บทที่ 46 สมบัติจากแห[รีไรท์]
จนถึงตอนนี้ ฉู่เหินก็เข้าใจแล้วว่าถ้าเขาอยากให้ปลาเกล็ดขาวโตขึ้นอีกขั้นก็ต้องให้มันกินศพสัตว์ประหลาด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดในทะเลหรือบนบกก็ได้ แต่นั่นก็จะทำให้มันจะโตเร็วเกินไป แม้การหว่านแหครั้งนี้จะได้ของมามากมาย แต่เขาก็ไม่สามารถเลี้ยงปลาให้อยู่ระดับสามได้ แต่ไม่เป็นไร แค่เลี้ยงเป็นระดับสองได้ก็ดีมากแล้ว ฉู่เหินหยุดคิดเรื่องนี้ แล้วเริ่มเทของจากแหร้อยปีลงในแหวนมิติของเขา
“เต่าทะเลลึกขั้นสอง กระดองของมันสามารถใช้เป็นอาวุธป้องกันได้ สามารถนำเนื้อมารับประทานได้ มันจะช่วยเพิ่มพลังแห่งดวงดาวและเพิ่มพลังให้นักรบ สามารถนำไปเลี้ยงปลาเกล็ดขาวให้โตถึงขั้นสามได้ ได้ค่าประสบการณ์เพิ่ม 1,000 แต้ม ต้องการอีก 280,264 แต้มเพื่อผ่านเข้าสู่ขั้นต่อไป” เสียงจากระบบดังขึ้นในหูของฉู่เหิน
สัตว์ประหลาดยักษ์จากท้องทะเลโผล่ขึ้นมาในแหวนของฉู่เหินในชั่วพริบตา ศพของสัตว์ขั้นสองทั้ง 4 ตัวทำให้ฉู่เหินดีใจมาก แต่น่าเสียดายที่ค่าประสบการณ์นี้ไม่สูง ถ้ายังเป็นเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะได้เลื่อนเป็นขั้นสามเมื่อไหร่
“ศพของจอมยุทธ์ระดับสูง เพิ่มค่าประสบการณ์เป็นศูนย์ เจ้าของศพมีแหวนมิติชั้นดีและมีของระดับสูงอยู่ในแหวน ต้องการค่าประสบการณ์เพิ่ม 100,000 แต้มก่อนถึงขั้นสูง สำหรับขั้นแรก ยังขาดอยู่ 182,460 แต้ม”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่เหินถึงกับตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าแหวนมิติที่เก็บได้จะช่วยเพิ่มค่าประสบการณ์ให้เขาถึงแสนแต้ม ดูเหมือนมันจะมีของดีอยู่ในนั้น เรื่องนี้ทำให้เขาตะโกนก้องอยู่ในใจ ครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่าจริง ๆ
แต่แล้วเมื่อเขาคิดถึงศพคน เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับมันดี ถ้าจัดการไม่ดี มันจะสร้างปัญหาให้ฉู่เหินไม่หยุดหย่อน บ้านเมืองยังมีขื่อมีแป ศพจะโผล่มาแบบไม่มีเหตุผลได้อย่างไร แม้ว่าเขาจะกำลังมีความสุข แต่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงปัญหาที่ตามมา เขาจะต้องยุติปัญหานี้เสีย มันไม่มีทางอื่นแล้ว คงต้องเก็บศพไว้ในแหวนมิติของเขาก่อน แล้วค่อยหาโอกาสจัดการทีหลัง
แต่เมื่อศพมนุษย์ลงไปในแหวนมิติ ฉู่เหินก็รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก แถมในแหวนก็เป็นที่เก็บอาหารด้วย ถึงในแหวนจะมีพื้นที่กว้างขวาง และพวกมันก็สัมผัสกันไม่ได้ แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกไม่สบายใจกันนะ
“ดินเทียนหยาน สามารถใช้ปลูกพืชได้หลากหลาย ถ้าเป็นพืชธรรมดา มันจะช่วยเร่งเวลาการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน ดินนี้ก็สามารถใช้ปลูกร่วมกับหินดวงดาว เพื่อเปลี่ยนให้มันกลายเป็น ‘จงพิน’ หรือดินจากสรวงสวรรค์ ช่วยเพิ่มค่าประสบการณ์ 10,000 แต้ม ยังขาดอีก 172,460 แต้มเพื่อผ่านเข้าสู่ขั้นต่อไป”
เมื่อฉู่เหินได้ยินอย่างนั้น เขาก็อดพึมพำเบา ๆ ไม่ได้ ภาพตรงหน้าเขาช่างน่าเหลือเชื่อ ดินนี้ช่างดีจริง ๆ ดินจะอะไรจะมาสู้ดินเร่งการเติบโต ลองคิดดูสิ ถ้าปลูกแตงโมคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าก็ได้กินแล้ว ในโลกนี้จะมีอะไรดีไปกว่านี้
“สาหร่ายทะเลลึกกองหนึ่ง สาหร่ายทะเลลึกสามารถใช้เลี้ยงปลาเกล็ดขาวช่วงแรกโตได้ ค่าประสบการณ์เพิ่ม 50 แต้ม สามารถผ่านเข้าขั้นถัดไป ค่าประสบการณ์ 10 แต้ม”
ปัญหาที่กวนใจฉู่เหินมากที่สุดคือเขาไม่รู้ว่าจะเลี้ยงให้ปลาเกล็ดขาวโตได้อย่างไร สาหร่ายทะเลลึกนี้จะกลายเป็นทางออกสำหรับปัญหาใหญ่ของเขา ถึงแม้ค่าประสบการณ์จะเพิ่มแค่น้อยนิด แต่ฉู่เหินก็ยังดีใจเพราะเขาได้เจอจุดเริ่มต้นแล้ว ในขณะนั้นเอง เสียงของระบบก็ยิ่งทำให้เขาดีใจมากขี้นอีก
“แมวนพเวทย์ เลือดของสัตว์ชนิดนี้กลายพันธุ์ได้ จึงยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าอนาคตจะพัฒนาไปเป็นอะไร ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้น 5,000 แต้ม ค่าประสบการณ์สำหรับขั้นต่อไปคือ 167,410 แต้ม”
ฉู่เหินเคยคิดจะเลี้ยงสัตว์ไว้แก้เหงา แต่เขายังไม่ทันได้ทำอะไรเลย อยู่ ๆ ก็ได้แมวนพเวทย์มาเลี้ยง แค่ฟังชื่อเขาก็รู้สึกแล้วว่าในอนาคตมันจะต้องเจ๋งมากแน่ ๆ เพียงแต่ว่าสัตว์ตัวนี้กลายพันธุ์แล้ว แม้แต่ระบบเองยังไม่รู้เลยว่าผลที่ออกมาในอนาคตจะดีจริงหรือเปล่าเนี่ยซิ
แต่นั่นก็ไม่สำคัญหรอก เขาไม่ได้คาดหวังว่าแมวนพเวทย์จะนำพาอะไรมาให้เขามากมาย เขายิ้มพร้อมลูบแมวนพเวทย์ที่กำลังหลับใหลเบา ๆ หน้าตาของมันแทบไม่ต่างจากแมวบ้านธรรมดา ๆ เลย
ขณะที่ฉู่เหินถอนหายใจเบา ๆ ระบบก็เปล่งเสียงออกมาอีก “ผู้ถือครองฉู่เหิน ท่านควรเซ็นสัญญาเป็นเจ้าของแมวนพเวทย์นี้”
แม้นี่จะเป็นสัญญาฉบับแรกของฉู่เหิน แต่เขาก็เข้าใจความหมายของมัน หลังจากลงนามแล้ว นั่นแปลว่าไม่ว่าแมว นพเวทย์จะโตมากเพียงใด มันก็ไม่สามารถทรยศเจ้านายได้ มันจะเชื่อฟังคำสั่งของเขาเสมอ ฉู่เหินจะปฏิเสธของดีแบบนี้ได้อย่างไร
“ผมยินดีลงนามในสัญญาเป็นเจ้าของแมวนพเวทย์นี้” ฉู่เหินตอบระบบอย่างไม่ลังเล
“การลงนามในสัญญาเป็นอันเสร็จสิ้น” เมื่อสิ้นเสียง ฉู่เหินก็รู้สึกถึงความผูกพันระหว่างเขากับเจ้าแมวตัวนี้ ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องพูดด้วยซ้ำ แค่คิด เจ้าแมวนี้ก็เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ เรื่องนี้ทำให้ฉู่เหินรู้สึกดีใจมาก
เจ๋งไปเลย เขาไม่นึกว่าจะได้ของดี ๆ ติดแหมา มันทำให้เขารู้สึกดีมาก ในโลกนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขเท่าเรื่องในวันนี้อีกแล้ว ทว่าความรู้สึกดีนี้ก็กร่อยลงด้วยประโยคถัดไปจากระบบ
“ผู้ครอบครองฉู่เหิน แหของท่านชำรุดเพราะรับน้ำหนักมากเกินไป ท่านจะซ่อมหรือไม่ ถ้าไม่ซ่อม ท่านจะไม่สามารถใช้แหได้อีก”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ฉู่เหินจะไม่ซ่อมได้อย่างไร เว้นแต่ว่าเขาจะไม่อยากหว่านแหในระบบเชื่อมโลกานี้แล้ว แต่ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าเป็นไปไม่ได้ ระบบนำพามากกว่าความร่ำรวยมาให้เขา เป้าหมายของเขาคือการเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเอง ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้เขาต้องซ่อมแห ไม่ว่าจะต้องสูญเสียมากเท่าไหร่ก็ตาม
“ซ่อม” ฉู่เหินรู้สึกเจ็บปวดเมื่อกล่าวคำนี้ออกไป เขาเพิ่งซ่อมแหที่อยู่ขั้นหนึ่งโดยใช้ค่าประสบการณ์ไป 10,000 แต้มเองและนี่เป็นการซ่อมขั้นสอง มันต้องใช้แต้มมากกว่านั้นแน่ แน่นอนว่าเมื่อระบบเปล่งเสียงออกมาอีกครั้ง ฉู่เหินถึงกับอยากจะสบถ
“ค่าซ่อมแหร้อยปีทำให้ค่าประสบการณ์ลด 100,000 แต้ม การลงนามในสัญญาใช้ 10,000 แต้ม การจะผ่านระดับต่อไปยังเหลือค่าประสบการณ์เพิ่มเติมอีก 277,470 แต้ม”
หลังจากทำนู่นนี่นั่นเสร็จก็ได้เวลาพักผ่อน เขารู้สึกว่ามันยากมากที่จะผ่านเข้าระดับต่อไปในอนาคต เขาถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ คราวหน้าที่หว่านแหออกไป เขาคงต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้
แต่เมื่อคิดถึงผลลัพธ์ของการหว่านแหในครั้งนี้แล้ว มันก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะตอนนี้เขาสามารถแก้ปัญหาปลาเกล็ดขาวได้แล้ว แถมยังได้ทั้งดินสวรรค์และแมวนพเวทย์มาอีก เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้ว ความกังวลของฉู่เหินก็ถูกปัดออกไปจากหัว
ตอนนี้ฉู่เหินเก็บของทั้งหมดใส่แหวนเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็นอนเอกเขนกอาบแดดอย่างสุขใจ