บทที่ 25 อาการดีขึ้นแล้ว
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งในที่สุดฉู่เหินก็ตัดสินใจก้มลงและให้เสี่ยวชิงขี่หลัง จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินกลับไปที่บ้านของเขา แผ่นหลังของฉู่เหินทำให้เสี่ยวชิงรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก เธอค่อย ๆ ซบหน้าลงบนหลังของฉู่เหิน หลับตาลงและเพลิดเพลินกับความอ่อนโยนในช่วงเวลานี้ แม้ว่าระหว่างทางเธอจะได้ยินว่าฉู่เหินพูดกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่ในตอนนั้นเธอกลับไม่ได้สนใจสิ่งที่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย
หลังจากพาเสี่ยวชิงไปนั่งบนเก้าอี้แล้ว ฉู่เหินก็สรุปได้ว่า ในหมู่บ้านชาวประมงไหก่างแห่งนี้ มีเพียงแค่ป้าหลิวเท่านั้นที่เป็นโรคลิ่มเลือดอุดตันในสมอง และต้องอาศัยรถเข็นคนพิการในการไปไหนมาไหน!
แม้ว่าระบบเชื่อมโลกาจะบอกว่าปลาเกล็ดขาวนี้ให้ผลดีมาก แต่เขาก็ยังไม่เคยลองพิสูจน์มาก่อน ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเมื่อทำอาหารเสร็จแล้ว จะแบ่งไปให้ป้าหลิวส่วนหนึ่ง และถ้ามันทำให้ป้าหลิวอาการดีขึ้นได้จริง ๆ นั่นก็คงเป็นเรื่องที่ดีมาก
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ฉู่เหินก็ตั้งใจจะลงมือทำทันที แต่เมื่อเขาหันกลับไปมองหลิวเสี่ยวชิง เขาก็อดรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้ เธอนั่งอมยิ้มมองเขาราวกับคนโง่ ! ฉู่เหินส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจและหันไปที่ห้องครัวเพื่อเริ่มทำอาหาร
แม้ว่าจะอยู่ในชนบทแต่อย่างน้อยที่แห่งนี้ก็มีไฟฟ้าใช้แล้ว ดังนั้นจึงง่ายในการปรุงอาหาร เขาหุงข้าวและทำปลานึ่ง ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทุกอย่างก็เสร็จสิ้น ขณะที่ฉู่เหินทำปลานึ่ง เขาตั้งใจทำปลานึ่งเพิ่มอีกสองจาน โดยตั้งใจจะนำไปให้ป้าหลิวหนึ่งจานและอีกหนึ่งจานให้เสี่ยวชิงนำไปฝากที่บ้าน
แต่หลังจากที่ฉู่เหินทำอาหารเสร็จแล้ว เมื่อเขาหันไปมองเสี่ยวชิงก็พบว่าเธอยังคงนั่งยิ้มอยู่! ฉู่เหินพูดอะไรไม่ออกพลางคิดในใจว่า “เด็กคนนี้เจอเรื่องอะไรดี ๆ มากันแน่ถึงได้ยิ้มไม่หุบแบบนี้” เมื่อมองดูแล้วเสี่ยวชิงท่าทางจะนั่งยิ้มอีกนาน เขาจึงตัดสินใจนำปลานึ่งไปให้ป้าหลิวก่อน
“ป้าหลิว ป้าอยู่บ้านรึเปล่า?” ฉู่เหินถือจานปลานึ่งร้องตะโกนอยู่หน้าประตูบ้านของป้าหลิว
“นั่นเสี่ยวเหินไม่ใช่เรอะ มีธุระอะไรเรอะ?” ประตูบ้านของป้าหลิวเปิดออก จากนั้นลุงหลิวก็ถือไม้เท้าเดินออกมา ลุงหลิวและป้าหลิวนั้นเป็นคนต่างถิ่นที่อพยพมาอยู่ที่หมู่บ้านชาวประมงไหก่างได้สิบกว่าปีแล้ว เล่ากันว่าพวกเขาสองคนนั้นไม่มีลูก
“ลุงหลิว วันนี้อยู่บ้านเหรอครับ! วันนี้ผมออกทะเลแล้วจับได้ปลาเกล็ดขาวมา มีคนบอกว่าปลานี้มีผลดีต่อผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง ดังนั้นผมเลยทำปลานึ่งมาให้ป้าหลิวลองชิมดู เผื่อว่ามันจะช่วยให้อาการดีขึ้นได้นะครับ” ฉู่เหินยื่นจานใส่ปลานึ่งให้พร้อมรอยยิ้ม
“ช่างเป็นเด็กที่มีน้ำใจจริง ๆ ขอบใจมาก ๆ เลยนะเสี่ยวเหิน!” ลุงหลิวพูดขณะรับจานปลานึ่งมา เมื่อส่งจานให้ลุงหลิวแล้ว ฉู่เหินก็รีบกลับทันที เนื่องจากเสี่ยวชิงยังรอเขาอยู่ที่บ้าน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องการที่จะรีบไปชิมรสชาติของปลาเกล็ดขาวว่ามันจะเป็นยังไง
เมื่อฉู่เหินกลับไปถึงบ้าน เสี่ยวชิงก็ดูเหมือนจะหายดีแล้ว แต่เมื่อเธอมองเห็นฉู่เหิน หน้าของเธอก็แดงขึ้นมาและมีท่าทางเอียงอาย ฉู่เหินมองดูโต๊ะที่จัดไว้เรียบร้อยแล้ว เขาก็พูดชวนให้เสี่ยวชิงมากินด้วยกัน
ช่วงเวลาที่ดีมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นบ้านที่ว่างเปล่า ฉู่เหินก็ได้แต่คิดถึงช่วงเวลาที่เสี่ยวชิงมาที่นี่ เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดฉู่เหินคิดจะออกไปด้านนอกเพื่อดูดซับพลังของดวงจันทร์อีกครั้ง ว่าแล้วเขาก็ออกไปที่สนามหน้าบ้านเพื่อฝึกหมัดมวยต่อ
ฉู่เหินฝึกอยู่ตลอดคืนจนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูบ้านเสียงดังกังวาน เมื่อเขาออกไปเปิดประตูก็พบว่าเป็นลุงหลิว ตอนนี้ใบหน้าของลุงหลิวนั้นตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“อย่าบอกนะว่าปลาเกล็ดขาวมีพิษ! เป็นไปไม่ได้ เมื่อคืนฉันก็กินไปเหมือนกันนี่นา แต่ดูท่าทางลุงหลิวแล้วน่าจะมีเรื่องแน่นอน!” เมื่อฉู่เหินเปิดประตูแล้วเห็นลุงหลิว เขาก็ใจเต้นรัวตลอดเวลา เขาไม่กล้าคิดว่าเลยว่ามันจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี
“ลุงหลิว มีธุระอะไรรึเปล่าครับ” ฉู่เหินรีบเปิดประตูแล้วถามพร้อมรอยยิ้ม
“อาเหิน บอกฉันมาตามตรง ปลาที่เธอเอามาให้เมื่อวาน เธอได้มาจากไหนกันแน่?” เมื่อได้ยินคำถามนี้ ฉู่เหินก็ใจเต้นแรงทันที หรือว่าปลานี้จะไม่ดีต่อคนแก ไม่ใช่ว่าป้าหลิวกินจนเป็นอะไรไปแล้วนะ เขาคิดอย่างกลัดกลุ้ม
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าครับลุง? ป้าหลิวกินปลาแล้วมีปัญหาอะไรรึเปล่า? แต่เมื่อวานผมก็กินมันนะ ยังรู้สึกว่ามันอร่อยดีอยู่เลย!” ฉู่เหินถามอย่างสงสัย ตรงกันข้ามกับลุงหลิวที่ดูท่าทางตื่นเต้นมาก
“แปลก มันแปลกมากจริง ๆ! เมื่อวานหลังจากป้าของเธอกินปลาเข้าไป วันนี้ตอนเช้าเธอก็สามารถเดินโดยใช้ไม้ค้ำได้แล้ว มันแปลกมากจริง ๆ” ลุงหลิวจับมือฉู่เหินทั้งสองข้างพลางพูดอย่างตื่นเต้น
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ฉู่เหินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “โชคดีจริง ๆ ที่ไม่เป็นอะไร ไม่งั้นฉันรับผิดชอบไม่ไหวแน่!” พอคิดถึงตอนนี้ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นอีกครั้ง ป้าหลิวกินปลาเกล็ดขาวแล้วดีขึ้น มันได้ผลจริง ๆ นี่หมายความว่าปลาเกล็ดขาวนี้ช่วยรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองได้จริง ๆ หรือนี่?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา จากนั้นเขาก็ตามลุงหลิวไปพบป้าหลิว ตอนนี้เขารอไม่ไหวแล้วที่จะเห็นความมหัศจรรย์นี้
แต่เมื่อเขากำลังจะออกไป เขาก็เห็นหญิงชราคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเขา หลังจากเห็นฉากนี้ฉู่เหินได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ แม้ว่าเขาจะเตรียมใจล่วงหน้า แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าผลของมันจะออกมาดีขนาดนี้
คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เธอคือป้าหลิวที่ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นมาสามปีแล้ว ดูแล้วถ้าป้าหลิวกินปลาเกล็ดขาวอีกสัก สองถึงสามครั้งก็น่าจะหายดีแล้ว! เหตุการณ์นี้ทำให้ฉู่เหินมีความสุขมาก และในขณะเดียวกัน เขาก็ตะโกนเสียงดังในใจ “ฉันรวยแล้ว ตอนนี้ฉันรวยแล้ว!”
“พี่ใหญ่หวง ผมฉู่เหินเองครับ ถ้าพี่ใหญ่พอจะมีเวลาว่างช่วยแวะมาที่บ้านผมหน่อยได้ไหมครับ และถ้าพี่มีเพื่อนที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองช่วยพาเขามาด้วยกันได้ไหมครับ อย่าเพิ่งถามเหตุผล แต่ผมสัญญาว่าจะทำให้พี่ใหญ่ประหลาดใจแน่ ๆ”
หลังจากส่งลุงและป้าหลิวกลับไปแล้ว ฉู่เหินก็โทรหาศาสตราจารย์หวงอย่างรวดเร็ว เขาคิดว่าศาสตราจารย์หวงจะต้องรู้เรื่องของปลานี้ดีกว่าเขาแน่นอน
ก่อนจะส่งลุงหลิวและป้าหลิวกลับไป ฉู่เหินก็ให้ปลากับทั้งคู่อีกครึ่งตัว เนื่องจากปลาที่เอามาเมื่อวานมีความยาวกว่าหนึ่งเมตร ดังนั้นเมื่อวานนี้เขาจึงใช้มันไปไม่ถึง หนึ่งในสาม และปลาที่เหลืออยู่มีขนาดใหญ่มากจนน่าจะเพียงพอสำหรับป้าหลิวที่จะกินมันจนหายดีได้
เวลาผ่านไปจนเกือบเที่ยงวัน หลิวเสี่ยวชิงก็ยังไม่มา ฉู่เหินคิดอยู่สักครู่ก็ตัดสินใจจะโทรไปถามว่าทำไมวันนี้เธอถึงไม่มา? ฉู่เหินไม่รู้ว่าตอนนี้หลิวเสี่ยวชิงกำลังถูกที่บ้านรุมซักถามเนื่องจากปลาที่เขาให้ไปเมื่อวานนี้
“น้องสาว อย่าให้ต้องใช้ความรุนแรง สารภาพมาซะดี ๆ! รีบบอกพวกเรามาว่าเขาเป็นใคร ถ้าเธอไม่พูดเราจะไม่ให้เธอออกจากประตูวันนี้” เสี่ยวเฟิงยิ้มและยืนขวางประตูบ้านเอาไว้ พลางถามน้องสาวอย่างต่อเนื่อง หลิวเสี่ยวชิงรู้สึกพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นท่าทางของพี่สาวของเธอ