บทที่ 47 เทคนิคเชิดหุ่น[รีไรท์]
ขณะที่กำลังนอนอาบแดด ในหัวก็คิดอะไรไปด้วย เขากำแหวนมิติไว้ในมือ ฉู่เหินอยากรู้ว่าในแหวนนี้มีอะไรบ้าง หลังฝึกตนอยู่ไม่กี่วัน เขาก็สามารถปลดล็อกความรู้วิเศษได้
ถึงแม้มันจะมีพื้นที่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็มากพอที่เจ้าของจะลงไปสำรวจด้วยตัวเอง แต่เมื่อฉู่เหินเพ่งมองดี ๆ เขากลับต้องอารมณ์เสีย แหวนมิตินั้นไม่ได้เต็มไปด้วยสมบัติมากมายอย่างที่เขาวาดไว้
นอกจากกองหินที่เขาไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรแล้ว ก็ยังมีเสื้อผ้าเอาไว้เปลี่ยน กับอาวุธอีกเล็กน้อย โชคยังดีที่มียังของพิเศษอีก 3 อย่าง ฉู่เหินรีบเอาของออกมาอย่างร้อนใจ
สิ่งแรกที่เอาออกมาคือหนังสือที่มีแต่ตัวอักษรประหลาดที่เขาไม่รู้จักเลย เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามอ่านว่าข้างในกล่าวอะไรไว้บ้าง
หลังจากที่เขาใช้ค่าประสบการณ์ไปเกือบ 500 แต้ม ฉู่เหินก็เพิ่งตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขาเจอคือเทคนิคลึกลับที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับศิลปะการเชิดหุ่นอยู่ 6 บท
จากการประเมิน ระบบต้องการค่าประสบการณ์ 1,000 แต้มสำหรับแต่ละบท ถึงแม้ราคาจะแพง แต่ฉู่เหินก็รู้สึกว่าเขาต้องการความรู้ในหนังสือเล่มนี้ ถึงแม้เขาจะต้องจ่ายค่าประสบการณ์ถึง 6,000 แต้มก็ตาม
เมื่อค่าประสบการณ์ 6,000 แต้มถูกหักออกไป ระบบก็ทำการบันทึกเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ลงไปในสมองของฉู่เหินโดยตรง เจ้าหนังสือเล่มนี้สอนเกี่ยวกับเทคนิคเชิดหุ่นที่ทรงพลังเสียจนสามารถทำลายโลกได้ เมื่อรู้ดังนั้น ฉู่เหินก็รู้สึกว่ามันคุ้มกับค่าประสบการณ์ 6,000 แต้มที่เสียไปมาก ๆ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาเรียนเรื่องนี้ เอาไว้เดี๋ยวค่อยกลับมาค้นคว้าทีหลังแล้วกัน
สิ่งของอย่างที่สองที่เขาเจอก็คืออาวุธวิเศษที่พึ่งจะถูกสร้างขึ้นได้ไม่นาน มันยังไม่ถูกนำไปหลอมรวมกับร่างกายมาก่อน หน้าตาของมันคล้ายพัด แต่วัสดุที่ใช้ทำเจ้าพัดนี้เป็นสมบัติลี้ลับ
เมื่อฉู่เหินได้มาก็รู้สึกโล่งใจ เวลาใช้ต่อสู้ ก้านของพัดจะโผล่ออกมากลายเป็นดาบอันแสนคม แต่นั่นยังไม่ใช่ส่วนที่ทรงพลังที่สุด เพราะส่วนที่ทรงพลังที่สุดก็คือการดึงเอาคุณลักษณะของเจ้าของมาใช้ได้ เช่น ถ้าลักษณะพิเศษของเจ้าของคือไฟ เจ้าของก็สามารถใส่พลังแห่งไฟลงไปในพัดได้ เมื่อโจมตีออกไปก็จะปล่อยออกไปเป็นม่านไฟ
แล้วถ้าลักษณะพิเศษของเขาคือพลังพายุ พลังที่ปล่อยออกมาจะเป็นพายุหรือเปล่านะ ฉู่เหินเองก็ยังไม่แน่ใจ เขาเองก็อยากรอดูเหมือนกัน คุณสมบัติทั้งหมดนี่มันแสดงให้เห็นว่าพัดนี้เป็นสมบัติหายาก เขาเอาเลือดตัวเองหยดลงไปอย่างเงียบ ๆ จากนั้นพัดก็เปล่งแสงและฝังตัวเข้าไปในจุดตันเทียนในร่างกายของเขา
อีกหลายวันต่อจากนี้ เขาจะถ่ายทอดพลังดวงดาวของเขาลงไปในพัดอีกจนกว่ามันจะกลายเป็นอาวุธวิเศษจากพลังของตัวเขาเอง
สำหรับสิ่งของอย่างที่สาม มันคือลูกปัดขนาดเท่าดวงตาของกระทิง เมื่อลองศึกษาดูแล้ว ลูกปัดนี้มีคุณสมบัติเกี่ยวกับน้ำ หรืออีกนัยหนึ่ง ถ้าคุณถือลูกปัดไว้ในมือ คุณจะสามารถดำลงไปในทะเลได้ ไม่ว่าในทะเลลึกจะมีแรงดันมากเพียงใด มันก็ไม่ส่งผลต่อคุณเลยสักนิด สามารถหายใจได้ในท้องทะเลลึก เรียกได้ว่าเป็นสมบัติที่หายากโดยแท้
สำหรับหินที่เหลือ ฉู่เหินก็ทำการค้นข้อมูลในระบบเช่นกันว่ามันคืออะไร สิ่งที่เขาคิดว่าไร้ค่าที่สุด กลับกลายเป็นหินดวงดาว หินดวงดาวไม่ใช่สามารถนำมาใช้ฝึกตนได้ แต่ใช้กับดินสวรรค์ได้อีกด้วย ตอนแรกฉู่เหินคิดว่าการที่ระบบมอบค่าประสบการณ์สำหรับแหวนนี้ 100,000 แต้มก็สูงมากแล้ว แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเจ้าระบบนี่ที่แท้ก็ขี้เหนียวกับเขามาก
ไม่ว่าอย่างไร วันนี้ก็ถือว่าได้ของมาเยอะมาก หลังจากเขาวิเคราะห์ของทั้งหมดแล้ว ฉู่เหินก็อดปลื้มใจไม่ได้ ไม่นึกเลยว่าจะได้ของกลับมามากมายจากการออกทะเลครั้งนี้ นี่ทำให้เขาอยากที่จะหัวเราะออกมา แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดคือ การที่เขาได้รู้วิธีเลี้ยงปลาเกล็ดขาวให้โตได้ซะที
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าปลาต้องกินสาหร่ายเพื่อเข้าสู่ขั้นแรก สำหรับขั้นที่สอง เขาต้องให้ปลากินปลาจากทะเล ส่วนขั้นที่สาม มันต้องกินศพของสัตว์ประหลาดต่าง ๆ ตอนนี้เขามีศพสัตว์ประหลาดมากมาย ซึ่งมันมากพอที่จะเลี้ยงปลาให้โตได้แล้ว
เมื่อฉู่เหินมาคิดดู ปลาขั้นสองขายได้ตัวละ 5,000 หยวน แล้วปลาขั้นสามจะขายได้ตัวละเท่าไหร่? อย่างน้อยก็ต้องตัวละ 10,000 หยวน วันที่เขาจะร่ำรวยคงอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่เขามีศพสัตว์ประหลาดจำนวนจำกัด ดูเหมือนเขาจะต้องขึ้นราคาปลาเกล็ดขาวขั้นสามเสียแล้ว ของหายากมันควรจะแพงถูกไหม?
เขาล่องเรือกลับหมู่บ้านไหก่างอย่างช้า ๆ ในใจของฉู่เหินตอนนี้เต็มไปด้วยความลิงโลด การหว่านแหครั้งนี้ได้ของมามากมาย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือวิธีเลี้ยงปลาเกล็ดขาว ด้วยวิธีนี้ เขาจะสามารถเลี้ยงปลาได้อย่างถูกต้องในปริมาณมากได้แน่ ๆ
ขณะที่เรือล่องไปอย่างรวดเร็ว ฉู่เหินก็เข้าใกล้ฝั่งขึ้นไปทุกที เขาเห็นภาพจาง ๆ ของร่างคนที่กำลังยืนอยู่ริมฝั่ง แม้จะยังไกลนัก แต่ฉู่เหินก็จำได้ทันที เพราะมันคือร่างของคนที่เขาต้องปกป้องด้วยชีวิต
สองคนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหวงลี่ลี่ น้องสาวของฉู่เหินและหลิวเสี่ยวชิง แฟนของเขา ไม่รู้ว่าทั้งสองยืนรอที่ริมฝั่งมานานเพียงใดแล้ว แต่ก็ดูได้จากเสื้อผ้าที่สวมใส่ เสื้อผ้าของแต่ละคนชื้นจนแนบเนื้อ บ่งบอกได้ว่าทั้งสองสาวยืนอยู่ริมทะเลมาไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงแล้ว
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉู่เหินก็รู้สึกซาบซึ้งใจ มันทำให้เขารู้สึกเข้มแข็งขึ้นและเขาต้องปกป้องทุกคนที่เขารัก เขารีบทอดสมอลงที่ริมฝั่ง เก็บข้าวเก็บของในเรือตกปลา แล้วรีบกระโดดลงไปทันที เขาเดินถือแหตกปลาที่ไม่เปียกน้ำสักหยดไว้ในมือระหว่างเดินยิ้มไปหาสาว ๆ
ผู้หญิงสองคนนี้เติบโตแถวริมทะเล พวกเธอสังเกตเห็นทันทีว่าแหไม่เปียกน้ำ แต่เสื้อผ้าและกางเกงของฉู่เหินกลับเปียกชื้น แถมยังมีกลิ่นทะเลติดตัวมาด้วย นั่นแปลว่าการออกทะเลคราวนี้ต้องได้อะไรมาเยอะแน่ ๆ แต่เขาจะอธิบายเรื่องแหที่แห้งได้อย่างไรเนี่ยซิ
หญิงสาวทั้งสองเป็นคนฉลาด พวกเธอมองหน้ากัน แววตาของทั้งสองเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่พวกเธอก็ไม่ได้ถามออกไป
ช่วง 2-3 วันที่หวงลี่ลี่กลับบ้าน เธอรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวฉู่เหิน สำหรับเธอแล้ว พี่ชายของเธอเหมือนมีกำแพงบาง ๆ อยู่รอบตัวเขา แต่เธอเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม พี่ชายของเธอจะบอกเอง
“สองสาว ทำไมไม่อยู่บ้าน มายืนริมทะเลทำไม ดูเสื้อผ้าสิ เปียกหมดแล้ว รีบกลับกันเถอะ” ฉู่เหินเดินมาพูดพร้อมรอยยิ้มและพาสองสาวกลับบ้าน
“วันนี้ตกได้อะไรมาบ้างพี่ ต้องได้เยอะแน่เลย” สาวน้อยหลับหูหลับตาถามแม้จะเห็นว่ามือของฉู่เหินว่างเปล่า
“ลองเดาดูสิ ครั้งนี้น่ะ ฉันตกได้เยอะเลย เดี๋ยวกลับถึงบ้าน ฉันจะทำกุ้งยักษ์ให้กิน” ฉู่เหินตอบพร้อมรอยยิ้ม สองสาวไม่ได้ถามอะไรต่อ พวกเธอรีบกลับบ้านพร้อมฉู่เหิน
“ทั้งตัวมีแต่คราบเหงื่อ รีบถอดเสื้อผ้ามาสิ เดี๋ยวฉันจะซักให้” เสี่ยวชิงทำตัวเยี่ยงสะใภ้ที่แสนดี ความอ่อนโยนและจิตใจที่แสนดีงามทำให้ฉู่เหินรู้สึกซาบซึ้งใจ ผู้หญิงแบบนี้นี่แหละถึงจะเป็นภรรยาที่สามีทุกคนต้องการ