บทที่ 90 พี่ชิง
“ไอ้หนูหิวไหม? ถ้าหิวเดี๋ยวฉันไปทำอะไรให้กิน” ฉู่เหินที่ตื่นขึ้นมาในสภาพดีเว้นแค่เพียงความทรงจำที่ยังกลับมาไม่ได้เท่าเดิม ดังนั้นเขาจึงยังทำอาหารได้เหมือนเดิม
จากนั้นไม่นานนัก ฉู่เหินก็ทำมื้ออาหารจานใหญ่มาวางบนโต๊ะ โดยที่มีเด็กทั้งสองกินมันอย่างเอร็ดอร่อย
“พี่ชายชื่ออะไรเหรอ?” เด็กหนุ่มถามด้วยข้าวที่ยังเต็มปากอยู่ ทว่าฉู่เหินที่ได้ยินแบบนั้นก็ตะลึงไปชั่วคราว เขาจำชื่อตัวเองไม่ได้เลยสักนิด แต่ก็นึกคำ ๆ หนึ่งออกมาได้
“พี่ชายเหมือนจะจำชื่อไม่ได้ซะแล้วล่ะ แต่ดูเหมือนว่าจะมีคำว่า ชิง หรืออะไรสักอย่างนี่แหละ” ฉู่เหินพูดออกมา
“อย่าเศร้าไปเลยพี่ชาย พวกเราจะเรียกพี่ว่าพี่ชิงเอง”
ฉู่เหินลูบหัวเด็กทั้งสองอย่างเอ็นดู
ชายหนุ่มเห็นสภาพบ้านที่ทรุดโทรมหนักมากของที่นี่ เขาจึงไปนำค้อน ตะปู และแผ่นไม้มาตอกปิดให้มันดูดีขึ้นมาบ้าง ก่อนที่เขาจะออกไปล่ากระต่ายป่าบนภูเขาเพื่อนำมันมาเป็นอาหาร
หลังจากทำงานมาทั้งวันแล้ว ฉู่เหินก็รู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะแต่เขาก็ยังสับสนในความคิดของตัวเองอยู่ดี เขาขึ้นไปนั่งบนหลังคาก่อนที่จะได้ยินเสียง ๆ หนึ่งพูดขึ้น
“ขอบคุณพระเจ้า นายตื่นแล้ว แล้วทำไมถึงขึ้นไปบนหลังคาล่ะ ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ เร็วเข้า”
เสียงนั่นฟังดูเหมือนหญิงสาวอายุ 25 หรือ 26 เมื่อชายหนุ่มหันไปมอง เขาก็พบเข้ากับหญิงสาวรูปร่างงดงามพร้อมด้วยผมสีดำและแว่นตาสีทอง ใบหน้าของเธอก็น่ารักใช่เล่น
คิ้วโค้งงามช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดของดวงตาได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวสวยงามแบบนี้ยืนอยู่ตรงหน้า เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีสาวงามที่สวยประหนึ่งดอกไม้สวรรค์อยู่จริง
ฉู่เหินตะลึงในความสวยนั่น
“เอ่อ เฮ้ ฉันคือคนที่ช่วยชีวิตนาย ไม่คิดจะขอบคุณกันหน่อยเหรอ แต่ช่างมันเถอะเพราะว่าซ่อมหลังคาให้ฉันแล้ว เพราะงั้นก็ถือว่าทดแทนกันไปก็แล้วกันนะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับที่ช่วยดูแลเด็กสองคนนี้ด้วยล่ะ อ่อใช่ เกือบลืมบอกไป ฉันทำอาหารเสร็จแล้ว นายจะลงมากินเลยก็ได้นะ!”
ได้ยินแบบนั้นฉู่เหินก็รีบลงมาจากหลังคาทันที เมื่อเห็นความว่องไวแบบนั้น เฉินเจียนจึงโล่งใจ ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะไม่ได้บาดเจ็บหนักแต่อย่างใด เธอประหลาดใจมาก ตอนนี้เขาดูเต็มมีชีวิตชีวามากเลย ผิดกับเมื่อเช้านี้เขายังนอนเปื่อยเหมือนผักต้มอยู่เลย
เมื่อเธอกลับมาที่บ้าน หญิงสาวก็พบว่ามีอาหารมากมายทำอยู่ในห้องครัวเรียบร้อยแล้ว ความรู้สึกอบอุ่นนี้มันทำให้เธอดีใจจริง ๆ นี่แหละคือความหมายของคำว่าบ้าน! เธอจัดการอาหารพวกนั้นอย่างเต็มอิ่ม นี่คือสิ่งที่เธอใฝ่ฝันมานานโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้กินข้าวกับใครบางคน
เมื่อเฉินเจียนมองไปก็พบกับฉู่เหินที่กำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาลุกโชน การกระทำของเขามันทำให้หัวใจเธอเต้นรัวอีกครั้ง แต่หญิงสาวรู้ดีว่าเธอไม่อาจหลงรักชายคนนี้ที่อายุอ่อนกว่าเธอหลายปีได้ เธอกลัวว่าเมื่อเขาหายดีแล้วก็ต้องจากไป เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านของเขาตั้งแต่แรก
ในใจของเฉินเจียนตอนนี้เต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่เธอก็เลือกที่จะเก็บซ่อนมันไว้
“นายชื่ออะไรเหรอ?” หญิงสาวถามขึ้น
“น้าเจียนพี่ชายชื่อ พี่ชิงล่ะ” เด็กทั้งสองตอบด้วยท่าทางกระตือรือร้น
“พี่ชิง” เฉินเจียนพึมพำกับตัวเอง
“เรียกฉันรึเปล่า?” ฉู่เหินมองไปที่เธอเพราะคิดว่าเธอเรียกชื่อเขา
“จริงเหรอ ทำไมนายถึงมีชื่อแบบนั้นล่ะ? ใครตั้งให้นายเนี่ย?”
เฉินเจียนเข้าใจผิดสุด ๆ ชิงที่ฉู่เหินพูดถึงคือชิงที่แปลว่าอากาศโปร่ง แต่เธอเข้าใจว่าชิงที่แปลว่าความรู้สึก
“แล้วทำไมชื่อของนายถึงได้แปลกแบบนั้นล่ะ?”
ได้ยินแบบนั้นฉู่เหินก็เงียบกริบ ก่อนที่เขาจะจะพูดออกมา “ฉันสูญเสียความทรงจำน่ะ รวมไปถึงชื่อด้วย ฉันจำได้แค่คำเดียวเองและมันน่าจะเป็นชื่อของฉันด้วย”
ได้ยินแบบนั้นจิตใจของเฉินเจียนก็เริ่มสั่นคลอน
‘นี่มันโชคชะตาเหรอ? เขาปรากฏตัวออกมาในช่วงแบบนี้ แถมยังเสียความทรงจำอีก นี่อาจจะเป็นชายที่พระเจ้าประทานมาให้ฉันได้แต่งงานด้วยก็เป็นได้ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าชีวิตของฉันจะได้รับโอกาสแบบนี้!’
หญิงสาวคิดแบบนั้น เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของเธอ ฉู่เหินก็ได้แต่มองกลับไปด้วยสายตามึนงง
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” ฉู่เหินถามเพราะคิดว่าเธอน่าจะป่วยแล้วต้องรีบไปรักษา
“ไม่เป็นไรหรอกๆ งั้นฉันจะเรียกนายว่าเสี่ยวชิงก็แล้วกัน”
หัวใจของฉู่เหินสูบฉีดทันทีที่ได้ยินแบบนี้ เธอคิดว่าชายคนนี้น่าจะชื่อเสี่ยวชิงที่ปรากฏอยู่ในความฝันของเธอก็ได้ ทว่าชายหนุ่มก็กลับรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงเมื่อพยายามคิดถึงอะไรบางอย่าง
เฉินเจียนได้แต่เก็บความรู้สึกใจเต้นแบบนี้เอาไว้
“ลืมไปเถอะ อย่าไปคิดถึงมันมากเลย เดี๋ยวนายก็นึกออกเองแหละ” เฉินเจียนยื่นผ้าเช็ดตัวให้กับเขา เพราะใบหน้าของชายหนุ่มในตอนนี้เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อแล้ว
หลังจากนั้นฉู่เหินก็ปฏิเสธและไปหางานอย่างอื่นทำต่อ เขาคิดว่าตัวเองน่าจะหัวโล่งกว่านี้ถ้าเกิดว่าได้ทำงาน
ในสวนเล็ก ๆ หลังบ้านของเธอ ฉู่เหินทำงานอย่างหนักหน่วงอยู่ที่นั่น เมื่อเห็นว่าเหงื่อของเขาไหลออกมาเฉินเจียนก็รีบวิ่งไปเอาผ้ามาเช็ดให้ทันที การกระทำดังกล่าวของหญิงสาว ทำเอาหัวใจของฉู่เหินรู้สึกพองโต
ตั้งแต่ที่ฉู่เหินมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เขาก็พยายามตามหาความทรงจำของตัวเองทุกวันแม้จะยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครก็ตาม และทุกครั้งที่เฉินเจียนเห็นเขาตอนกลางคืน นั่นก็มักจะเป็นว่าที่เขาฝึกตัวเองอยู่ที่สวนด้านหลังเสมอ
หญิงสาวและเด็กทั้งสองจึงเข้าไปร่วมฝึกด้วยอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่ามันจะลำบากในตอนต้นก็จริง แต่มันก็ช่วยให้ร่างกายได้ขยับเขยื้อนบ้าง
ในขณะเดียวกัน การที่ฉู่เหินได้หายตัวไป มันทำให้เกิดความแตกตื่นขึ้น และถึงแม้หลิวเสี่ยวชิงและหวงลี่ลี่ที่เป็นเพียงแค่นักเรียน นักศึกษาเท่านั้น แต่ด้วยความสามารถของพวกเธอ เพียงไม่นาน ทั้งสองสาวก็ได้พบเข้ากับเบาะแสของฉู่เหินที่หายตัวไป