บทที่ 95 ต้นไม้แห่งขุมทรัพย์
เรื่องอื่นไม่ต้องไปพูดถึง ยังไงเสียภูเขาหนึ่งลูกจะมีเสือสองตัวไม่ได้ ซึ่งแปลว่าอีกไม่นานนัก หนึ่งในพวกเขาทั้งสามจะต้องทำการกลืนกินอีกสองกองกำลังที่เหลือเข้าไปอย่างแน่นอน และเพราะแบบนี้ โอวหยางหงและอู๋โหย่วเต้าจึงไม่คิดจะเป็นเพื่อนกับเขา
“สหายหลิน วิทยายุทธ์ของนายยังสุดยอดเหมือนเดิมเลยนะ” โอวหยางยิ้มให้กับยีซานแต่ในใจของเขาก็ด่าทออีกฝ่าย ‘แม่งเอ๊ย สักวันหนึ่งแกจะต้องชดใช้กับสิ่งที่ทำไว้’
ทั้งสองคุยกันเล็กน้อยก่อนที่จะเดินทางต่อ ตอนนี้สมบัติล้ำค่าอยู่ไม่ไกลแล้ว พวกเขารู้ว่ากองทัพปีศาจนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน และผู้นำของมันทำให้ไม่มีใครสามารถย่างกรายเข้าไปในนั้นได้
แน่นอนว่าเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ก็ได้พบกับปีศาจมากมาย โชคยังดีที่สมบัติยังไม่ถูกขุดออกไป
สมบัติที่พวกเขาพูดถึงน่าจะเป็นต้นไม้ต้นนี้ ถึงมันจะเป็นแค่ต้นหยินเย่ซงธรรมดาที่อายุมากแล้ว แต่อยู่มาวันหนึ่งมันก็ได้เปล่งแสงออกมา และในตอนนี้เหมือนว่ามันกำลังจะออกดอกออกผลยังไงอย่างงั้น
แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ว่าต้นไม้ตนนี้จะให้ผลจะให้อะไรออกมา แต่พวกเขาก็มั่นใจเป็นอย่างมากว่ามันจะต้องล้ำค่าแน่ ๆ ซึ่งก็สังเกตได้จากรัศมีที่มันเปล่งออกมา
หลังจากที่กองกำลังทุกฝ่ายมาเผชิญหน้ากัน พวกเขาก็ออกไปคุ้มกันคนละเส้นทาง ทันทีที่ผลมันร่วงลงมาทุกคนก็รีบเข้าไปแย่งมันมาทันที ขนาดผลไม้นั้นไม่ใหญ่มาก หากแต่มันก็เปล่งแสงออกมาเรื่อย ๆ คนที่อ่อนแอกว่าก็ถอยออกมาเพื่อให้พวกกองทัพใหญ่เข้าไปจับจองมัน
ท้ายที่สุดแล้วผู้คนนับหมื่นมารวมตัวกันที่นี่เพียงเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พวกเขาเหล่านั้นพากันตั้งค่ายพักกันเต็มไปหมด ทุกสายตาล้วนแล้วแต่จับจ้องไปยังต้นไม้ที่กำลังเปล่งแสง
ทว่า จำนวนคนมากขนาดนี้ พวกเขาย่อมไม่สามารถแบ่งผลไม้ได้อย่างเท่าเทียม ดังนั้นถ้าให้พูดก็คือ ในขณะนี้นั้นพวกกองกำลังฝ่ายมนุษย์จึงได้แอบวางแผนร่วมกันที่จะทำลายกองทัพปีศาจให้สิ้นไป เพื่อจะได้ลดตัวแปร และจำนวนของผลไม้ที่ต้องแบ่ง
หลังจากที่หัวหน้าของแต่ละฝ่ายได้แอบวางแผนกันแล้ว พวกเขาก็เตรียมตัวเปิดศึกกับพวกปีศาจ ปีศาจพวกนี้เองไม่ได้โง่ เพียงพริบตาพวกมันก็รู้สึกได้ถึงแผนร้ายของมนุษย์ หลังจากนั้นพวกมันไม่พูดอะไรทั้งนั้น แล้วเลือกที่จะคำรามออกมาเสียงดัง
หลังจากได้ยิน กองทัพมนุษย์ทั้งหลายก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมา พวกเขารู้ว่านี่คือวิธีการส่งสัญญาณให้กับเผ่าของพวกมัน ถ้ายังมาเยอะกว่านี้ เกรงว่าจะทำให้พวกเขาเสียเปรียบ
“ตอนนี้ พวกนายฝ่ายพันธมิตรฝึกยุทธ์อิสระ ร่วมพันธมิตรกับกองกำลังทั้งสามชั่วคราว และหลังจากที่จัดการกับพวกปีศาจได้แล้ว มาแบ่งผลตามกำลังที่ออกไปมากหรือน้อย” ถ้าเกิดว่าโอวหยางหงหรืออู๋โหย่วเต้าพูดคำนี้ออกมา ทุกคนก็จะเข้าร่วมกันทันทีแบบไม่ลังเล
ทว่า เมื่อหลินยีซานเป็นคนพูด ทุกคนในกลุ่มพันธมิตรฝึกยุทธ์อิสระก็ต้องเริ่มคิดกันมากขึ้น ชายคนนี้ไม่ใช่คนรักษาคำพูด แต่ถ้าพวกเขาไม่ยอมรับมันก็จะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากแน่
“ฉันว่าก็ดี ถ้าถึงตอนนั้นใครไม่รักษาคำพูด พวกเราทั้งสองคนใดคนหนึ่ง จะไปเข้าร่วมกับพันธมิตรฝึกยุทธ์อิสระเพื่อทำลายล้างฝ่ายที่ไม่รักษาคำพูด” อู๋โหย่วเต้าขมวดคิ้ว หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นจากนั้นก็ยิ้มออกมา
ส่วนยีซานเองก็เริ่มคิ้วขมวดเมื่อได้ยินดังนั้น เขาพูดออกมาแบบนั้นก็จริงแต่ก็ไม่ได้มีความคิดว่าจะมอบผลไม้ให้กับใครอื่นแต่อย่างใด แต่ถ้าเกิดว่าโอวหยางหง อู๋โหย่วเต้า และพันธมิตรผู้ฝึกยุทธ์อิสระร่วมมือกันต่อต้านเขากันละก็ แบบนั้นเขาเองก็คงเอาชนะไม่ได้
“สหายอู๋พูดถูกแล้ว” โอวหยางหงพูดต่อ
หลังจากได้ยินคำพูดแบบนี้จากทั้งสองฝ่าย ผู้คนจากกลุ่มพันธมิตรผู้ฝึกยุทธ์อิสระก็โล่งอก ถ้าเกิดว่าฝ่ายหมู่บ้านแห้งแล้งกล้าเล่นตุกติกละก็ อย่างน้อยก็ยังมีคนคอยจัดการให้
ยีซานไม่พอใจที่ได้ยินแบบนั้น แต่เขาเองก็ต้องทำใจยอมรับมัน ตอนนี้ตัวเขาไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ดังนั้นตอนนี้จึงได้คิดหาทางกำจัดพวกปีศาจไปเสียก่อน
แต่เรื่องหลังจากนี้ เหล่าปีศาจจะมาแก้แค้นไหม? พวกเขาไม่ได้ใส่ใจ ถึงปีศาจพวกนี้จะไม่ธรรมดา แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะยอมอยู่เฉย ถ้าหากทั้งสามกองกำลังร่วมมือกันแล้วละก็ ต่อให้เผ่าปีศาจจะมาแก้แค้น มันก็คงไม่ง่ายขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นแล้ว พวกมันก็คงยกทัพมาตีเพื่อแย่งชิงพื้นที่ของมนุษย์ไปนานแล้ว
เมื่อปีศาจเห็นพวกมนุษย์ร่วมมือ พวกมันก็เริ่มรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี แต่พวกมันก็ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด ปีศาจถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาเพื่อฆ่าฟันอยู่แล้ว แต่ยิ่งไปกว่านั้น กำลังเสริมของพวกเขาก็กำลังจะมาถึง ฝั่งพวกมันเองก็มียอดฝีมือเช่นกัน ถึงตอนนั้นใครชนะก็ยังไม่แน่
ว่าแล้วกองทัพปีศาจก็พากันคำรามก่อนที่จะเข้าปะทะกันกับกองกำลังมนุษย์ ก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น ยีซานได้แอบออกคำสั่งไปยังลูกน้องของเขาว่า ตอนที่ออกไปสู้ ให้ออมแรงเอาไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วให้อีกสองกองกำลังสู้สุดชีวิต แบบนี้เขาจะได้หัวเราะทีหลังได้
แต่ยีซานหาใช่คิดได้แบบนี้คนเดียวไม่ เพราะอีกสองกองกำลังต่างก็รู้ดีว่าการมีชีวิตอยู่จนถึงสุดท้ายต่างหากจึงจะถือว่าได้รับชัยชนะ หากจะเอาแต่สู้แบบมุทะลุ แบบนั้นมันจะไปต่างอะไรกับการเข้าไปตาย
หลังจากที่การต่อสู้เริ่มต้น พวกมนุษย์เองก็พยายามทำการล้อมปีศาจเอาไว้ ผลสรุปก็คือพวกมนุษย์กว่าหมื่นคนกำลังเข้าห้ำหั่นกับปีศาจนับร้อย นี่นับได้ว่าเป็นการโจมตีที่แปลกมาก
ยีซานที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่กัดฟัน เขาต้องร่วมมือกับกลุ่มอื่นต่อไป ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดว่ากำลังเสริมของพวกปีศาจมาถึงล่ะก็ บทสรุปนี้คงไม่สวยแน่
ทว่า หลังจากหนึ่งในนั้นกำลังจะรุกคืบเข้าไป พวกเขาก็เริ่มรู้สึกแล้วว่ายีซานนั้นน่าจะกำลังเล่นไม่ซื่อกับพวกเขาอยู่แน่ ๆ
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างยาวนานจนท้ายที่สุดแล้วพวกปีศาจก็ตายหมดสิ้น
ทว่า พวกกำลังเสริมของปีศาจได้มาถึงแล้ว พวกทหารนับล้านกำลังถูกปีศาจล้างแค้น
หนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย เมื่อเขาและเธอเห็นภาพตรงหน้า มันก็ทำให้พวกเขาเกิดความหวาดกลัวขึ้น
“ศิษย์พี่ เราหนีกันก่อนเถอะ ยังไงเราก็อยู่ฝ่ายอื่น ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่ต้องออกมาสู้รบแบบนี้ ที่สำคัญทั้งสามกองกำลังไม่ได้สามัคคีกันสักหน่อย ถ้ายังคงสู้แบบนี้ต่อไป พวกเราสองคนต้องตายแน่ ๆ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นบอกศิษย์พี่ของเธอ
“เจ้าไปก่อนเลย หลังจากที่ข้าได้ผลไม้แล้วจะรีบตามไป เจ้าสิ่งนี้ต้องเป็นของล้ำค่าเป็นแน่ มันน่าจะช่วยให้ข้ายกระดับวิทยายุทธ์ของตัวเองได้แน่” ชายหนุ่มยังไม่มียินยอมจากไป ในใจของเขาตอนนี้ มันเต็มไปด้วยความละโมบ