ตอนที่ 15-1 ความลําบากใจ
ในตอนนี้ความมืดค่อยๆ ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
และดวงดาวจํานวนนับมิถ้วนได้ส่องแสงระยิบระยับพร่างพราวไปทั่วท้องฟ้าในยามราตรี
ความชื้นแทรกซึมในชั้น
บรรยากาศทําให้สายลมที่พัดผ่านมามีความเย็นสบายอย่างน่าประหลาดใจ
ซางอู๋ซินกําลังยืนอยู่ข้างหน้าต่างห้องนอน ขณะที่จ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งเป็นพิเศษในค่ําคืนนี้
ดวงดาวที่อยู่ห่างไกลกําลังเปล่งประกายราวกับน้ําตาที่กําลังคลอเบ้าตา
ทันใดนั้นได้มีบางอย่างรบกวนบรรยากาศอันเงียบสงบนี้
องครักษ์ในตําหนักส่วนพระองค์ขององค์รัชทายาทกําลังต่อสู้กับชายแปลกหน้าชุดดําหลายคนที่บุกรุกเข้ามา
หากวันนี้ชางอู่ซินมิได้มีคําสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้ามาประจําที่ตําหนักส่วนพระองค์
ป่านฉะนี้ ชายแปลกหน้าทั้งหลายเหล่านี้คงจะล่วงล้ําเข้ามาในห้องนอนได้แล้วเป็นแน่
ทันใดนั้นได้มีเสียงที่แสดงถึงความกังวลใจดังขึ้นจากอู๋จู ผู้ซึ่งเป็นสาวใช้คนใหม่จากด้านหน้าห้องนอน
“องค์รัชทายาท!”
เนื่องจากอู๋เหว่ยได้รับหน้าที่ในการฝึกทหารองครักษ์รุ่นใหม่ นางจึงต้องออกไปปฏิบัติภารกิจภายนอกพระตําหนัก
อย่างไรก็ตาม นางได้ส่งมอบภารกิจภายในพระตําหนักทั้งหมดให้กับอู๋จูแล้ว
และอู๋จูสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในการดูแลชีวิตประจําวันของรัชทายาท
“อืม…”
น้ําเสียงที่แสดงถึงความมแยแสของชางอู๋ซินดังออกมาจากภายในห้องนอน
ดูเหมือนว่ารัชทายาทจะมิได้ใส่ใจกับการคุกคามของผู้ที่บุกรุกเข้ามาในยามค่ําคืนนี้เลย
ดังนั้นจิตใจที่ปั่นป่วนในตอนแรกของอู่จูจึงเริ่มสงบลง เมื่อนางได้ยินน้ําเสียงอันเฉยเมยนั้น
จากนั้นนางได้หยิบอาวุธของตนเองขึ้นมา และยืนรักษาการอยู่หน้าประตูห้องนอนด้วยความระแวดระวัง
ขณะที่เกิดความสงสัยในใจว่า เมื่อใดที่หัวหน้าขันที่ไร่จะกลับมาเสียที
ตราบเท่าที่เขากลับมา ความปลอดภัยขององค์รัชทายาทจะเพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
ในตอนนี้ชางอู๋ซินกําลังฟังเสียงที่เกิดจากการต่อสู้ของพวกเขาทั้งหลายด้วยความเงียบสงบ
โดยมิได้แสดงให้เห็นถึงความผันผวนทางอารมณ์แต่อย่างใด
แม้ว่าหัวหน้าขันที่ไร่จะให้การอบรมวิทยายุทธแก่ทหารองครักษ์เหล่านั้นเป็นอย่างดี
แต่การฝึกฝนและประสบการณ์การต่อสู้ของพวกเขานั้นยังคงอ่อนด้อยอยู่มาก
ดังนั้น การได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ในครั้งนี้ นับว่าเป็นเรื่องดีสําหรับพวกเขา
ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะเรียนรู้ที่จะมีความตื่นตัวมากยิ่งขึ้นนับจากนี้ และคงจะพยายามให้หนักยิ่งขึ้น
พวกเขาจะได้เห็นความอ่อนแอของตนเองจากประสบการณ์ตรง
สําหรับมือสังหารที่บุกเข้ามาเหล่านั้น ศิลปะการต่อสู้ของพวกเขานับว่ายอดเยี่ยมมาก และได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
ชางอู๋ซินรู้สึกชื่นชมองค์กรของพวกเขาที่สามารถปลูกฝังนักฆ่าที่โดดเด่นเช่นนี้ได้
ในขณะนี้เสียงของการต่อสู้ระหว่างอู๋จู และผู้ที่บุกรุกเข้ามากําลังดังอยู่บริเวณด้านหน้าห้องนอน
อู๋จูจ้องมองไปยังชายที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าอย่างกะทันหัน
แม้ว่านางจะมีนิสัยเย็นชา แต่ก็ยังเกิดความรู้สึกหวั่นไหวกับรูปลักษณ์ของเขาตั้งแต่แรกเห็น
แต่หลังจากนั้น นางได้ตั้งสติอย่างรวดเร็ว
และได้ร้องอุทานออกมาด้วยน้ําเสียงที่แสดงถึงความกังวลใจและความหวาดกลัวว่า
“ท่านฮันซวนฮ่าว!”
ฮันซวนฮ่าวเป็นมือสังหารอันดับหนึ่งขององค์กรระดับชาติ
เคยมีข่าวลือว่า มือสังหารในบ้านฮันซวนนั้นสามารถฆ่าผู้คนภายในชั่วพริบตา
และนายท่านของพวกเขานั้นชอบแต่งกายด้วยชุดสีแดง อีกทั้งรูปลักษณ์ของเขายังสามารถทําให้ผู้คนที่ได้พบเห็นเกิดความหลงใหล
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นข่าวลือที่เล่าต่อกันมา และมีเพียงมีกี่คนเท่านั้นที่ได้พบเห็นเขา
แต่เมื่อเห็นคนผู้นี้ ตอนนี้อู๋จูจึงมั่นใจว่าเขาเป็นนายท่านของบ้านตระกูลฮันซวน
นอกจากเขาแล้ว คงมิมีผู้ใดที่จะมีความสามารถในการบุกเข้ามายังพระตําหนักขององค์รัชทายาทได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้วิทยายุทธของเขานั้นยังมีความยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก จนทําให้นางมิสามารถปัดป้องได้เกินกว่าสองสามท่ารไอ!
การโจมตีของชายผู้นั้นส่งผลให้ร่างของลูกระเด็นเข้าไปชนเข้ากับประตูห้องนอนทันที
แต่สาวใช้ผู้นี้รีบพยุงตนเองให้ลุกขึ้นยืนขึ้นในทันที
เพราะนางยังคงมีความต้องการที่จะปกป้องประตูทางเข้าห้องนอนต่อไป
แต่ด้วยความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งของพวกเขา นางจึงถูกเท้าเตะให้กระเด็นออกมาอีกครั้ง
แต่คราวนี้ร่างของนางกองอยู่ที่พื้นโดยมิมีเรี่ยวแรงพอที่จะพยุงร่างของตนเองขึ้นมาได้
ชายผู้นั้นจ้องมองไปยังร่างของอู๋จู ที่ร่วงหล่นด้วยสายตาแห่งความประหลาดใจ
จบ
มีผู้ที่ซื่อสัตย์เช่นนี้รับใช้องค์รัชทายาทที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ด้วยหรือ?
บน
แม้แต่ผู้คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็ยังมีความจงรักภักดี
ดูเหมือนว่าเขาจะมิได้เป็นดังเช่นข่าวลือก่อนหน้านี้
หรืออาจมีความจริงบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่สามัญชนแพร่กระจายออกไปเมื่อมินานมานี้
เมื่อชางอู๋ซินได้ยินเสียง
ของอู๋จูร้องว่า ท่านฮันซวนฮ่าว” นางจึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
หรือว่ามันเป็นเรื่องของโชคชะตานําพาผู้คนมาพบกัน
ในตอนนี้นางยังมิได้มีความตั้งใจที่จะไปหาฮันซวนฮ่าว ที่บ้านตระกูลฮันซวน
แต่ชายผู้นั้นกลับมาหานางด้วยตัวของเขาเอง
หลังจากกลับมาที่ตําหนักในวันนั้น ชางอู๋ซินได้ทําการตรวจสอบบางสิ่งเกี่ยวกับชายลึกลับที่มีชื่อว่าฮันซวนฮ่าวผู้นี้
แม้ว่าจะมิมีผู้ใดรู้ชื่อเจ้าขององค์กร แต่นางมีความมั่นใจอยู่แล้วว่า
ชายที่ชื่อว่า ฮันชวนฮ่าวนั้นเป็นผู้นําองค์กรมือสังหาร
ชายผู้นี้จะคุกเข่าเพื่อทําตัวเป็นลูกน้องของผู้อื่นได้อย่างไร
“ในที่สุด…เจ้าก็มา”
น้ําเสียงที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม แต่ไร้อารมณ์ขันดังมาถึงหูของชายผู้นั้น
เขามองไปที่องค์รัชทายาท ขณะที่เกิดอาการตกตะลึงในทันทีที่ได้เห็น
ขณะนี้ตรงหน้าเขามีร่างของชายผู้บอบบาง ซึ่งสวมเสื้อคลุมที่มีสีดําสนิท
เครื่องประดับตกแต่งของเขาทํามาจากทองคํา และรัดด้วยเข็มขัดหยก มงกุฎสีทองฝังด้วยอัญมณีล้ําค่าประดับอยู่ที่ทรงผมของเขา
ความสง่างามของเขาช่างไร้ที่ติราวกับว่าช่างฝีมือแกะสลักใบหน้าของเขาด้วยหยกเนื้อดี
แม้ว่าเขาจะยืนอยู่อย่างนิ่งเฉยโดยมิได้มีปฏิกิริยาใดๆ แต่เสน่ห์และความสง่างามของเขานั้นช่างเหนือคําบรรยาย
มันทําให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
”เป็นท่านนั่นเอง!”
ฮันซวนฮ่าวกล่าวออกมาขณะที่มิสามารถควบคุมความประหลาดใจของตนเองเอาไว้ได้
เขามิเคยคาดคิดมาก่อนว่า ชายหนุ่มที่เขาเฝ้าค้นหาด้วยความเพียรพยายามจะกลายเป็นองค์รัชทายาทของแผ่นดินนี้
ขณะที่เขากําลังครุ่นคิดเช่นนั้น
ฮันซวนห่าวก็ได้ส่งสัญญาณออกไปทันที
และนักฆ่าที่ยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือดภายในพระตําหนักก็ได้ถอยกลับไปในทันที โดยหายไปในความมืดอย่างไร้ร่องรอย
ชางอู๋ซินสังเกตเห็นชายที่ปรากฏตัวในห้องนอนของตนเองอย่างพินิจพิจารณา
บางทีอาจจะมิมีชายผู้ใดที่สามารถมีความสง่างามในชุดสีแดงได้เท่าฮันซวนฮ่าว
ใบหน้าของเขามีเสน่ห์อย่างมิน่าเชื่อ ราวกับงานศิลปะที่อ่อนช้อยและนุ่มนวล
ผมยาวของเขาถูกมัดรวมกันด้วยผ้ามัดผมสีขาว และมีปอยผมเล็กน้อยพาดอยู่บนบ่า อีกทั้งผมของเขานั้นยังมีความยาวถึงช่วงเอว
หากชางอู๋ซินมิสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นเลือดที่โชยออกมาจากตัวเขา
นางคงจะเข้าใจผิด และคิดว่าเขาเป็นเพียงชายหนุ่มเสเพลธรรมดา