสียงดังขึ้น!
“เปรี๊ยะ” หลังจากเสียงดังขึ้นมา ฉู่เหินก็พบว่าเสาเรือที่เขาผูกเชือกติดเอาไว้นั้นหักสะบั้น เป็นผลให้เมื่อคลื่นซัดเข้ามาอีกระลอก เขาก็ถูกคลื่นซัดออกจากเรือประมงทันที เมื่อเห็นแบบนี้ฉู่เหินก็ได้แต่ร้องในใจว่า “ฉิบหาย ตายแน่แล้วแบบนี้!”
ถ้าเขาถูกคลื่นซัดออกไป ต่อให้ยังไม่ตาย แต่ถ้าออกห่างจากเรือประมงไปไกลเขาก็คงหมดแรงและจมน้ำตายเป็นแน่ ฉู่เหินคิดยังไม่ทันจบ คลื่นลูกที่สามก็ซัดเข้ามาแล้วกลืนกินเขาลงไปในทะเล มนุษย์นั้นช่างไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าธรรมชาติ?
ในเวลานี้ฉู่เหินตระหนักถึงความหมายของประโยคนี้อย่างลึกซึ้งแล้ว! ขณะที่ฉู่เหินคิดว่าเขากำลังจะตายนั้นเอง จู่ ๆ เขาก็ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำอีกครั้ง เนื่องจากเสาและเสื้อชูชีพที่ใส่อยู่กับตัวช่วยให้เขาลอยขึ้นมาได้ หลังจากคลื่นลมผ่านไป ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ช่วยผูกเขาไว้กับเสาไม้และใส่ชูชีพเอาไว้ เกรงว่าป่านี้เขาคงจะตายไปนานแล้ว!
เมื่อฉู่เหินมองทะเลอันกว้างใหญ่ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไงถึงจะรอดไปได้ นอกจากนี้เขายังกังวลเรื่องความปลอดภัยของพี่หวง เมื่อคลื่นซัดมาอีกครั้ง ฉู่เหินก็พึ่งรู้สึกตัวว่า มีอะไรบางอย่างอยู่ในมือของเขา
แม้ว่าฉู่เหินจะมองไม่เห็น แต่เขารู้สึกได้ว่ามันคือแหดักปลา ฉู่เหินจับแหเอาไว้แน่น เขาเชื่อว่าเมื่อมีแหอยู่ที่นี่ แสดงว่ามีเรืออยู่ใกล้ ๆ และโอกาสรอดของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้น
ทุกครั้งที่คลื่นซัดเขาขึ้นสูงเหนือน้ำ ฉู่เหินจะพยายามมองไปรอบ ๆ สิ่งเดียวที่เขาอยากรู้คือ เรือประมงอยู่แถวนี้ไหม ในที่สุดฟ้าก็ไม่ทอดทิ้งผู้มีความพยายาม หลังจากการมองหาอย่างยากลำบากเขาก็เห็นเรือประมงอยู่ไม่ไกล
แม้ว่าเรือจะแตก แต่มันก็ยังลอยอยู่ได้ ฉู่เหินสวดภาวนาอยู่ในใจขณะมองไปที่เรือ “พระเจ้าทุกองค์บนสวรรค์ ได้โปรดช่วยคุ้มครองผม อย่าให้เกิดเหตุอะไรขึ้นอีกเลย ถ้าผมรอดไปได้จะให้ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น”
“คุณเต็มใจที่จะเข้าร่วมระบบเชื่อมโลกาหรือไม่?”
“ยอม ให้ผมทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ!” หลังจากตอบออกไป ฉู่เหินก็รู้สึกงุนงงมาก เห็นได้ชัดว่ามันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ดูเหมือนว่า มีบางคนพูดกับเขา แต่ตอนนี้ตัวเขาอยู่กลางทะเลและไม่มีใครอยู่แถวนี่ ถ้างั้นเมื่อกี้ใครกันที่พูดกับเขา?
ขณะที่ฉู่เหินกำลังคิดอยู่นั้น เขาก็รู้สึกว่า แหดักปลาในมือของเขาหายไป ก่อนที่ในมือของเขาก็ปรากฏสายเคเบิลเส้นหนึ่งขึ้นมา[1]
“ผู้ร้องขอ ฉู่เหิน สมัครใจเข้าร่วมระบบเชื่อมโลกา ผ่านการตรวจสอบจากระบบ พบว่าชื่อ ฉู่เหิน เพศชาย อายุยี่สิบปี เผ่าพันธุ์มนุษย์” ขณะที่ฉู่เหินกำลังตกใจอยู่นั้น เสียงที่ว่าก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ฉู่เหินหวาดกลัว จนขนทุกเส้นในตัวลุกชัน จากนั้นเขาก็เริ่มมองหาที่มาของเสียงรอบ ๆ ตัว!
“เปิดใช้งาน ระบบเชื่อมโลกาอย่างเป็นทางการ ฉู่เหินระดับหนึ่ง อาวุธแหไหมเงินระดับหนึ่ง ผู้ครอบครองฉู่เหิน ความแข็งแรงบวกสอง ความเร็วบวกสอง พลังวิญญาณบวกสอง ความสามารถทางน้ำบวกสอง”
ขณะที่ฉู่เหินคิดว่าเขาน่าจะประสาทหลอน เขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ฉู่เหินมั่นใจว่า เขาได้ยินจริง ๆ เขาสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ ระบบเชื่อมโลกาหมายถึงอะไร? แล้วมันยังบอกว่าของในมือเขาคืออาวุธแหไหมเงินเนี่ยนะ?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รีบดึงแหดักปลาขึ้นมาดู สิ่งที่พบทำให้เขาประหลาดใจมาก แหดักปลาอันเก่าหายไปแล้ว สิ่งที่อยู่ในมือของเขาตอนนี้ คือแหดักปลาสีเงินแวววาว! ฉู่เหินไม่รู้ว่าแหนี้ทำมาจากวัสดุอะไรกันแน่
“นี่คือแหไหมเงินเหรอ?” ฉู่เหินมองดูมันและรู้สึกว่าแหนี้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา ตอนนี้ส่วนใหญ่ของมันลอยอยู่ในทะเล ฉู่เหินรู้สึกเหมือนทุกอย่างเป็นความฝัน เขาจึงลองหยิกต้นขาของตัวเองอย่างแรง ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันเจ็บ!
ในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกลจากดาวโลกไปหลายล้านปีแสง สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในสถานที่นี้ไม่ได้มีเพียงมนุษย์เท่านั้น แต่ยังมีเอลฟ์ สัตว์ประหลาด หรือแม้แต่ปีศาจอยู่ด้วย
โลกแห่งนี้มีชื่อเรียกว่าโลกดึกดำบรรพ์ ในเวลานี้บริเวณส่วนนอกสุดของโลกดึกดำบรรพ์มีชนเผ่าหนึ่งอาศัยอยู่ ชายชราคนหนึ่งกำลังถือขวดหยกไว้ในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาวิ่งเข้าไปในบ้านหลังเล็ก ๆ อย่างรวดเร็ว อย่าได้ประมาทไปเชียวละแม้จะเห็นว่าเขาแลดูอายุมากแล้ว แต่ความรวดเร็วของเขาราวกับสายฟ้า
“เสี่ยวหลิน เสี่ยวหลินรีบออกมาเร็วดูว่าปู่เอาอะไรมาให้หลานสิ” เมื่อพูดจบชายชราก็มาถึงบ้านแล้ว จากนั้นเด็กอายุประมาณสิบขวบ ก็เข้ามาทักทายเขาด้วยความยินดี “ปู่ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ทำไมถึงได้ดีใจขนาดนี้ล่ะ?”
“เสี่ยวหลิน ลองสิดูว่านี่คืออะไร?” เขาพูดเบา ๆ แล้วหยิบขวดหยกในมือออกมาโบกไปมา เมื่อมองเห็นขวดหยกที่อยู่ในมือของปู่ เสี่ยวหลินก็เบิกตากว้าง
“ปู่ อย่าบอกนะว่า นี่คือ….”
“ใช่ ในขวดนี้มียาวิเศษอยู่สองเม็ด เป็นยาชำระไขกระดูกกับยาทะลวงขั้น! หากหลานกินยาทั้งสองนี้แล้ว ร่างกายของหลานก็จะได้รับการผลัดเปลี่ยนกระดูกเส้นเอ็นอย่างสมบูรณ์ ที่สำคัญที่สุดคือพรสวรรค์ของหลานก็จะกลายเป็นอันดับหนึ่ง!
ถึงเวลานั้นเผ่าของเราก็จะได้พึ่งพาพลังของหลานไปสู่ความรุ่งโรจน์อีกครั้ง!” หลังจากพูดจบ ดวงตาของชายชราก็เปล่งประกายเจิดจ้า
เมื่อตอนที่เขายังหนุ่ม เขานำเผ่าเข้าสู้ในสงครามทั้งเหนือใต้ออกตก หลังจากฆ่าคนไปนับไม่ถ้วนจนทำให้ผ่าใกล้เคียงถึงกับหวาดกลัวจนตัวสั่นเมื่อได้ยินชื่อของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะปีนั้นเขาไปพบกับอัจฉริยะของเผ่าเทียนเฟิง เขาคงไม่ถูกทำลายจุดตันเทียน[2] จนกลายเป็นคนพิการอย่างในทุกวันนี้หรอก!
ดังนั้นเขาจึงอยากแก้แค้น! แม้ว่าเขาจะไร้ความสามารถจนไม่อาจนำทัพเข้าสู่สงครามได้อีกครั้งแต่เขาก็ได้ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับหลานชายของตัวเอง พรสวรรค์เสี่ยวหลินไม่ด้อยกว่าตัวเขาในอดีตเลย ถ้าเสี่ยวหลินใช้ยาทั้งสองชนิดนี้ล้างไขกระดูก ความสำเร็จในอนาคตจะต้องไม่มีขีดจำกัดแน่นอน!
เด็กหนุ่มมองขวดยาในมือด้วยความดีใจ “ปู่ ผมอยากเอาไปให้ย่าดู ย่าจะต้องดีใจแน่!” พูดจบเสี่ยวหลินก็รีบวิ่งไปที่ห้องด้านหลังด้วยความเร่งรีบเด็กหนุ่มจึงลื่นล้มโดยไม่ตั้งใจ ขวดหยกขนาดเล็กที่ถูกปิดอย่างแน่นหนาลื่นหลุดออกจากมือทันทีที่เขาล้มลง
ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุนั้นเอง ไม่รู้ว่ามีแหดักปลาโผล่มาจากที่ไหน ทันทีที่ปรากฏขึ้นมันก็รวบเอาขวดหยกไปไว้ในแหแล้วบินหนีจากไปไกลทันที!
[1] สายเคเบิลคือสิ่งที่เชื่อมต่อพระเอกกับระบบเชื่อมโลกา
[2] จุดตันเทียนคือศุนย์กลางพลังลมปราณ