บทที่ 100 นางเงือก[รีไรท์]
ในตอนที่ฉู่เหินมาถึงถิ่นของเผ่าเงือก พวกเงือกต่างก็ตกใจกับการมาของสิ่งมีชีวิตประหลาดอย่างฉู่เหิน แถมดาบเล่มนั้นยังส่งพลังแปลกประหลาดออกมาด้วย นั่นจึงทำให้พวกเงือกคิดว่าชายหนุ่มผู้นี้น่าจะเป็นสายลับที่ราชาฉลามส่งมาอย่างแน่นอน
“เจ้าหัวขโมย แกกล้าดียังไงถึงได้เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ยอมแพ้เสียแล้วจะได้รับการไว้ชีวิต ถ้าขัดขืนแกตาย!” นางเงือกสองตัวที่มีขาเป็นปลาหมึกตะโกนออกมา
“จะมีเรื่องก็เข้ามา คิดว่าฉันกลัวพวกแกรึไง? วันนี้ฉันจะจัดการตัวประหลาดอย่างพวกแกให้สิ้นซาก”
ฉู่เหินเห็นว่าตัวเองถูกล้อมด้วยตัวประหลาดเข้าให้แล้ว เขาจึงได้ตัดสินใจทำโหดใส่อีกฝ่าย ซึ่งตรงข้ามกับภายในใจที่รู้สึกร้อนรน
เมื่อเรื่องราวมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉู่เหินจะถอยหลังกลับได้ยังไง? ตอนนี้จะมีก็แต่ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นถึงจะอยู่รอด
เงือกทั้งสองมองหน้ากัน ยิ่งได้ฟังสิ่งที่เจ้าตัวประหลาดสองแขนสองขานี่พูดแล้ว พวกเขาก็ยิ่งมั่นใจเลยว่าชายหนุ่มน่าจะเป็นสายลับที่ราชาฉลามส่งมาแน่ ๆ เงือกทั้งสองกำสามง่ามในมือแน่น ฉู่เหินสังเกตแล้วคิดว่าพวกเขาทั้งสองน่าจะเป็นระดับปรมาจารย์และระดับผู้เชี่ยวชาญแน่ ๆ
เมื่อรู้แบบนั้นชายหนุ่มก็ขมวดคิ้ว
“ในเมื่อพวกนายหาเรื่องเอง งั้นอย่ามาโทษฉันที่โหดร้ายก็แล้วกัน” ฉู่เหินพุ่งไปด้านหลังของเงือกสองตัวนั้นอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาเดียว เงือกทั้งสองก็ถูกทุบเข้าที่ท้ายทอย
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้พบสถานการณ์แบบนี้ แม้แต่คนที่มีวิชายุทธ์เก่งกาจก็ไม่อาจเร็วได้ขนาดนี้เลยนะ
“วู้วววววว” เสียงคำรามของเงือกสองตัวนั้นทำให้ชายหนุ่มสับสนไปชั่วขณะ แต่เสียงพวกนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เนื่องจากวิชาของเขานั้นเก่งกล้ามากพอ
ร่างของเงือกทั้งสองร่วงลงไปสู่พื้นทะเลอย่างนิ่มนวล สำหรับสองคนนี้แล้วฉู่เหินไม่อาจฆ่าพวกเขาได้หรอก เพราะที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ของเขา ดังนั้นถ้าหากจัดการไปแล้ว แบบนั้นคงอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
เมื่อมั่นใจว่าทั้งสองตัวนั้นสลบไปแล้ว ฉู่เหินก็พร้อมที่จะวิ่งหนีเต็มที่ มันไม่ใช่เรื่องที่ดีซักเท่าไหร่ในการไปยั่วยุยามเฝ้าประตูระดับสูงแบบนั้น ทว่าระแวงก็ส่วนระแวง เพราะยังไงเสีย ด้วยความสามารถของเขาแล้ว การหลบหนีจากที่แบบนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าโจรชั่ว กล้ามาก่อเหตุแบบนี้งั้นเหรอ อย่าได้คิดจะหนีเชียว ไม่งั้นแล้วลูกธนูได้ปักบนตัวแกแน่!”
เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังเขา แม้ว่าชายหนุ่มจะเตรียมใจไว้แล้วแต่ก็ยังสั่นเกร็งอยู่ดี เขาหันกลับไปมองยังด้านหลังของตัวเอง
ชายหนุ่มรู้ตัวว่านี่เป็นปัญหาใหญ่แล้ว เพราะในตอนนี้มีคนมากมายกำลังไล่ล่าเขาอยู่ แถมคนพวกนี้ก็แปลกประหลาดเอาเสียด้วย คนอะไรจะมีท่อนบนเป็นมนุษย์แต่ท่อนล่างเป็นปลา
ขาของพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ ซึ่งทำให้ชายหนุ่มประหลาดใจมาก บางคนก็เป็นปลาบางคนก็เป็นปลาหมึก ยิ่งจ้องมองก็ยิ่งทำให้เขาประหลาดใจ
บางคนก็มีท่อนล่างเป็นม้าและสัตว์ประหลาด แน่นอนว่าใคร ๆ ก็อยากมองเงือกสาวแสนสวยกันทั้งนั้นแหละ ฉู่เหินสาบานต่อสวรรค์ได้เลยว่าเขาได้พบกับเงือกในตำนานเข้าให้แล้ว
เพราะนางเงือกที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้สวยยิ่งกว่าในตำนานเสียอีก แม้ว่าชายหนุ่มจะถูกล้อมด้วยฝูงเงือกมากมายที่มีสามง่ามเล็งมาที่เขาอยู่ แต่เขาก็จ้องมองไปยังเหล่านางเงือกที่ถือสามง่ามพวกนั้น
ไม่ว่าครึ่งล่างจะเป็นปลา หรือสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธของเธอก็ตาม แต่นั่นก็ยังไม่อาจบดบังความสวยงามได้อยู่ดี
ฉู่เหินรู้สึกได้ว่าพวกนางเงือกน่าจะกำลังโกรธมาก แต่เขากลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารเลย แท้จริงแล้วเผ่าพันธุ์นี้เป็นเผ่าพันธุ์รักสันติ ซึ่งเรื่องนี้นั้นถือเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจมากสำหรับชายหนุ่ม
เมื่อรู้แบบนี้ฉู่เหินก็ยิ่งสงสัย ทำไมเงือกถึงล้อมเขาไว้กัน ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากจะฆ่าเขาแท้ ๆ ซึ่งนี่ก็ยังไม่นับรวมไปถึงอาการโมโหที่แสดงอยู่บนใบหน้าของพวกเขาอีก ตามปกติแล้วฉู่เหินไม่ใช่คนที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นซักเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นแบบนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“ฉันไม่รู้หรอกว่าพวกแกกำลังพูดถึงอะไร? ฉันแค่มาเก็บสาหร่ายทะเลกับปะการังสวย ๆ แค่นั้น ส่วนอย่างอื่น ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น! ที่มาต่อสู้อยู่ตรงนี้ก็แค่บังเอิญ ถ้าพวกแกปล่อยฉัน ฉันก็จะไปทันที ไม่อย่างนั้น เราก็มาสู้กัน”
ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกตึงเครียด เขาคิดว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้คงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แล้ว หลังจากคำพูดของเขาถูกพ่นออกไป พวกเงือกก็พากันหยุดนิ่ง อยู่ในท่าเตรียมพร้อม
เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ดูท่าจะไม่ดีแล้ว เขาทำการเรียกฉู่เฟิงออกมา ทันทีที่มันออกมา ฉู่เฟิงก็คำรามเสียงดังจนทำให้พวกเงือกทุกตนตะลึง พวกเขาหวาดกลัว และพากันคิดว่าคงไม่อาจจะต่อกรกับเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้ได้แน่
เมื่อคิดแบบนั้น พวกเงือกจึงเริ่มอยากที่จะปล่อยตัวฉู่เหินไป แต่ถ้าเจ้าสิ่งมีชีวิตตรงหน้าเป็นสายลับขึ้นมาจริง ๆ ละ ? แบบนี้เผ่าเงือกของพวกเขาคงได้เจอเข้ากับหายนะแน่ๆ
ทั้งสองเผชิญหน้ากันด้วยความตึงเครียด ก่อนที่จะมีเสียงดังขึ้น
“หยุดนะ อย่าทำให้เขาต้องลำบากใจแบบนั้นสิ เขาก็เป็นแค่มนุษย์ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับฉลามนั่นหรอก ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าเจ้ามาที่นี่ทำไม?” เสียงแก่คร่ำครึดังเข้ามาในหูของทุกคนบริเวณนี้ มันช่างเป็นเสียงที่ดูใจดีเสียยิ่งกว่าอะไร
ถึงแม้ฉู่เหินจะไม่เคยเจอเจ้าของเสียงมาก่อน แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความใจดีที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงได้ บางทีอาจจะเป็นคนที่มีชะตากรรมเหมือนกับเขาก็ได้ หลังจากคิดอยู่นานฉู่เหินก็พยักหน้าแล้วจึงลดอาวุธตัวเองลง
ภายใต้สายตากดดันของเหล่านางเงือกทั้งหลาย ชายหนุ่มค่อย ๆ เดินไปยังด้านหน้าประตูวัง และเมื่อพวกเงือกเห็นว่าฉู่เหินไม่มีท่าทีตุกติกอะไร พวกเขาต่างก็โล่งอกและปล่อยผ่านให้ชายหนุ่มเข้าไป