บทที่ 24 ปลาเกล็ดขาว
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ในอนาคตแล้ว เขาก็ได้แต่ยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ หลังจากที่เขาเอาปลาเกล็ดขาวพันกว่าตัวลงในบ่อแล้ว ฉู่เหินก็นั่งอยู่บนขอบบ่อปลาและเฝ้าดูมันอย่างระมัดระวัง แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นก็ทำให้เขาตกใจจนแทบกระโดดขึ้นมา
ทันทีที่ถูกปล่อยเข้าสู่บ่อปลา ปลาเกล็ดขาวเหล่านั้นก็ตรงเข้าโจมตีปลาตัวอื่นในบ่อทันที และเมื่อปลาเกล็ดขาวเหล่านั้นกินปลาในบ่อเข้าไป ร่างกายของพวกมันก็เติบโตอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่มีขนาดเพียง สิบกว่าเซนติเมตร มันก็ใช้เวลาเพียงไม่นานที่พวกมันจะโตขึ้นจนมีขนาดมากกว่าครึ่งเมตร
แต่หลังจากนั้นพวกมันก็ไม่โตขึ้นอีก พวกปลาเกล็ดขาวกลับเริ่มผสมพันธุ์กัน เมื่อผสมพันธุ์เสร็จปลาตัวเมียก็เริ่มไล่ล่าปลาอื่น ๆ ในบ่ออย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ใช้เวลาเพียงไม่นานปลาในบ่อของเขาก็ถูกมันกินจนเหลือไม่ถึงหนึ่งในสามก่อนที่จะวนเข้าลูปอีกครั้ง พวกปลาเกล็ดขาวเริ่มกระบวนการผสมพันธุ์กันและกินปลาอื่นอีกครั้ง ฉู่เหินมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตกใจ เขาลองเทอาหารปลาลงไป แต่สิ่งที่ทำให้ฉู่เหินทำอะไรไม่ถูกก็คือปลาเกล็ดขาวเหล่านี้ไม่ยอมกิน อาหารปลาเลย ดูเหมือนว่าถ้าเขาต้องการให้พวกมันเติบโตอย่างรวดเร็ว เขาจะต้องไปที่บ่อปลาของคนอื่นและซื้อปลามาให้พวกมันกิน
แม้ว่านี่จะเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ แต่เมื่อลองคิดถึงผลกำไรในอนาคตแล้ว ฉู่เหินก็ได้แต่หัวเราะออกมา ! เขามองพื้นที่โล่งด้านหน้าของบ่อปลา พี่ชายของเขากำลังวางแผนที่จะสร้างบ้านที่นี่ ดูเหมือนว่านี่เป็นสิ่งที่เขาต้องดำเนินการต่อให้สำเร็จ
ฉู่เหินวางแผนว่าหากระบบเชื่อมโลกาได้รับการเลื่อนระดับอีกครั้ง เขาจะเชื่อมโยงมันเข้ากับบ่อเลี้ยงปลาของเขา เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะสามารถนั่งอยู่ในบ้านพลางหว่านแหให้ไปเก็บของวิเศษต่าง ๆ กลับมาให้กับเขาได้
ขณะที่ฉู่เหินกำลังฝันหวาน โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“สวัสดี เสี่ยวชิง! โทรหาฉันมีอะไรรึเปล่า ตอนนี้เธออยู่ไหน?” ฉู่เหินอารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อได้ยินเสียงเสี่ยวชิงจากปลายสาย
“พี่เหิน ทำไมพี่ยังไม่กลับ วันนี้ฉันเอากับข้าวมาให้พี่ค่ะ รออยู่หน้าบ้านนานแล้วเนี่ย แต่พี่ก็ไม่กลับมาสักที!” เสี่ยวชิงบ่นไม่หยุด เนื่องจากเธอรออยู่หน้าบ้านของฉู่เหินมานานกว่าสามชั่วโมงแล้ว
“อ๊ะ เสี่ยวชิงรอแป๊บหนึ่ง ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ่อเลี้ยงปลากำลังจะกลับแล้ว!” หลังจากวางโทรศัพท์ฉู่เหินก็รีบวิ่งกลับบ้านของเขาทันที เนื่องจากบ่อปลาอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขานัก บวกกับความเร็วในปัจจุบันของเขา ดังนั้นใช้เวลาเพียงสองถึงสามนาที เขาก็มาถึงหน้าบ้านแล้ว และเมื่อเขาเห็นเสี่ยวชิงยืนรออยู่ที่นั่น ฉากเบื้องหน้านี้ก็ทำให้เขารู้สึกถึงความอบอุ่นในหัวใจขึ้นมา
ฉู่เหินมองไปที่เห็นกล่องเก็บความร้อนสองใบที่วางอยู่ข้าง ๆ ตัวเธอ เขาสันนิษฐานว่า มันน่าจะเป็นอาหารที่หญิงสาวนำมาให้เขาลองกินอีกครั้ง ว่าแล้วฉู่เหินรีบเข้าไปถามไถ่พูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่จะช่วยเข็นรถของเสี่ยวชิงเข้าไปจอดในบ้าน เขาวางกล่องเก็บความร้อนทั้งสองใบลงบนโต๊ะและหันมามองเสี่ยวชิงอีกครั้ง
“เสี่ยวชิง เธอเหนื่อยรึเปล่า ถ้ายังฉันจะพาเธอไปดูอะไรดี ๆ นะ!” เมื่อมองดูความกระตือรือร้นของฉู่เหิน ถึงแม้ตอนนี้เสี่ยวชิงจะเหนื่อยมาก เพราะยืนรอฉู่เหินอยู่หน้าบ้านนานกว่าสามชั่วโมงก็ตาม แต่เมื่อเห็นว่าเขากำลังตื่นเต้นมาก เธอจึงปฏิเสธไม่ออก
ว่าแล้วฉู่เหินก็เข็นรถสามล้อของเขาออกมา ก่อนจะพาเสี่ยวชิงไปที่บ่อปลา ไม่กี่นาทีต่อมาพวกเขาก็มาถึงที่บ่อแล้ว ฉู่เหินวิ่งไปที่กระท่อมข้างบ่อเลี้ยงปลาและหยิบเก้าอี้เล็ก ๆ ที่มีหมอนรองนั่งปักลายดอกไม้สวยงามมาให้เธอ
เก้าอี้เล็ก ๆ นี้ฉู่เหินทำขึ้นเองเมื่อปีที่แล้ว ส่วนลายปักดอกไม้บนหมอนรองนั่งนั้น หวงลี่ลี่กลับมาปักให้ในช่วงวันหยุดฤดูร้อนของเธอ เด็กหญิงนั้นเป็นคนเงียบ ๆ แต่งานเย็บปักถักร้อยของเธอนั้น พวกป้า ๆ ในหมู่บ้านต่างชื่นชมกับมันมาก
“อา พี่เหิน ดอกไม้บนหมอนรองนั่งนี้สวยจังเลย” เมื่อเสี่ยวชิงเห็นลายปักดอกไม้บนหมอนรองนั่งที่ฉู่เหินหยิบมา เธอก็ประทับใจกับมันมาก
“นี่คืองานปักของลี่ลี่ ฉันไม่กล้ายกมันให้คนอื่น ไม่งั้นเธอต้องเล่นงานฉันตายแน่ ๆ!” เมื่อพูดถึงหวงลี่ลี่ ฉู่เหินมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูกผสมกับความกลัวอยู่เล็กน้อย แม้เด็กหญิงนั้นจะเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ทุกครั้งที่เธอพูดออกมาก็ล้วนแล้วแต่มีเหตุผล ถึงบางครั้งจะขวานผ่าซากเกินไปบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยโกรธเธอได้เลย
ที่น่าหงุดหงิดที่สุดก็คือ เด็กหญิงนี้ไม่ยอมเรียกเขาว่าอา แต่เรียกเขาว่าพี่ชาย ซึ่งนั่นทำให้เขาและหวงเจี้ยนหมิงรู้สึกว่าลำดับรุ่นในครอบครัวค่อนข้างยุ่งเหยิง ฉู่เหินเป็นน้องชายบุญธรรมของหวงเจี้ยนหมิง แต่ลูกสาวของเขาเรียกฉู่เหินว่าพี่ชายในฐานะพ่อ หวงเจี้ยนหมิงทำได้เพียงปิดตาข้างหนึ่งและปล่อยให้มันผ่านไปเท่านั้น
เมื่อได้ฟังฉู่เหินพูดถึงลักษณะท่าทางของลี่ลี่ เสี่ยวชิงก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ลี่ลี่อายุน้อยกว่าฉู่เหินสามปีเท่านั้น ปีนี้เธอพึ่งจะอายุสิบเจ็ดปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมและผลการเรียนของเธอก็ค่อนข้างดี สามารถกล่าวได้ว่าหวงลี่ลี่เป็นความภาคภูมิใจของตระกูลนี้ได้เลย ! และเนื่องจากเด็กคนนี้เป็นคนตั้งใจเรียนมาก การสอบในทุกปีของเธอจึงมักได้ที่หนึ่งหรือไม่ก็สองอยู่เสมอ
เมื่อพูดถึงลี่ลี่ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ยังไม่มีใครบอกเรื่องหวงเจี้ยนหมิงกับเธอ เนื่องจากตอนนี้ลี่ลี่กำลังเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมในเมือง นั่นทำให้เธอได้กลับบ้านแค่เพียงสองวันในทุก ๆ ครึ่งเดือน ซึ่งก็คืออีกสามวันหลังจากนี่ ฉู่เหินได้แต่หวังว่าหลังจากที่เธอทราบอาการของหวงเจี้ยนหมิงแล้ว นั่นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียนของเธอ
หลังจากคิดจบ ฉู่เหินก็พูดกับเสี่ยวชิงว่า “มา ๆ ฉันจะตกปลาให้เธอดู” พูดจบฉู่เหินหยิบแหดักปลาแล้ววิ่งตรงไปที่บ่อปลา ซึ่งเสี่ยวชิงรีบวิ่งตามไปด้วยความอยากรู้
เมื่อเสี่ยวชิงไปถึงบ่อปลาและมองลงไป เธอก็ต้องตกใจอ้าปากค้าง! เธอเห็นปลาขนาดใหญ่กว่าหนึ่งเมตรหลายพันตัวในบ่อ และยังมีปลาตัวเล็ก ๆ อีกนับไม่ถ้วน! เธอเกิดในหมู่บ้านริมทะเล ดังนั้นจึงรู้จักปลาแทบทุกชนิดแต่ปลาในบ่อตอนนี้เธอกลับไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย
“พี่เหิน นี่คือปลาอะไรน่ะ ฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยค่ะ” เสี่ยวชิงเดินมาหยุดอยู่ข้างฉู่เหินและถามขึ้นอย่างสงสัย
“ปลาชนิดนี้เรียกว่าปลาเกล็ดขาว มันไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการอย่างมาก ว่ากันว่ามันมีผลดีกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง ฉันว่าจะจับมันมาสักสองถึงสามตัว แล้วเราเอากลับไปทำอาหารกินกันวันนี้ เดี๋ยวตอนเธอกลับบ้านก็เอากลับไปให้พ่อแม่ของเธอลองกินด้วยสักตัวนะ” นี่ไม่ใช่ว่าฉู่เหินขี้เหนียว แต่ปลานี้มีขนาดใหญ่มาก แค่ตัวเดียวก็ยาวกว่าหนึ่งเมตรแล้ว มันเพียงพอสำหรับทำอาหารกินได้หลายวัน!
เมื่อเสี่ยวชิงได้ยินคำพูดของฉู่เหิน เธอก็รู้สึกอบอุ่นใจมาก เธอไม่คาดว่าฉู่เหินจะนึกถึงพ่อแม่ของเธอด้วย ปลาเกล็ดขาวนั้นฉลาดมาก ฉู่เหินต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะจับตัวมันได้ เขานำปลาทั้งสองตัวไปวางไว้ในรถแบบสามล้อ แต่หลังจากวางปลาลงไปแล้ว ด้วยขนาดอันใหญ่โตของมัน นั่นก็ทำให้เสี่ยวชิงไม่สามารถขึ้นรถได้อีก ฉู่เหินจึงต้องขับรถนำปลากลับไปก่อนแล้วจึงกลับมารับเสี่ยวชิงอีกรอบ
เมื่อฉู่เหินกลับไปถึง เขาก็เห็นเสี่ยวชิงนั่งอยู่บนก้อนหินข้างถนนพลางจับเท้าของเธอ เขารีบวิ่งเข้าไปหาเธอทันที หลังจากตรวจดูแล้วเขาก็พบว่าเสี่ยวชิงเผลอสะดุดล้มข้อเท้าแพลง ซึ่งเท้าของเธอตอนนี้ก็อยู่ในสภาพบวมเขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
จากการฝึกที่ผ่านมาสองถึงสามวันนี้ของเขา ฉู่เหินมั่นใจมาก ว่าอาการข้อเท้าแพลงแค่นี้เขาสามารถรักษามันได้ง่ายมาก แต่เขาก็กลัวว่าเสี่ยวชิงจะไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้นะสิ